วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2558

สมเด็จพระสังฆราชลาว อาพาธหนัก!!


หลวงปู่พระมหาผ่อง สะมาเลิก อายุ 101 ปี พระอริยสงฆ์สองแผ่นดินและสองฝั่งโขง พระสงฆ์ไทยที่ไปเป็นประธานสงฆ์ลาว อาพาธ ขณะที่ชาวพุทธและชาวโพธิคยาฯ พร้อมใจกันขอพรจากพระพุทธองค์ ให้หายอาพาธโดยเร็ว

วันที่ 27 ก.ย. 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 และนายเกษม มูลจันทร์ รองเลขาธิการ ได้เป็นตัวแทนของสถานบันโพธิคยา เดินทางไปเยี่ยมพระอาจารย์ใหญ่ ดร.พระมหาผ่อง สะมาเลิก อายุ 101 ปี เจ้าอาวาสวัดองค์ตื้อมหาวิหาร ประธานศูนย์กลางองค์การพุทธศาสนาสัมพันธ์ลาว (สมเด็จพระสังฆราชลาว) ที่วัดองค์ตื้อมหาวิหาร ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว หลังได้รับแจ้งว่า หลวงปู่ผ่อง ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของสถาบันโพธิคยาฯ มีอาการอาพาธค่อนข้างรุนแรง

เมื่อไปถึงพบหลวงปู่ นอนซมอยู่บนที่นอนซึ่งปูราบอยู่กับพื้นภายในกุฏิ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและทีมแพทย์ของลาว เฝ้าดูแลอยู่อย่างใกล้ชิด ขณะที่สมาชิกของสถาบันโพธิคยาฯ รวมถึงชาวพุทธที่ทราบข่าว ต่างพากันสวดมนต์ขอพรจากพระพุทธองค์ให้หลวงปู่ผ่องหายจากอาการอาพาธโดยเร็ว

หลังจากเข้าเยี่ยมอาการ นายสุภชัย ได้พยายามพูดคุยเพื่อนิมนต์หลวงปู่ผ่อง ให้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเนื่องจากหลวงปู่ผ่อง เป็นพระที่มีจิตใจเข้มแข็ง สมถะ ไม่ประสงค์จะรบกวนใคร อย่างไรก็ตาม หลังจากที่นายสุภชัย และทีมแพทย์ของลาวพร้อมเครือญาติได้ร้องขอ หลวงปู่ผ่องจึงยอมเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลมโหสถ ในกรุงเวียงจันทน์

ขณะที่ นายสุภชัย กล่าวว่า หลวงปู่เป็นพระนักปฏิบัติที่สามารถกล่าวได้ว่า หลวงปู่เป็นพระอริยสงฆ์สองแผ่นดิน โดยล่าสุด ที่ตอบรับนิมนต์ไปเป็นประธานเปิดการประชุมเสวนาพุทธพลิกสุวรรณภูมิ ที่ จ.เสียมเรียบ กัมพูชา หลวงปู่ผ่องก็เริ่มมีอาการอาพาธแล้ว แม้ทีมแพทย์จะร้องขอแต่หลวงปู่ผ่องตอบเพียงแค่ว่า "ต้องไป" โดยช่วงระหว่างที่อยู่ที่เสียมเรียบ หลวงปู่ผ่อง ต้องเข้ารับการรักษาตัวอย่างกะทันหันกลางดึกมาแล้วครั้งหนึ่ง ล่าสุด หลวงปู่ผ่องได้อยู่ในการดูแลของทีมแพทย์เรียบร้อยแล้ว และอาการเริ่มทรงตัวดีขึ้น

