วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2558

หลวงพี่อุเทน แจงไม่ได้ลาออก แค่ลาพักงาน


พระครูปลัดอุเทน เจ้าอาวาส วัดท่าไม้ จ.สมุทรสาคร แจงไม่ได้ลาออก แค่หยุดพักปฏิบัติหน้าที่เจ้าอาวาส เนื่องจากปัญหาสุขภาพ ยันไม่ได้เบื่อขัดแย้งศิษย์วัดจนต้องสึก

จากกรณีมีจดหมายที่อ้างว่าเป็นของ พระครูปลัดอุเทน สิริสาโร เจ้าอาวาสวัดท่าไม้ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร วัดชื่อดัง ซึ่งมีลูกศิษย์จำนวนมาก ขอหยุดพักปฏิบัติหน้าที่ ตำแหน่งเจ้าอาวาส และฐานานุกรม โดยระบุว่ามีปัญหาสุขภาพนั้น

โดยความคืบหน้าล่าสุด (วันที่ 29 ม.ค. 2558) พระครูปลัดอุเทน สิริสาโร เจ้าอาวาสวัดท่าไม้ ได้ชี้แจงว่า ไม่ใช่การลาออก แต่เป็นการลาพักจากเจ้าอาวาส เนื่องจากปัญหาสุขภาพ และก็เพิ่งตัดถุงน้ำดีมา ซึ่งหมอบอกว่าต้องพัก แล้วจะให้รองเจ้าอาวาสขึ้นมาดูแลงานแทน ซึ่งก็ยังอยู่วัดเหมือนเดิม

เมื่อถามว่า ในจดหมายระบุมีการทะเลาะกันของ 2 ฝ่าย พระครูปลัดอุเทน เผยว่า ลูกศิษย์ในวัดมีเยอะ ไม่ได้ขัดแย้งกัน แต่เป็นเรื่องของการปฏิบัติ ซึ่งศิษย์ส่วนใหญ่จะฟังแต่อาตมา โดยไม่ฟังอาจารย์ที่คุมกรรมฐาน เพราะเราไม่ได้ให้อำนาจเขา ก็เลยต้องหาวิธีมอบอำนาจ ให้เขาคุมได้ ยืนยันไม่ได้เบื่อความขัดแย้งจนต้องสึก

พระครูปลัดอุเทน เผยด้วยว่า จากนี้ช่วงประมาณวันที่ 4-5 ก.พ. จะได้เดินทางไปเยี่ยมโยมแม่บุญธรรม ที่สหรัฐฯ ซึ่งได้รับบาดเจ็บหลังหัก จากการตกม้า จากนั้นจะรีบกลับมาเพราะจะมีงานตรุษจีน แล้วเดือนมีนาคม จะพาคณะประมาณ 100 คน ไปสวดมนต์ที่อินเดีย

เมื่อถามว่า จะพักงานมากน้อยแค่ไหน พระครูปลัดอุเทน เผยว่า ประมาณครึ่งปีน่าจะหาย โดยตั้งใจว่าจะฝึกกรรมฐานให้มากขึ้นกว่าเดิม และจะเน้นสอนกรรมฐานให้เยอะขึ้น

"วันนี้เหมือนประชาธิปไตย ฉันเป็นเจ้าอาวาสมา 8 ปี เหมือนนั่งมา 2 สมัย ควรจะให้คนมีความรู้มาบริหาร คือฉันคิดเหมือนฉันเป็นนักการเมือง คือเหมือนกับหัวหน้ารัฐบาลนั่งมา 2 สมัย ไม่ควรนั่งต่อ ควรให้คนยุคใหม่มาแชร์ไอเดีย เข้ามาบริหารจะได้เกิดการพัฒนาต่อเนื่อง ฉันคิดว่าฉันเป็นเจ้าอาวาสมานาน ไม่งั้นเราจะกลายเป็นอีโก้มาก ยึดติดมาก ฉันก็เลยใช้วิธีนี้เลย แบบสากลเลย" พระครูปลัดอุเทน กล่าว



*************************


เรื่องโดย : ไทยรัฐออนไลน์
เรียบเรียงโดย : เต้ มงคลพระ





วันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2558

นะชาลีติ เรืองรุ่งเจริญศรี ไม่มีอับจน!!


