วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

"วัวธนู" สุดยอดเครื่องราง มหาอำนาจและทรงพลัง


วัวธนู ถือเป็นเครื่องรางของขลังที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจและทรงพลัง ในสมัยโบราณเชื่อกันว่า วัวธนู คือเครื่องรางที่บรรดาผู้มีวิชา รังสรรค์ปั้นแต่งขึ้นเป็นรูป "วัว" ส่วนที่มีคำว่า "ธนู" พ่วงเข้ามาด้วยนั้น เนื่องเพราะเมื่อผู้มีวิชาปล่อยวัวอาถรรพ์นี้ออกไปทำร้ายผู้อื่น หุ่นวัวจะพุ่งไปในอากาศ ในขณะนั้นสภาพของหุ่นวัวธนูจะย่นย่อลงเป็น "ปรมาณู" วิ่งตรงไปยังเป้าหมาย

ผู้มีอาคมนิยมมักจะมีไว้ใช้เป็นทหารผี หรือเฝ้าบ้าน โดยแต่ละสำนักจะใช้คาถากำกับ และมีความเชื่อกันว่าต้องเซ่นไหว้ เพราะมีวิญญาณสิ่งสู่อยู่ หากไม่ไหว้ จะทำให้หุ่นไม่มีเรี่ยวแรงอิทธิฤทธิ์ และหากเป็นหุ่นผี เจ้าของอาจโดนเล่นงานถึงตายได้


หากแต่ "วัวธนู" ที่ให้ผลในด้านเมตตา สมสำเร็จในสิ่งปรารถนา และไม่ส่งผลร้ายต่อผู้ที่บูชาก็มีอยู่จำนวนไม่น้อยเช่นกัน โดยวัวธนูที่ให้ผลในเชิงมงคลนี้ ได้ถูกรังสรรค์ขึ้นโดย พระคณาจารย์ผู้เปี่ยมบารมีหลากยุคหลายสมัยไม่ว่าจะเป็น 

- หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง 
- หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม 
- หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม

วัวธนู มักจะสร้างขึ้นจากวัสดุมวลสารศักดิ์สิทธิ์ 3 ประเภท คือ

- วัวธนูทอง สร้างด้วยโลหะอาถรรพณ์มีตะปูโลงศพเหล็กขนันผีตายทั้งกลม งั่ง (ตัวยาซัดทองชนิดหนึ่ง) ทองแดงเถื่อน ดีบุก ทองขวานฟ้าเงินปากผี ทองยอดนพศูล หล่อเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน

- วัวขี้ผึ้ง ถือเป็นวัวธนูชั้น 2 ทำจากขี้ผึ้งปิดหน้าผีตายโหง ผีตายทั้งกลม ผสมผงผีตายพราย ฯลฯ 

- วัวไม้ไผ่ ถือเป็นวัวธนูชั้น 2 ทำขึ้นใช้ชั่วคราวในเวลาฉุกเฉิน โดยใช้ไม้ไผ่คร่อมทาง กลั้นหายใจตัดตั้งนะโมตัสสะกะทีเดียวให้ขาด นำมาสานเป็นรูปวัว คล้ายเฉลวปักหม้อยาโบราณ

มีตำนานเล่าขานตั้งแต่โบราณกาลว่า พระธุดงค์รูปหนึ่งออกแสวงหาความสงบในป่า ช่วงนั้นมีชายชรานุ่งห่มขาวขอติดตามไปด้วย ระหว่างเดินทางนั้นไผ่ต้นหนึ่งโน้มลำต้นขวางทาง จึงเอามีดหมอตัดจักเป็นตอกใส่ย่ามไว้ เมื่อจวนจะถึงช่วงตะวันที่จะลับเหลี่ยมเขาหลุดจากขอบฟ้า ก็ได้เดินทางมาถึงพระอุโบสถร้าง ด้านหลังมีกุฏิเก่าหลังหนึ่ง บนนั้นมีภิกษุ 4 รูปนั่งสุมกันอยู่ ก้มหน้าไม่ทักทายพระธุดงค์ชรารูปนั้นเลย แต่หากสังเกตที่แววตาแล้วเสมือนกับดวงตาของสัตว์ร้าย

ชายชราผู้นั้นจึงให้พระธุดงค์เข้าจำวัดในพระอุโบสถ จากนั้นจึงเอาเทียนขี้ผึ้ง 2 เล่ม พร้อมธูป 3 ดอก จุดบูชาพระรัตนตรัยแล้วชายผู้นั้น ก็สานตอกเป็นรูปวัวไว้หลายตัว

ตกค่ำก็เกิดเหตุที่ไม่คาดฝันเมื่อมีเสียงเสือคำรามพร้อมกับกลิ่นสาบโชยมา เขาจึงกระซิบให้พระธุดงค์ตั้งสมาธิจิตบริกรรมพระพุทธคุณ หากมีสิ่งใดผิดปกติอย่าได้สนใจเป็นอันขาด แล้วเขาก็เอาไม้ไผ่สานสอดหันหน้าออกไปตามช่องต่างๆ

เมื่อบริกรรมคาถา พลันก็ได้ยินเสียงสัตว์ต่อสู้กันอย่างรุนแรงจนกระทั่งสงบนิ่งไป พอรุ่งเช้าเปิดประตูพระอุโบสถออกมาเห็นเสือโคร่งยาว 8 ศอก 4 ตัวไส้ทะลักนอนตายอยู่ ที่คอมีผ้าเหลืองติดอยู่ทุกตัว

ชายผู้นั้นจึงบอกกับพระธุดงค์ว่า พระ 4 รูปที่เห็นตอนแรกก็คือ เสือสมิง ซึ่งตายเพราะสู้พลังของวัวธนูไม่ได้ หากชายผู้นี้ไม่มากับพระธุดงค์เสือสมิงทั้ง 4 ตัว ก็คงทำอันตรายแก่พระธุดงค์ไปแล้วอย่างแน่นอน


*************************

เรียบเรียงโดย : ทีมงานมงคลพระ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น