*************************

เรื่องโดย : ไทยรัฐออนไลน์
เรียบเรียงโดย : ทีมข่าวมงคลพระ


วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558

โชคดี... ที่มีความทุกข์


มนุษย์
คือ สิ่งมีชีวิตที่มักจะไม่ยอมหยุด เราไม่ยอมหยุดคิด หยุดกิน หยุดใช้ หยุดหา แม้ในบางเวลาที่เราผ่อนคลายร่างกายด้วยการนอนหลับตา เรายังไม่ยอมเลิกราที่จะคิดวิตกกังวล ด้วยเหตุนี้จึงมิใช่เรื่องแปลก ที่หลายคนมักจะรู้สึก “เหนื่อย” ...ยิ่งโต ยิ่งมี ยิ่งผ่านไปนานปีก็ยิ่งเหนื่อย ความอ่อนล้า เครียด ตึง เมื่อย จึงแปรสภาพเป็นกาฝากไม้เลื้อย เกาะกินจิตใจที่แสนจะเหน็ดเหนื่อย ให้สึกกร่อนไปเรื่อยๆ จนเกิดเป็น “ความทุกข์”

หากแต่ความทุกข์นั้น ใช่ว่าจะไร้ซึ่งประโยชน์เสมอไป ความทุกข์เปรียบเสมือน “ปรอทวัดไข้” ที่ธรรมชาติบรรจงสร้างไว้ภายในใจของเรา ปรอทวัดไข้ใจนี้ จะคอยทำหน้าที่เตือนเราอยู่เสมอ เมื่อใดที่อุณหภูมิแห่งความทุกข์ภายในใจ ถึงขีดที่ธรรมชาติกำหนดไว้ว่าจะต้องดูแลรักษา มันจะส่งสัญญาณคอยเตือนเราว่า หากไม่รีบดูแลรักษา “อาการป่วยจิตขั้นโคม่า” กำลังจะเข้ามาเยี่ยมเยือน

เมื่อร่างกายป่วย “ยา” คือ สิ่งที่ช่วยให้ฟื้นคืนสภาพ แต่เมื่อใดที่ใจป่วย สมาธิ คือ ยาที่ช่วยบำรุงจิตใจ ...น้อยคนนัก ที่จะรู้จักพักใจโดยใช้สมาธิ ...ยิ่งเมื่อยามสุข ยิ่งประมาทในทุกข์ ยิ่งไร้ซึ่งสติ ฉะนั้น เมื่อใดที่ใจของเราเริ่มมีทุกข์ จงใช้วิธีปลุกให้จิตตื่นจากความทุกข์โดยใช้สมาธิ เมื่อเรามีสมาธิ สติจึงมาปัญญาจึงเกิด สรรพคุณแห่ง สมาธิ จะทำหน้าที่คอยไล่ตะเพิด เชื้อโรคร้ายที่ทำให้เกิดความทุกข์ในจิตใจ

บทสรุปนี้ จึงชี้ให้เห็นข้อดีของการมีความทุกข์ หรือ “ปรอทวัดไข้ใจ” ที่จะคอยเตือนเราว่าวันหรือเวลาใด ที่ใจของเราต้องการ “ยาบำรุง” ...เพียงแค่ผ่อนคลาย หลับตา ปล่อยวาง เพื่อสอนใจให้รู้จัก “หยุด” เสียบ้าง สมาธิจะกระจ่าง สงบ ใส และ สว่างภายในจิตของเรา


******************

เรื่อง โดย มงคลพระคาถา
เรียบเรียง โดย ทีมข่าวมงคลพระ



วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2558

คณะสงฆ์นครปฐม ติวเข้มเจ้าอาวาส และ ไวยาวัจกร


คณะสงฆ์จังหวัดนครปฐมได้ตื่นตัวขานรับ ร่วมมือกับสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม จุดประกายจัดโครงการถวายความรู้เจ้าอาวาส และอบรมไวยาวัจกร เพื่อให้สามารถจัดทำบัญชีรับจ่าย และดูแลรักษาศาสนสมบัติที่ดินธรณีสงฆ์ของวัดได้อย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรมสืบต่อไปในอนาคต