พระสีวลี คือ พระอรหันต์ที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลายมักนิยมบูชาด้วยความศรัทธา โดยแฝงนัยแห่งความเชื่อที่ว่า เป็นผู้บันดาลลาภผลและความสมบูรณ์พูนสุข แม้เพียงเอ่ยพระนามหรือภาวนาพระคาถา โดยน้อมจิตรำลึกถึงองค์ท่านด้วยความเลื่อมใส “ลาภสักการะ” ก็จะไหลมาเทมาสู่บุคคลผู้นั้น ราวกับสายน้ำที่อุดมไปด้วยความสุขสมทั้งกาย จิต และเงินทอง

โดยตำนานในสมัยพุทธกาลเคยกล่าวไว้ว่า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านทรงรับรอง พระสีวลี ว่า “เป็นผู้มีบุญมาก เทวดารัก” ดังความในพระไตรปิฎกที่ระบุว่า ...สมัยหนึ่ง พระบรมศาสดาเสด็จพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ จำนวน 500 รูปไปเยี่ยมพระเรวตะ ผู้เป็นน้องชายของพระสารีบุตรเถระ ซึ่งจำพรรษาอยู่ ณ ป่าไม้ตะเคียน เมื่อเสด็จมาถึงทาง 2 แพร่ง พระอานนท์เถระได้กราบทูลสภาพหนทางว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าเสด็จไปทางอ้อม ระยะทางไกล 60 โยชน์ มีประชาชนอยู่อาศัยมาก พระภิกษุไม่ลำบากด้วยภิกขาจาร แต่ถ้าเสด็จไปทางลัดระยะทางประมาณ 30 โยชน์ ไม่มีประชาชนอยู่อาศัย มีสภาพเป็นป่าใหญ่ มีแต่อมนุษย์อยู่อาศัย พระภิกษุสงฆ์จะลำบากด้วยภิกขาจาร”

พระพุทธองค์ จึงตรัสถามว่า “ดูก่อนอานนท์ พระสีวลีมากับเราด้วยหรือไม่?”

“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระเสวลีมากับเราด้วย พระเจ้าข้า” พระอานนท์เถระได้กราบทูลตอบ

พระพุทธองค์ จึงตรัสว่า “ดูก่อนอานนท์ ถ้าอย่างนั้นก็จงไปทางลัด ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวลด้วยอาหารบิณฑบาต เพราะเทวดาทั้งหลายที่สิงสถิตอยู่ในป่าระหว่างทาง จะจัดสถานที่พักและอาหารบิณฑบาตไว้ถวายพระสีวลี ผู้เป็นที่เคารพนับถือของพวกตน เราทั้งหลายก็จะได้อาศัยบุญของพระสีวลี นั้นด้วย”

ดังนั้น พระสีวลีเถระ จึงถือเป็นพระอรหันต์ที่ได้รับการเป็นเอตทัคคะผู้เลิศในทาง ผู้มีลาภมาก ส่งผลให้เกิดความเชื่อความศรัทธาในหมู่พุทธศาสนิกชนว่า หากบุคคลใดบูชา พระสีวลี บุคคลนั้นจะมั่งมี โชคดี ดวงดี เงินทองไหลมาเทมา


