แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ หลวงพี่น้ำฝน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ หลวงพี่น้ำฝน แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2558

คณะสงฆ์นครปฐม ติวเข้มเจ้าอาวาส และ ไวยาวัจกร


คณะสงฆ์จังหวัดนครปฐมได้ตื่นตัวขานรับ ร่วมมือกับสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม จุดประกายจัดโครงการถวายความรู้เจ้าอาวาส และอบรมไวยาวัจกร เพื่อให้สามารถจัดทำบัญชีรับจ่าย และดูแลรักษาศาสนสมบัติที่ดินธรณีสงฆ์ของวัดได้อย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรมสืบต่อไปในอนาคต

การอบรมครั้งใหญ่นี้กำหนดจัดขึ้นในวันอังคารที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ ณ สถานที่ก่อสร้าง วิหารหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม ร่วมกับคณะสงฆ์ จัดโครงการถวายความรู้เจ้าอาวาสและอบรมไวยาวัจกร จัดขึ้นตั้งแต่เวลา ๐๗.๐๐-๑๖.๐๐ น. โดยนิมนต์พระสงฆ์และเชิญไวยาวัจกรจากวัดในเขตอำเภอเมืองนครปฐม กำแพงแสน ดอนตูม สามพราน นครชัยศรี บางเลน และอำเภอพุทธมณฑล

ในโอกาสดังกล่าวนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม ได้ร่วมกับ พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาส วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม จัดทำโครงการถวายความรู้เจ้าอาวาสและอบรมไวยาวัจกรจังหวัดนครปฐมขึ้น ซึ่งปัจจุบันนี้มีเจ้าอาวาสวัดจำนวน ๒๒๐ รูป และไวยาวัจกรวัดจำนวน ๒๒๐ คน

นายวิโรจน์ อุ่นทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า การจัดโครงการดังกล่าวนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การจัดทำบัญชีรับจ่าย และการดูแลรักษาศาสนสมบัติของวัดเป็นไปอย่างถูกต้อง เนื่องจากเจ้าอาวาสและไวยาวัจกรถือว่ามีหน้าที่และบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการจัดทำบัญชีรับจ่ายของวัด รวมทั้งต้องดูแลทรัพย์สินศาสนสมบัติของวัดให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย นอกจากนี้ยังทำให้ไวยาวัจกรได้ทราบบทบาทหน้าที่อันจะนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ตลอดจนเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เรียนรู้ การปฏิบัติหน้าที่ของไวยาวัจกรในแต่ละวัดซึ่งอาจมีความแตกต่างกันออกไป

ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ.๒๕๑๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕ ข้อ ๖ ให้เจ้าอาวาสวัด ให้ไวยาวัจกร หรือผู้จัดประโยชน์ของวัดซึ่งเจ้าอาวาสแต่งตั้งทำบัญชีรับจ่ายเงินของวัด และเมื่อสิ้นปีปฏิทินให้ทำบัญชีเงินรับจ่าย และคงเหลือ ทั้งนี้ ให้เจ้าอาวาสตรวจตราดูแล ให้เป็นไปโดยเรียบร้อย จากกฎกระทรวงดังกล่าว เจ้าอาวาสและไวยาวัจกรถือว่ามีหน้าที่และบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งในการทำบัญชีรับจ่ายของวัดให้ถูกต้อง อีกทั้งต้องดูแลทรัพย์สิน ศาสนสมบัติของวัด ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่า ปัจจุบันวัดมีบทบาทสำคัญต่อสังคมไทยมาแต่อดีตเป็นเวลายาวนาน ความผูกพันกับวัดเกี่ยวข้องกับบุคคล ชุมชน และสังคมมีความสัมพันธ์กันตั้งแต่ช่วงวัยแรกและช่วงสุดท้ายของชีวิต กิจกรรมภายในวัดมีความหลากหลาย ตั้งแต่เพียงเป็นสถานที่พำนักของพระภิกษุสงฆ์ ให้พุทธศาสนิกชนเข้ามาทำบุญและประกอบศาสนกิจต่างๆ จนถึงการเป็นแหล่งท่องเที่ยว แหล่งนันทนาการ ศูนย์กลางการเรียนรู้ การพัฒนา การสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของชุมชน กิจกรรมที่มีการดำเนินการในวัดมีความหลากหลาย ได้แก่ การทำบุญ ทำทาน ในรูปแบบต่างๆ การประกอบพิธีกรรมทางศาสนา งานศพ งานบวช งานแต่งงาน งานวันเกิด ฯลฯ การเช่าหาวัตถุมงคล การจัดงานนันทนาการในรูปแบบต่างๆ (งานวัด) เป็นต้น