การอบรมครั้งใหญ่นี้กำหนดจัดขึ้นในวันอังคารที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ ณ สถานที่ก่อสร้าง วิหารหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม ร่วมกับคณะสงฆ์ จัดโครงการถวายความรู้เจ้าอาวาสและอบรมไวยาวัจกร จัดขึ้นตั้งแต่เวลา ๐๗.๐๐-๑๖.๐๐ น. โดยนิมนต์พระสงฆ์และเชิญไวยาวัจกรจากวัดในเขตอำเภอเมืองนครปฐม กำแพงแสน ดอนตูม สามพราน นครชัยศรี บางเลน และอำเภอพุทธมณฑล

ในโอกาสดังกล่าวนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม ได้ร่วมกับ พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาส วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม จัดทำโครงการถวายความรู้เจ้าอาวาสและอบรมไวยาวัจกรจังหวัดนครปฐมขึ้น ซึ่งปัจจุบันนี้มีเจ้าอาวาสวัดจำนวน ๒๒๐ รูป และไวยาวัจกรวัดจำนวน ๒๒๐ คน

นายวิโรจน์ อุ่นทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า การจัดโครงการดังกล่าวนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การจัดทำบัญชีรับจ่าย และการดูแลรักษาศาสนสมบัติของวัดเป็นไปอย่างถูกต้อง เนื่องจากเจ้าอาวาสและไวยาวัจกรถือว่ามีหน้าที่และบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการจัดทำบัญชีรับจ่ายของวัด รวมทั้งต้องดูแลทรัพย์สินศาสนสมบัติของวัดให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย นอกจากนี้ยังทำให้ไวยาวัจกรได้ทราบบทบาทหน้าที่อันจะนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ตลอดจนเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เรียนรู้ การปฏิบัติหน้าที่ของไวยาวัจกรในแต่ละวัดซึ่งอาจมีความแตกต่างกันออกไป

ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ.๒๕๑๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕ ข้อ ๖ ให้เจ้าอาวาสวัด ให้ไวยาวัจกร หรือผู้จัดประโยชน์ของวัดซึ่งเจ้าอาวาสแต่งตั้งทำบัญชีรับจ่ายเงินของวัด และเมื่อสิ้นปีปฏิทินให้ทำบัญชีเงินรับจ่าย และคงเหลือ ทั้งนี้ ให้เจ้าอาวาสตรวจตราดูแล ให้เป็นไปโดยเรียบร้อย จากกฎกระทรวงดังกล่าว เจ้าอาวาสและไวยาวัจกรถือว่ามีหน้าที่และบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งในการทำบัญชีรับจ่ายของวัดให้ถูกต้อง อีกทั้งต้องดูแลทรัพย์สิน ศาสนสมบัติของวัด ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่า ปัจจุบันวัดมีบทบาทสำคัญต่อสังคมไทยมาแต่อดีตเป็นเวลายาวนาน ความผูกพันกับวัดเกี่ยวข้องกับบุคคล ชุมชน และสังคมมีความสัมพันธ์กันตั้งแต่ช่วงวัยแรกและช่วงสุดท้ายของชีวิต กิจกรรมภายในวัดมีความหลากหลาย ตั้งแต่เพียงเป็นสถานที่พำนักของพระภิกษุสงฆ์ ให้พุทธศาสนิกชนเข้ามาทำบุญและประกอบศาสนกิจต่างๆ จนถึงการเป็นแหล่งท่องเที่ยว แหล่งนันทนาการ ศูนย์กลางการเรียนรู้ การพัฒนา การสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของชุมชน กิจกรรมที่มีการดำเนินการในวัดมีความหลากหลาย ได้แก่ การทำบุญ ทำทาน ในรูปแบบต่างๆ การประกอบพิธีกรรมทางศาสนา งานศพ งานบวช งานแต่งงาน งานวันเกิด ฯลฯ การเช่าหาวัตถุมงคล การจัดงานนันทนาการในรูปแบบต่างๆ (งานวัด) เป็นต้น


*************************

เรื่องโดย : คมชัดลึกออนไลน์
เรียบเรียงโดย : เต้ มงคลพระ