เมื่อสมัยที่เมืองไทยใจพุทธ เกิดกรณีพิพาท ต้องรบรากับข้าศึกใน สงครามอินโดจีน (พ.ศ.๒๔๘๓-๒๔๘๔) นับเป็นช่วงที่คนไทยใจสั่นขวัญผวา ล้วนต้องการขวัญกำลังใจ โดยเฉพาะเหล่าทหารที่ไปร่วมรบในศึกสงคราม “วัตถุมงคล” จึงถือเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจที่ดีที่สุด ทั้งยังส่งผลให้แคล้วคลาดปลอดภัย และห่างไกลจากภัยร้ายแห่งอาวุธสงคราม
ในสมัยนั้นทางการได้จัดพิธีปลุกเสกพระเครื่องรวมถึงเครื่องรางของขลังครั้งใหญ่ขึ้น โดยมีพระเกจิอาจารย์ ๔ รูปที่ร่วมปลุกเสก และด้วยความศักดิ์สิทธิ์จากพุทธาคมของพระอาจารย์ทั้ง ๔ ทำให้ทหารไทยที่ไปร่วมรบ ต่างได้รับความปลอดภัย แคล้วคลาด จนถึงขั้นคงกระพันชาตรี ขนาดถูกยิงล้มลงไป ยังลุกขึ้นมาต่อสู้กับข้าศึกได้ วีรกรรมของทหารไทยในครั้งนั้นจึงเป็นที่มาของสมญา “ทหารผี” โดยสุดยอดพระเกจิอาจารย์ทั้ง ๔ รูปนั้นคือ
๑.หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา จ.ปราจีนบุรี ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิชาอาคมเข้มขลังที่สุดรูปหนึ่งของเมืองปราจีนบุรี ท่านเกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๑๕ ที่ จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อเติบโตจนถึงวัยหนุ่มได้ย้ายไปอยู่ที่ จ.ปราจีนบุรี จนอายุครบบวชใน พ.ศ.๒๔๓๖ ท่านได้บรรพชาที่วัดบ้านสร้าง โดยมี พระครูปราจีนบุรี วัดหลวงปรีชากุล เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากนั้นท่านได้ย้ายมาอยู่ประจำที่วัดบางกระเบา ศึกษาพระธรรม รวมทั้งวิชาอาคมต่างๆ จากพระอาจารย์หลายๆ ท่านที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น
ว่ากันว่า ท่านได้เดินธุดงค์ไปศึกษาวิชาอาคมถึงประเทศเขมร จนเชี่ยวชาญในคาถาอาคมอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะวิชาการถอนคุณไสย และวิชามหาอุด คงกระพันชาตรี ท่านได้ปลุกเสกวัตถุมงคลจนโด่งดังไปทั่ว มีลูกศิษย์ให้ความเคารพนับถือทั่วทั้งเมืองไทย รวมถึงข้าราชการนายทหารตำรวจผู้ใหญ่ในสมัยนั้น และที่สำคัญสุด ท่านได้เป็นที่พึ่งของชาวบ้านที่มักจะถูกคุณไสยจากอาจารย์ชาวเขมรที่ชอบลองวิชาปล่อยของในสมัยก่อน เป็นต้องถูกหลวงพ่อสยบจนสิ้นฤทธิ์ทุกรายไป ด้วยคุณประโยชน์ที่ หลวงพ่อจาด สร้างให้กับวัด และเป็นที่ศรัทธาของประชาชน ทำให้ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์มาโดยตลอด จนเมื่อถึง พ.ศ. ๒๔๗๐ ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่ พระครูสิทธิสารคุณ
ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๔๙๙ หลวงพ่อจาด ได้มรณภาพที่วัดบางกระเบา สิริรวมอายุได้ ๘๔ ปี พรรษา ๖๔ สำหรับวัตถุมงคลของหลวงพ่อที่ได้รับความนิยมกันมาก มีราคาสูง และหายาก คือ เหรียญรุ่นแรก พ.ศ.๒๔๘๔ เป็นเหรียญกลม รูปหลวงพ่อครึ่งองค์ ด้านหลังเป็นรูปพระปิดตา , เหรียญรุ่น ๒ พ.ศ.๒๔๘๕ มีหลากหลายแบบพิมพ์ , เหรียญรุ่น ๓ , รูปเหมือนลอยองค์ , พระกริ่งออกที่วัดบางหอย , ตะกรุด , เสื้อยันต์ , ผ้ายันต์ ฯลฯ วัตถุมงคลที่ท่านปลุกเสกแทบทุกรุ่น สามารถเชื่อถือได้ว่ามีพุทธคุณศักดิ์สิทธิ์ มหาอุด คงกระพันชาตรี รวมถึงเมตตาค้าขาย อย่างครบถ้วน