*************************

เรื่องโดย : คมชัดลึกออนไลน์
เรียบเรียงโดย : เต้ มงคลพระ



วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ร่วมบุญ เปลี่ยนผ้าครอง หลวงพ่อพูล เทพเจ้าแห่งวัดไผ่ล้อม นครปฐม


พระมงคลสิทธิการ หรือ หลวงพ่อพูล อัตตะรักโข พระอมตะเถราจารย์แห่ง วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ที่มีประชาชนให้ความเคารพศรัทธาทั่วประเทศ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ท่านอยู่ในร่มกาสาวพัสตร์ด้วยความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย เสมอต้นเสมอปลาย ให้ความเมตตาต่อศิษยานุศิษย์ทุกชั้นวรรณะ หลวงพ่อพูลท่านได้เคยสร้างคุณประโยชน์ไว้มากมายในบวรพุทธศาสนา เป็นที่ประจักษ์อย่างเป็นรูปธรรม ถาวรวัตถุทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นจากความตั้งใจ จรรโลงไว้เพื่อคุณงามความดี มีหลักยึดพระธรรมในการรังสรรค์ด้วยความเสียสละ เพื่อสังคมส่วนรวมอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๔๘ ตรงกับวันวิสาขบูชา ท่านได้ละสังขารอย่างสงบ จวบจนวันนี้ครบ ๑๐๑ ปีชาตกาล สรีระของท่านไม่เน่าเปื่อย คงสภาพเดิมทุกประการ พุทธศาสนิกชนจากทั่วสารทิศต่างแห่แหนเดินทางมากราบสักการะสังขารของท่านมิขาดสาย ทำให้ทุกวันนี้บนศาลาการเปรียญ ที่ประดิษฐานสังขารของท่านมีประชาชนจำนวนมากเดินทางมากราบสังขารหลวงพ่อแน่นขนัดทุกวัน เพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการดำเนินชีวิต เพื่อความเป็นสิริมงคลในหน้าที่การงาน ค้าขายดีมีกำไร ไม่เจ็บไม่จน กินอิ่มนอนอุ่น ตลอดไป

พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ หลวงพี่น้ำฝน ทายาทศิษย์เอกแห่งองค์หลวงพ่อพูล ผู้ดำรงตำแหน่งประธานมูลนิธิหลวงพ่อพูล และเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้กล่าวว่า ในระหว่างที่หลวงพ่อพูลยังมีชีวิตอยู่นั้น มีชาวบ้านมาให้ท่านเจิมแป้งนะเมตตามหามงคล นับเป็นความเมตตาของหลวงพ่อพูลที่มีต่อลูกศิษย์ลูกหาทั่วไปอย่างมาก โดยเชื่อว่าการเจิมแป้งที่เสกโดยพระเกจิอาจารย์นั้น ถือเป็นการเสริมบารมี และส่งผลให้เกิดความเจริญก้าวหน้าในชีวิต มีโชค มีลาภ ร่ำรวยมหาศาล ไม่เจ็บ ไม่จน กินอิ่ม นอนอุ่นตลอดกาล จากนั้นญาติโยมเหล่านี้จะเดินทางกลับมาให้เจิมอีก เพราะต่างสำเร็จสมหวังในสิ่งที่ปรารถนา นี่คือที่มาแห่งการเจิมแป้งนะเมตตามหามงคล ตำรับหลวงพ่อพูลที่เป็นอมตะมายาวนานจวบจนปัจจุบันนี้