นะชาลีติ หรือ คาภาหัวใจพระสีวลี คือ อักขระศักดิ์สิทธิ์ที่พระเกจิอาจารย์ผู้ทรงคุณวิเศษหลายท่านนิยมอัญเชิญมากำกับลงไว้ ณ วัตถุมงคล เพื่อความประเสริฐแห่งลาภผลของบุคคลที่บูชา ทั้งยังแฝงอุปเท่ห์แห่งเส้นทางสู่เจริญรุ่งเรือง โดยหากประพฤติอย่างต่อเนื่องจะไม่มีวันที่อับจน ซึ่ง “คาภาหัวใจพระสีวลี” นั้น มีใจความสำคัญที่แฝงเอาไว้ว่า

นะ หมายถึง นอบน้อม มีสัมมาคาราวะ
ชา หมายถึง ขวนขวายเรื่องการงาน
ลี หมายถึง ไม่นอนมาก ไม่นอนดึก ไม่ตื่นสาย
ติ หมายถึง ว่าโดยทั้งหมด

กล่าวโดยสรุปว่า หากเราเป็นผู้ที่มีความนอบน้อม มีสัมมาคาราวะ ขวนขวายอย่างจริงจัง มุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่การงาน ไม่เป็นผู้ที่นิยมสะสมความเกียจคร้าน มีกุศลจิตในการประกอบกิจการ ชีวิตก็จะพบพานแต่ความเจริญรุ่งเรือง


*************************


เรื่อง/เรียบเรียงโดย : เต้ มงคลพระ







วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2558

สิ้นแล้ว!! หลวงปู่ผาด เกจิดังวัดบ้านกรวด บุรีรัมย์


สิ้นแล้ว!! เกจิดัง “หลวงปู่ผาด” เจ้าอาวาสวัดบ้านกรวด อ.บ้านกรวด มรณภาพอย่างสงบที่วัด หลังออกจากโรงพยาบาลบ้านกรวด ด้วยโรคชรา สิริรวมอายุได้ 104 ปี 85 พรรษา

เมื่อ 5 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระครูวิบูลย์ ปัญญาวัฒน์ หรือ หลวงปู่ผาด ฐิติปัญโญ พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่ง วัดบ้านกรวด ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ได้มรณภาพแล้วอย่างสงบด้วยโรคชราที่วัดบ้านกรวด หลังถูกส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลรวมแพทย์สุรินทร์ ตั้งแต่เมื่อต้นเดือน ธ.ค.2557 ที่ผ่านมา หลวงปู่ผาด ได้ป่วยด้วยโรคชรามานานหลายปีมานี้อาการไม่ค่อยดี และเมื่อเช้าวันที่ 5 ม.ค.2558 พระลูกวัดและศิษยานุศิษย์ได้นำตัวหลวงปู่ผาดกลับมาที่วัดบ้านกรวด เพื่อทำพิธีสวดมนต์ต่ออายุขัยให้หลวงปู่ผาด จนกระทั่งเวลา 11.58 น.วันนี้ 5 ม.ค. หลวงปู่ผาดก็ได้มรณภาพอย่างสงบ โดยสิริอายุ 104 ปี 8 เดือน 2 วัน พรรษา 85 พรรษา นับเป็นพระสงฆ์ที่มีอายุมากที่สุดในจังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อเดินทางไปตรวจสอบที่วัดบ้านกรวด ก็พบว่าบรรดาพระสงฆ์และชาวบ้านกำลังจัดเตรียมสถานที่ เพื่อจัดพิธีศพของหลวงปู่ผาด กันอย่างขะมักเขม่น โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า มีพุทธศาสนิกชนได้เดินทางมากราบไหว้เป็นจำนวนมาก

นายเฉลิมพล นิรันดร์ปกรณ์ นายกเทศมนตรีตำบลบ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ หนึ่งในศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่ผาด กล่าวว่า หลวงปู่ผาดได้ป่วยด้วยโรคชรามานานหลายปีมานี้อาการไม่ค่อยดี จนกระทั่งเมื่อต้นเดือน ธ.ค.2557 ที่ผ่านมา ได้ถูกนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลรวมแพทย์สุรินทร์ และกลับมาที่วัด จนกระทั่งเวลา 11.58 น. วันที่ 5 ม.ค. ก็ได้มรณภาพอย่างสงบ