๒.หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “เทพเจ้าแห่งความเมตตา” ชาวอยุธยาและประชาชนทั่วไปล้วนเคารพรักท่านทุกคน หลวงพ่อจง ท่านเป็นชาว ต.หน้าไม้ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา เกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๑๕ ต่อมาบิดาได้นำไปฝากพระอาจารย์ที่วัดหน้าต่างใน เพื่อเรียนหนังสือตั้งแต่เล็ก จนอายุครบ ๒๐ ปี ได้บรรพชาอุปสมบทที่วัดแห่งนี้ โดยมี หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ เป็นพระอุปัชฌาย์ ด้วยความที่สนใจใฝ่หาวิชาร่ำเรียนเพิ่มเติม ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ, หลวงพ่อปั้น วัดพิกุล ฯลฯ โดยหลวงพ่อเป็นศิษย์รุ่นพี่ของ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และหลวงพ่อปาน นับถือหลวงพ่อจง เป็นที่สุด โดยเรียกหลวงพ่อจงว่า “หลวงพี่” ทุกคำ พร้อมกับยกย่องหลวงพ่อจง ให้ศิษย์ฟังเสมอว่า “หลวงพ่อจงนี่แหละพระทองคำทั้งองค์”
ในสมัยที่หลวงพ่อปกครองวัด ท่านมีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือมาก มีกิจนิมนต์แทบทุกวัน ขณะเดียวกันก็มีชาวบ้านมากราบไหว้ท่านที่วัดไม่ขาดระยะ ท่านไม่เคยปฏิเสธในการให้ความช่วยเหลือชาวบ้าน ไม่ว่าการรดน้ำมนต์ ทำตะกรุด ปลุกเสกพระเครื่อง โดยหลวงพ่อเพียงแค่เป่าพ่วงเดียว ก็มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นยิ่งนัก จวบจน เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๘ หลวงพ่อจง ได้มรณภาพอย่างสงบที่ วัดหน้าต่างนอก นับเป็นการสูญเสียสุดยอดพระเกจิอาจารย์ผู้บริสุทธิ์ผุดผ่อง และกราบไหว้ได้อย่างสนิทใจท่านหนึ่งของเมืองไทย
วัตถุมงคลของท่าน สูงส่งพุทธคุณด้านแคล้วคลาด เมตตามหานิยม ป้องกันเขี้ยวงา ภูตผีปีศาจ มหาอุด คงกระพันชาตรี โดยมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งเหรียญยอดนิยมหลายรุ่น รูปหล่อ เสื้อยันต์ ผ้ายันต์ ตะกรุด แหวน ปลาตะเพียน รักยม ฯลฯ ตลอดเวลาที่ท่านให้ความช่วยเหลือชาวบ้าน และปกครองวัด ท่านไม่ยอมรับสมณศักดิ์ใดๆ และ กิจนิมนต์สำคัญที่ท่านมักจะได้รับเป็นประจำ คือ การไปร่วมนั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลในพิธีใหญ่ๆ ทุกครั้ง เรียกว่าทุกพิธีสำคัญจะขาด หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก เสียมิได้
๓.หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม จ.สมุทรสงคราม ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์อีกท่านหนึ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองสมุทรสงคราม ท่านเกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๐๘ ที่ อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม เมื่อเติบโตอายุ ๑๒ ปี บิดามารดานำไปบวชเรียนเป็นสามเณร ที่ วัดเหมืองใหม่ อ.อัมพวา ต่อมาได้บรรพชาอุปสมบทเมื่อ พ.ศ.๒๔๒๗ ที่วัดเหมืองใหม่ โดยมี พระอาจารย์ด้วง เป็นพระอุปัชฌาย์ เนื่องจากหลวงพ่อบวชเรียนตั้งแต่เป็นสามเณร จนเป็นพระภิกษุ ทำให้ท่านมีความเชี่ยวชาญในภาษาบาลี รวมถึงสนใจในวิชาอาคมต่างๆ โดยได้เดินทางไปศึกษาวิชากับพระอาจารย์ชื่อดังในอดีตหาลกหลายท่าน อาทิ หลวงพ่อหรุ่น วัดช้างเผือก หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย ฯลฯ จนเมื่อถึง พ.ศ.๒๔๔๘ ชาวบ้านใน ต.บางกะพ้อม ได้รวมใจกันขอความเมตตาให้ท่านมารับตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดบางกะพ้อม ซึ่งในเวลานั้นตำแหน่งเจ้าอาวาสได้ว่างลง