อย่างไรก็ตามใน วันอาทิตย์ที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๘ นี้ หลวงพี่น้ำฝน จะเปิดโอกาสให้ญาติโยมศิษยานุศิษย์ ได้สัมผัสหลวงพ่ออย่างใกล้ชิด โดยจัดให้มีพิธีถวายสักการะสรีระพระเดชพระคุณหลวงพ่อพูล สวดพระพุทธมนต์ ประกอบพิธีสรงน้ำเช็ดตัวเปลี่ยนผ้าครองที่สังขารหลวงพ่อพูล ตั้งแต่เวลา ๑๗.๐๐ น.เป็นต้นไป ณ ศาลาปุริมานุสรณ์ (ศาลาการเปรียญ) วัดไผ่ล้อม

สำหรับพิธีลงกระหม่อม โดยในระหว่างเวลาดังกล่าวนี้ หลวงพี่น้ำฝน ท่านเปิดโอกาสให้ญาติโยมพุทธศาสนิกชน เข้ากราบสักการะสังขารหลวงพ่ออย่างใกล้ชิด ด้วยการก้มกราบน้อมศีรษะจรดแตะไปที่ปลายเท้าหลวงพ่อ เพื่อความเป็นสิริมงคล กับครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้สัมผัสพระอริยสงฆ์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม โทร.๐๘-๕๔๑๕-๖๔๖๔ และ ๐๖-๑๗๘๒-๖๔๖๒ หรือ ที่ www.watpailom.org


*************************

เรื่องโดย : คมชัดลึกออนไลน์
เรียบเรียงโดย : เต้ มงคลพระ



วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

หลวงพี่น้ำฝน ทุ่มงบ 5 แสน เพื่อ รพ.นครปฐม


ที่ วิหารหลวงพ่อพูล ภายใน วัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้จัดให้มีพิธีมอบเครื่องนึ่งฆ่าเชื้อด้วยแรงดันไอน้ำ(AUTOCLAVE) ขนาดความจุไม่น้อยกว่า 84 ลิตร MODSEL 3140 M ยี่ห้อ TUTTNAUEL ให้กับโรงพยาบาลนครปฐม หลังจากได้รับการขอสนับสนุนเครื่องดังกล่าวฯ จากทางโรงพยาบาลนครปฐม ที่ขาดแคลนงบในการขยายการให้บริการประชาชนอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยมีนายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน ผอ.โรงพยาบาลนครปฐม,นพ.ธีรชัย ประติพัฒน์พงษ์ รองผอ.โรงพยาบาลนครปฐม แพทย์และเจ้าหน้าที่พยาบาล โรงพยาบาลนครปฐม เข้ารับมอบ

พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม กล่าวว่า ทางโรงพยาบาลนครปฐม ได้ขอให้ทางวัดช่วยสนับสนุนเครื่องนึ่งฆ่าเชื้อด้วยแรงดันไอน้ำ(AUTOCLAVE) ขนาดความจุไม่น้อยกว่า 84 ลิตร MODSEL 3140 M แทนเครื่องเก่าที่ชำรุด อีกทั้งทางโรงพยาบาลก็ยังขาดงบประมาณในส่วนนี้ ทางอาตมาจึงได้นำเงินที่ญาติโยมบริจาคและทำบุญมาซื้อเครื่องนึ่งฆ่าเชื้อให้กับโรงพยาบาลนครปฐม เพื่อเป็นประโยชน์สาธารณชนและประชาชนที่เจ็บป่วยและเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งเครื่องนึ่งดังกล่าวนี้ราคา 5 แสนบาท และต้องสั่งซื้อจากประเทศฮอลแลนด์ เพราะเป็นผลิตภัณฑ์จากทวีปยุโรป,อเมริกา และบริษัทฯจะต้องมีหนังสือรับรองการเป็นตัวแทนจำหน่ายจากโรงงานผลิตเท่านั้น