หลวงปู่ผาด ท่านเป็นพระผู้มีวัตรปฏิบัติ เป็นไปเพื่อการดับทุกข์โดยแท้ มีความเพียรเป็นเลิศตลอดชีวิตของท่าน ตั้งแต่บวชได้พรรษาแรกก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจมอบให้แก่ศาสนา มุ่งปฏิบัติ วิปัสสนากรรมฐาน และหลวงปู่ผาดยังเป็นพระที่รักสันโดษ ไม่ยึดติดในลาภยศสรรเสริญ พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นเนื้อนาบุญของพุทธศาสนา โดยแท้ ทุกลมหายใจเข้าออกท่านกำหนดจิตด้วยกรรมฐานมีสติอยู่เสมอ

ขณะที่ พระครูพิศาลสังฆกิจ เจ้าคณะอำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า เนื่องจากหลวงปู่ผาด เป็นพระเกจิที่พุทธศาสนิกชนเลื่อมใสศรัทธา ทางวัดได้พระราชทานน้ำหลวงอาบศพหลวงปู่ผาด พร้อมกับตั้งคณะกรรมการดูแลการตรวจสอบทรัพย์สินของหลวงปู่ผาด ที่มีทั้งวัตถุมงคลและปัจจัย ส่วนการบำเพ็ญกุศลศพของหลวงปู่ผาด จะมีพิธีสวดทุกวัน จากนั้นในวันที่ 15 ม.ค.58 จะมีพิธีบรรจุศพหลวงปู่ผาดไว้ในโลงแก้ว เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้

หลวงปู่ผาด ฐิติปัญโญ หรือ พระครูวิบูลย์ ปัญญาวัฒน์ เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 3 พ.ค.2454 จบ ป.4 เป็นชาวบ้านดู่ ต.ปราสาท อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ บุตรนายเอี้ยง กับ นางเตียบ ดิบประโคน มีพี่น้อง 4 คน หลวงปู่ผาดเป็นคนที่ 3 ขณะหลวงปู่ผาด อายุยังไม่ถึงขวบครอบครัวได้ย้ายมาอยู่ที่ ต.ปราสาท อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งได้บรรพชาบวชสามเณร เมื่อปี 2470 อายุ 15 ปี ที่วัดบ้านพลับ ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ บวชได้ 2 พรรษา ลาสิกขาบทไปช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนา

ต่อมาปี 2476 ขณะมีอายุ 22 ปี ได้อุปสมบทบวชเรียนที่วัดบ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เมื่อครั้งอดีตสมัยท่านเป็นพระหนุ่มๆ ท่านได้ออกจาริกแสวงบุญไปยังที่ต่างๆ เพื่อศึกษาหาความรู้ทั้งทางพระเวทย์ วิชาแพทย์แผนโบราณต่างๆ ตามความเชื่อ และความนิยมของชาวพื้นบ้าน ในสมัยนั้น ได้ไปศึกษาเล่าเรียนเวทวิทยาอาคมที่จังหวัดอุดรมีชัย ถึง 3 ปี (ในสมัยนั้น จังหวัดอุดรมีชัย ยังเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย ) จากนั้นท่านได้จาริกไปศึกษาหาความรู้จากครูบาอาจารย์ต่างๆ แทบจะทุกภาคของไทยและประเทศใกล้เคียง เคยธุดงค์ไปศึกษาวิชาอาคมที่นครวัต ที่ประเทศเขมร เป็นเวลา 8 ปี จนมีความรู้เจนจบในไสยเวททุกแขนง แตกฉานในวิปัสสนากรรมฐาน อย่างแจ่มแจ้ง ต่อมาเมื่อท่านมีอายุมากขึ้น ท่านได้รับถวายที่ดินจากชาวบ้าน จากนั้นท่านก็ได้บูรณะจากพื้นดินที่ว่างเปล่า จนเป็น “วัดตาอี” ให้เห็นเป็นรูปธรรมในปัจจุบัน