ด้าน นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน ผอ.โรงพยาบาลนครปฐม กล่าวว่า ขณะนี้ทางโรงพยาบาลนครปฐม ได้ทำการขยายการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องใช้งบประมาณเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการเปิดศูนย์โรคหัวใจเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยในจังหวัดนครปฐมและจังหวัดใกล้เคียงที่มีความเสี่ยงเสียชีวิตสูง ให้สามารถรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งต่อไปก็จะมีการขยายโครงการต่างๆ อีกหลายโครงการเพื่อรองรับและให้บริการประชาชนที่เข้ามาใช้บริการอย่างครบครัน ซึ่งเครื่องนึ่งฆ่าเชื้อด้วยแรงดันไอน้ำ(AUTOCLAVE) ขนาดความจุไม่น้อยกว่า 84 ลิตร MODSEL 3140 M ที่ได้รับในวันนี้ เป็นเครื่องนึ่งฆ่าเชื้อด้วยแรงดันไอน้ำ( Steam) ชนิดตั้งโต๊ะ ภายในเป็นรูปทรงกระบอก ใช้ไฟ230 โวลต์ 50 เฮิรตซ์ เครื่องสามารถปรับอุณหภูมิภายในห้องนึ่ง ตั้งแต่100 -134 องศา เซลเซียส ใช้ในการฆ่าเชื้อเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ในห้องไอซียู และห้องผ่าตัด มีตัวตั้งเวลา(Timer)ในการฆ่าเชื้อโรค และเวลาในการอบแห้งอันเดียวกัน สามารถตั้งเวลาได้ 0-60 นาที ซึ่งเครื่องนึ่งนี้ มีประโยชน์มากสำหรับทางโรงพยาบาล เพราะการฆ่าเชื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ในการแพทย์ เป็นสิ่งสำคัญมากอันดับ 1 ยิ่งในห้องผ่าตัดที่ต้องการความรวดเร็วกรณีคนไข้ฉุกเฉิน เครื่องนึ่งดังกล่าวนี้ก็จะสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สามารถช่วยให้การบริการของโรงพยาบาลเป็นไปอย่างรวดเร็วและส่งผลถึงความปลอดภัยของคนไข้ด้วย


*************************

เรื่องโดย : คมชัดลึกออนไลน์
เรียบเรียงโดย : เต้ มงคลพระ



วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2555


พระเสาร์ คู่มิตร




วัดในประเทศไทยส่วนใหญ่มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ 

สำหรับวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม ก็มีอยู่หลายองค์ รวมถึงรูปเหมือนองค์เทพต่างๆ ด้วย ล่าสุดทางวัดได้จัดสร้างพระพุทธรูปเพิ่มอีก 1 องค์ นั่นก็คือ "พระปรก 9 เศียร" เพื่อให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บุญวัด

"พระครูปลัดสิทธิวัฒน์" เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อมกล่าวว่า วัดไผ่ล้อมได้ดำเนินการสร้างพระปรก 9 เศียรฉลองปีพุทธชยันตี มีศิษยานุศิษย์พระเดชพระคุณหลวงพ่อพูล เป็นเจ้าภาพใหญ่ แต่ก็เปิดให้พุทธศาสนิกชนทั่วไปได้ร่วมพิธีเททองในการสร้างครั้งนี้

พระที่สร้างเป็นพระพุทธรูปประธานปางนาคปรก 9 เศียร สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ขนาดหน้าตัก 29 นิ้ว สูง 2 เมตร เพื่อนำมาประดิษ ฐานไว้ ณ สวนอายุวัฒนมงคล 90 ปี หลวงพ่อพูลโดยมีพิธีเททองอย่างยิ่งใหญ่ไปแล้วเมื่อเร็วๆ นี้
สำหรับ "พระปรก 9 เศียร" นั้น ในหนังสือปฐมสมโพธิกถาของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโน รส ก็ดี หนังสือพุทธานุพุทธประวัติของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ก็ดี หนังสือพุทธประวัติทัศนศึกษาของพระธรรมโกศาจารย์ (ชอบ อนุจารีเถระ) ก็ดี และพระคันถรจนาจารย์อีกหลายท่านได้บรรยายเนื้อหาภาพพุทธประวัติในปางนี้เนื้อหาใจความใกล้เคียงกันว่า ในต้นสัปดาห์ที่ 6 หลังจากทรงตรัสรู้ พระพุทธองค์ทรงเสวยวิมุติสุข ณ มุจลินทพฤกษ์ (ไม้จิก) อันประดิษฐานทางปรา จีนทิศแห่งมหาโพธิพฤกษ์ประทับกระทำสมาธิอยู่ภายใต้ร่มไม้นั้นเป็นเวลา 7 วัน

ในกาลนั้นฝนได้ตกพรำอยู่ตลอด 7 วัน พญา นาคมีนามว่า "มุจลินทนาคราช" มีอานุภาพมากอยู่ในสระโบกขรณี ใกล้ต้นมุจลินท์นั้น มีความเลื่อมใสในพระศิริวิลาส พร้อมทั้งพระฉัพพรรณรังสีของพระพุทธองค์ เกรงว่าพระพุทธองค์จะเปียกฝน จึงขนดกายเป็น 7 รอบ แวดวงองค์พระศาสดาแล้วแผ่พังพานอันใหญ่ ปกป้องเบื้องบนพระอุตมังคศิโรตม์ หวังประโยชน์จะไม่ให้ฝนมากระทบต้องพระวรกาย

ครั้นล่วง 7 วันแล้ว ฝนหายขาด พญานาคก็คลายขนด จำแลงกายเป็นมาณพเข้าไปถวายอัญชลีเฉพาะพระพักตร์ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเปล่งอุทานว่า "ความสงัดเป็นสุข สำหรับบุคคลผู้มีธรรมอันเห็นแล้วยินดีอยู่ในที่อันสงัด รู้เห็นตามความเป็นจริง ความไม่เบียดเบียน ความสำรวมในเหล่าสัตว์ทั้งหลาย ความไม่พยาบาทปราศจากราคาทิกิเลส เหตุล่วงเสียซึ่งกามสุขในโลกนี้ และขจัดเสียซึ่งราคี คือ อัสมิมานะ ละขาดจากสันดานและสุขอันนั้น ก็จะได้รับบรมสุขเกษมสันต์ประเสริฐโดยแท้"

เมื่อเปล่งวาจาดังนี้แล้วก็ลุกจากโคนต้นมุจลินท์ไปสู่โคนไม้เกด

ข้อพิจารณาในเนื้อหานั้นนาคราชขนดกายรอบองค์พระศาสดา 7 รอบ และแผ่พังพานใหญ่ปกป้องเบื้องบนพระอุตมังคศิโรตม์ (ศีรษะ) (หากพิจารณาข้อความดังกล่าว แสดงว่าพระวรกายของพระพุทธเจ้าจะถูกบังด้วยขนด คงมองเห็นเพียงพระวรกายส่วนพระอุระ (อก) ขึ้นไปเท่านั้น แต่ภาพที่ปรากฏพระพุทธองค์จะนั่งบนขนดนาคราช สำหรับเศียรที่แผ่พังพานนั้น มีเพียงเศียรเดียวเท่านั้นภายหลังนักจิตรกรหรือประติมากรมักวาดหรือปั้น ให้เป็น 7 เศียรบ้าง 9 เศียรบ้าง

เข้าใจว่าน่าจะเป็นการวาดหรือปั้นให้เป็นธรรมา ธิษฐานดังนี้ 7 เศียร อาจเกิดมาจากความเชื่อที่ว่าเลข 7 มีส่วนเกี่ยวข้องกับพระ พุทธเจ้าในวาระสำคัญ เช่น วันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน เช่น ในวันประสูติ พระพุทธเจ้าทรงดำเนินได้ 7 ก้าว เมื่อเสด็จออกผนวชแสวงหาทางพ้นทุกข์ ได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ในปีที่ 7 หลังตรัสรู้แล้วทรงใช้เวลา 7 สัปดาห์ เสวยวิมุตติสุขบริเวณอัสสัตถโพธิ์พฤกษ์ที่ตรัสรู้ทั้งหมด 7 แห่ง แห่งละ 7 วัน

เมื่อมีพระชนมายุ 80 พรรษา ได้เสด็จดับขันธปรินิพพาน และเมื่อประมุขเจ้ามัลละจะทรงพยายามจุดไฟที่จิตกาธานเพื่อถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ แต่ไม่อาจจุดไฟให้ติดได้ แต่ทันทีที่พระมหากัสสปะได้เดินทางมาถึงและได้ถวายอภิวาทพระยุคลบาทพระพุทธเจ้าด้วยเศียรเกล้าเรียบร้อย จิตกาธานก็ติดไฟลุกโพลงขึ้นเองอย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งวันนั้นนับเป็นวันเสด็จดับขันธปรินิพพาน ครบ 7 วันบริบูรณ์ เป็นต้น

พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ กล่าวว่า ศิษยานุศิษย์พระเดชพระคุณหลวง พ่อพูลตั้งใจว่าจะทำบุญสร้างพระพุทธปรก 9 เศียร เพื่อฉลอง 2600 ปีพุทธชยันตี และเพื่อเป็นพระประธานในสวนอายุวัฒนมงคล 90 ปี หลวงพ่อพูลจึงได้ตัดสินใจสร้างพระประธานไว้ให้วัดไผ่ล้อมของเรา ทุกคน และที่สำคัญเพื่อให้ญาติโยมทั่วประเทศที่เดินทางมาท่องแดนธรรมวัดไผ่ล้อม ได้สักการบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลเพื่อสร้างขวัญกำลังใจ

วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555

หลวงพี่น้ำฝน รับรางวัล "ผู้บำเพ็ญประโยชน์ดีเด่นอันน่ายกย่อง"

วันแม่แห่งชาติปีนี้ หลวงพี่น้ำฝน ได้เข้าร่วมพิธีมอบ 

รางวัลประเภท "ผู้บำเพ็ญประโยชน์ดีเด่นอันน่ายกย่อง" จาก 

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ 

ประจำวันที่ 12 สิงหาคม 2555




เมื่อเวลา 09.24 น. วันที่ 12 ส.ค. ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จแทนพระองค์ไปทรงเปิดงานวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2555 ในโอกาสนี้ทรงมีพระดำรัสความว่า กิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นในวันแม่แห่งชาติปีนี้ นอกจากจะเป็นการร่วมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ยังเป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมของชาติ ในเรื่องบุญคุณของแม่และความกตัญญูกตเวทีของลูก ให้เป็นที่ประจักษ์อีกด้วย วัฒนธรรมอันดีงามนี้ ได้รับการถ่ายทอดสืบสานกันมายาวนาน เนื่องจากคนไทยเราเคารพนับถือผู้เป็นแม่ว่ามีบุญคุณสูงสุด ที่ได้ใก้ชีวิต อบรมเลี้ยงดูลูกจนเติบโต และยกย่องบุคคลผู้มีความกตัญญูกตเวทีว่าเป็นคนดี มีคุณค่า ท่านทั้งหลายผู้ที่เป็นแม่และลูก ควรประพฤติปฏิบัติตนในบทบาทหน้าที่ของความเป็นแม่และลูกให้ดี เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยส่งเสริมความรัก ความสัมพันธ์อันอบอุ่นให้เกิดขึ้นในครอบครัวเท่านั้น หากแต่ยังช่วยอนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมของชาติต่อไป

จากนั้น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงประทานพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แก่ผู้ได้รับรางวัลแม่ดีเด่นแห่งชาติ จำนวน 214 ราย โดยแบ่งออกเป็น รางวัลแม่ดีเด่นแห่งชาติส่วนกลาง ได้แก่ ประเภทแม่ของผู้ทำประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ, ประเภทแม่ผู้บำเพ็ญประโยชน์, ประเภทแม่ผู้มีความมานะอดทนขยันหมั่นเพียร, ประเภทแม่ของผู้เสียสละ และประเภทแม่ผู้เป็นเกษตรกร ส่วนรางวัลแม่ดีเด่นแห่งชาติส่วนภูมิภาค ได้แก่ ประเภทแม่ดีเด่นแห่งชาติประจำจังหวัด และประเภทดีเด่นแห่งชาติประจำภาคของสภาสังคมสงเคราะห์ แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมประทานโล่เกียรติคุณแก่ผู้ได้รับรางวัลลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่ จำนวน 85 ราย แบ่งออกเป็น ประเภทนักเรียน-นักศึกษา, ประเภทข้าราชการ-พนักงานรัฐวิสาหกิจ, ประเภทนักร้อง นักแสดง ศิลปิน, ประเภทสื่อมวลชน และประเภทประชาชนทั่วไป