ต่อมา หลวงปู่หริ่ง เจ้าอาวาส วัดบ้านกรวด ได้มรณภาพลง ชาวอำเภอบ้านกรวด จึงได้นิมนต์ หลวงปู่ผาด มาเป็นเจ้าอาวาส แต่หลวงปู่ได้ปฏิเสธการเป็นเจ้าอาวาส วัดบ้านกรวด มาโดยตลอด แต่ในที่สุดท่านก็ทนแรงศรัทธาของญาติโยมไม่ไหว จึงต้องยอมรับ เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านกรวด เมื่อพ.ศ.2495 ก็ได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านกรวด จนถึงปัจจุบัน

หลวงปู่ผาด ท่านได้พัฒนา วัดสาขาของท่านถึง 4 แห่ง ก็คือ วัดตาอี,วัดบ้านปราสาท,วัดบ้านบึงเก่า และวัดบ้านกรวด เป็นรูปเป็นร่างมาจน ถึงปัจจุบันนี้ หลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด ท่านเป็นพระที่รักสันโดษ ไม่ยึดติดในลาภยศสรรเสริญ ท่านได้ปฏิเสธ ในการสร้าง วัตถุมงคล มาโดยตลอด แต่บรรดาศิษยานุศิษย์ได้รบเร้า หลวงปู่ว่า มีผู้เลื่อมใสศรัธา ในตัวหลวงปู่ ประสงค์อยากจะได้พระเครื่อง วัตถุมงคลของหลวงปู่ผาดไว้บูชา เพื่อเป็นสิริมงคล เป็นขวัญและกำลังใจในการดำเนินชีวิต หลวงปู่ท่านก็เลยอนุญาต ให้จัดสร้าง วัตถุมงคล ที่ออกมาภายใต้ชื่อ หลวงปู่ผาด

วัตถุมงคล หลวงพ่อผาด วัดบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ สายตรงจากวัด อาทิ พระเจ้าลิ้นทอง พระผงรูปเหมือน บูชา ล็อคเกต (ด้านหลังมีเกศา ,ตะกรุดสามดอก,ผงพุทธคุณ) พระเจ้าครอบเมือง พญาครุฑ (เนื้อพิเศษ) เนื้อผงปถมังผสมไม้มงคลเก้า,ผงจินดามณี,ไม้งิ้วดำ,ไม้งิ้วดำโรยผงเกสรดอกดาวเรือง,ว่าน ขุนแผนพรายกุมาร บูชา พระยอดขุนพล (เนื้อหัวเชื้อเนื้อผงตะไบ โรยเกศพระโบราณ ,ใบลานเผา) เหรียญรุ่นสร้างกุฏิ กุมารทองพรายเรียกทรัพย์ ท้าวเวสสุวัณ เนื้อโลหะรมดำ หลวงปู่ผาด พญาหมูมหาเฮง เนื้อผง ฝังตะกรุดโภคทรัพย์ 1 ดอก พญาหมูมหาเฮง เนื้อโลหะ ฝังตะกรุด 3 กษัตริย์ พระขุนแผนพรายกุมาร กรรมการ ตะกรุด 9 ดอก พระขุนแผนพรายกุมาร ตะกรุด 2 ดอก พระลักษณ์หน้าทอง เนื้อมหาว่านดำ พิมพ์เล็ก พระลักษณ์หน้าทอง เนื้อมหาว่านดำ พิมพ์ใหญ่ พระลักษณ์หน้าทอง เนื้อเกสร พิมพ์เล็ก พระลักษณ์หน้าทอง เนื้อเกสร พิมพ์ใหญ่ หนุมานพลิกดวงชะตา มหาอำนาจ



*************************


เรื่องโดย : ข่าวสดออนไลน์
เรียบเรียงโดย : เต้ มงคลพระ