โดยในปีนี้มีผู้ได้รับรางวัลแม่ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2555 เช่น คุณหญิงทรงสุดา ยอดมณี, คุณหญิงลักขณา แสงสนิท, นางพนิดา เทพกาญจนา, นางเยาวเรศ ชินวัตร, นางทุเรียน ผิวอ่อน, นางวาสนา ขวัญเมือง, นางจินดา สุวรรณจินดา, นางถนอมศรี สมหมาย, นางลำเจียก บุญเรืองรัตน์, นางบัวบาน บุญมั่ง ฯลฯ ส่วนผู้ได้รับรางวัลลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่ เช่น นายณเดชน์ คูกิมิยะ, นายณัฎฐ์ ทิวไผ่งาม, น.ส.นิภาภรณ์ ฐิติธนการ, นายบุญรอด ศรีวิชัย, ชุติมา ดุรงค์เดช มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ประจำปี 2552 , น.ส.มีสุข แจ้งมีสุข และน.ส.วีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสี ช่อง 3 ฯลฯ ซึ่งนางทุเรียน ผิวอ่อน ยายของนักร้องเพลงลูกทุ่ง

นายสุธิราช วงศ์เทวัญ หรือ กุ้ง เป็นตัวแทนแม่ผู้ได้รับรางวัลแม่ดีเด่นแห่งชาติ กล่าวว่า ตัวเองในฐานะที่เป็นแม่คนหนึ่ง ก็ได้เลี้ยงดูลูกๆ มาเป็นอย่างดี อบรมสั่งสอนให้ลูกเป็นคนดี และจะบอกลูกๆ เสมอว่า ให้ตั้งใจร่ำเรียนหนังสือ เพื่ออนาคตที่ดี เพราะครอบครัวของเราไม่ได้ร่ำรวยเงินทอง แต่แม่ก็พยายามเลี้ยงลูกในดีที่สุด ทั้งเหนื่อยยากจากการทำไร่ไถ่นาและเล่นลิเก เพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว จึงอยากให้ลูกเป็นคนดีของสังคมก็เพียงพอแล้ว....... ที่มาจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์




วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

"Superเด็กวัด" แห่ง วัดไผ่ล้อม นครปฐม

หากเปรียบองค์กร เป็น เครื่องจักรกล

บุคลากรทุกคน ก็คือ จักรเฟือง

คอยแต่งเสริมเติมเรื่อง ขับเคลื่อนเดินเครื่องให้ก้าวไป

หากจักรเฟืองชิ้นเล็กๆ ไม่เป็นตามสเปคที่ตั้งไว้

จักรกลเครื่องใหญ่ คงดำเนินต่อไป ได้เพียงไม่นาน



"วัด" เปรียบเสมือนองค์กรหนึ่ง ที่ประกอบไปด้วยบุคลากรหลายฝ่าย
โดยบุคลากรที่เป็นเสมือนจักรเฟืองชิ้นเล็กๆ แต่มีความสำคัญยิ่ง ก็คือ "เด็กวัด"

"เด็กวัด" ในความหมายของคนทั่วไป คงเป็นเหมือนผู้ยากไร้ อาศัยวัดได้พึ่งพา
หากแต่ที่ วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม ดินแดนแห่งธรรมที่อยู่ในการดูแลของ 
ท่านพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อมนั้น
เด็กวัดที่นี่มีความแตกต่างไปจากแห่งอื่นราว "ม้าศึก" กับ "ฝูงลา" 
หรือ "เหยี่ยวกลางเวหา" กับ "ฝูงการิมลำคลอง"

ด้วย "โอกาสแห่งชีวิต" ที่หลวงพี่น้ำฝนได้มอบให้ ทำให้เด็กวัดผู้ที่เคยยากไร้ 
ปรับปรุงเปลี่ยนไปในทางที่ดี ท่านสอนสั่งให้รู้งาน จนชำนาญในหน้าที่ 
สอนให้เก่ง และคิดดี สอนให้มี ธรรมจรรยา

บางคนชอบงานศิลปะ ท่านก็ให้ฝึกหัด เป็น Graphic Designer
บางคนชอบซ่อมคอมพิวเตอร์ ท่านก็ฝึกให้ได้เจอ กับงานจริงจนชำนาญ
บางรายสนใจถ่ายภาพ ท่านให้โอกาส ได้ฝึกเป็นตากล้อง
บางรายชอบรำ เล่น ร้อง ท่านให้ฝึกท่วงทำนอง เป็นนักร้องนักดนตรี
บางคนสำเนียงอ่อนหวาน ท่านให้จัดรายการ ประจำคลื่นวิทยุ
บางคนชอบ เย็บปักลายฉลุ ท่านให้ฝึกจนบรรลุ เป็นช่างศิลป์ฝีมือดี
บางคนมีไอเดียสร้างสรรค์ ท่านให้ใช้พรสวรรค์ ฝึกงานขีดเขียน
ท่านเคี่ยว ท่านเข็ญ ให้เพียร เด็กวัดจึงปรับเปลี่ยน  เป็นสารพัดผู้ชำนาญ

 

"โอกาสแห่งชีวิต" ที่เหล่าบรรดาเด็กวัดได้รับมาจากหลวงพี่น้ำฝนนั้น 
ทำให้เด็กวัดธรรมดาๆ ทั้งหลายแปรเปลี่ยนไปเป็น "Superเด็กวัด" แห่งวัดไผ่ล้อม 
ผู้ที่เปรียบเสมือน  "จักรเฟืองชั้นดี" คอยดูแลและดำเนินหน้าที่สำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น 

โปรดิวเซอร์รายการTV , ครีเอทีฟ , นักคิดนักเขียน , ตากล้อง , 
พนักงานตัดต่อภาพและเสียง , Sound Engineer , Graphic Designer ,
ผู้ชำนาญการซ่อมแซมคอมพิวเตอร์ , นักร้องและวงดนตรีเพื่อสร้างสรรค์สังคม , 
นักจัดรายการวิทยุ และอื่นๆอีกมากมาย













ทั้งนี้จึงกล่าวได้ว่า เพราะความเมตตาจาก พระนักพัฒนานามว่าหลวงพี่น้ำฝนนั้น 
ได้สรรค์สร้างให้ก่อเกิด บุคลากรชั้นเลิศที่เรียกว่า 
"Super เด็กวัด ผู้ชำนาญสารพัด แห่งวัดไผ่ล้อม" 
เด็กวัดผู้เพียบพร้อมไปด้วยความรู้ ความสามารถ เปลี่ยมไปด้วยศักยภาพ และธรรมจรรยา



วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2555

มงคลวัตถุ100 ปี ชาติกาล หลวงพ่อพูล ท้าวเวสสุวรรณโณ 



                 เทพเจ้าแห่งเงินตรา ราชาแห่งโชคลาภ แคล้วคลาด ปลอดภัย ตำรับหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม 


                 พิธีปลุกเสกยิ่งใหญ่ในวันพฤหัสบดี ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 เวลา 17.59 น. โดยพระเกจิอาจารย์ทรงคุณวิเศษ 5 รูป อธิษฐานจิตปลุกเสก ประกอบด้วย หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร จ.ฉะเชิงเทรา, หลวงพ่อสิริ วัดตาล จ.นนทบุรี, หลวงพ่อยวง วัดโพธิ์ศรี จ.ราชบุรี, หลวงพ่ออวยพร วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม, หลวงพี่น้ำฝน วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม พิธีปลุกเสก ณ ลานด้านหน้าอุโบสถเฉลิมพระเกียรติวัดไผ่ล้อม


                   มงคลวัตถุ 100 ปี ชาติกาลหลวงพ่อพูล ท้าวเวสสุวรรณโณ เทพเจ้าแห่งเงินตรา ราชาแห่งโชคลาภ แคล้วคลาด ปลอดภัย ประกอบด้วย เหรียญรูปไข่, รูปหล่อลอยองค์, ล็อกเก็ต, ขนาดองค์บูชา และผ้ายันต์ พร้อมเปิดโอกาสให้ญาติโยมพุทธศาสนิกชนทำบุญบูชาในวันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2555 เป็นต้นไป..