หลังจากนั้น ท่านจึงทำนุบำรุงวัดที่กำลังเสื่อมโทรม โดย หลวงพ่อคง มีความเชี่ยวชาญในฝีมือทางช่าง รวมถึงการตกแต่งสิ่งก่อสร้างต่างๆ จนวัดที่เคยทรุดโทรม กลับกลายเป็นวัดที่สวยงาม โดดเด่นเป็นสง่ามาจนถึงทุกวันนี้
วัตถุมงคลของท่าน สูงส่งพุทธคุณด้านแคล้วคลาด เมตตามหานิยม ป้องกันเขี้ยวงา ภูตผีปีศาจ มหาอุด คงกระพันชาตรี โดยมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งเหรียญยอดนิยมหลายรุ่น รูปหล่อ เสื้อยันต์ ผ้ายันต์ ตะกรุด แหวน ปลาตะเพียน รักยม ฯลฯ ตลอดเวลาที่ท่านให้ความช่วยเหลือชาวบ้าน และปกครองวัด ท่านไม่ยอมรับสมณศักดิ์ใดๆ และ กิจนิมนต์สำคัญที่ท่านมักจะได้รับเป็นประจำ คือ การไปร่วมนั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลในพิธีใหญ่ๆ ทุกครั้ง เรียกว่าทุกพิธีสำคัญจะขาด หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก เสียมิได้
๓.หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม จ.สมุทรสงคราม ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์อีกท่านหนึ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองสมุทรสงคราม ท่านเกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๐๘ ที่ อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม เมื่อเติบโตอายุ ๑๒ ปี บิดามารดานำไปบวชเรียนเป็นสามเณร ที่ วัดเหมืองใหม่ อ.อัมพวา ต่อมาได้บรรพชาอุปสมบทเมื่อ พ.ศ.๒๔๒๗ ที่วัดเหมืองใหม่ โดยมี พระอาจารย์ด้วง เป็นพระอุปัชฌาย์ เนื่องจากหลวงพ่อบวชเรียนตั้งแต่เป็นสามเณร จนเป็นพระภิกษุ ทำให้ท่านมีความเชี่ยวชาญในภาษาบาลี รวมถึงสนใจในวิชาอาคมต่างๆ โดยได้เดินทางไปศึกษาวิชากับพระอาจารย์ชื่อดังในอดีตหาลกหลายท่าน อาทิ หลวงพ่อหรุ่น วัดช้างเผือก หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย ฯลฯ จนเมื่อถึง พ.ศ.๒๔๔๘ ชาวบ้านใน ต.บางกะพ้อม ได้รวมใจกันขอความเมตตาให้ท่านมารับตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดบางกะพ้อม ซึ่งในเวลานั้นตำแหน่งเจ้าอาวาสได้ว่างลง
หลังจากนั้น ท่านจึงทำนุบำรุงวัดที่กำลังเสื่อมโทรม โดย หลวงพ่อคง มีความเชี่ยวชาญในฝีมือทางช่าง รวมถึงการตกแต่งสิ่งก่อสร้างต่างๆ จนวัดที่เคยทรุดโทรม กลับกลายเป็นวัดที่สวยงาม โดดเด่นเป็นสง่ามาจนถึงทุกวันนี้
หลวงพ่อคง ท่านมรณภาพเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๖ โดยตลอดเวลาที่เป็นเจ้าอาวาส ท่านไม่ยอมรับสมณศักดิ์ใดๆ ที่ทางคณะสงฆ์มอบให้ ทางด้านวิชาอาคม หลวงพ่อได้ทำตะกรุด และลูกอม แจกศิษย์ในยุคแรกๆ ปรากฏเป็นที่ร่ำลือในทางคงกระพันชาตรี กล่าวกันว่า มีดปาดตาลที่คมๆ ยังไม่สามารถทำอะไรผู้ที่บูชาวัตถุมงคลของหลวงพ่อคงได้ นอกจากนี้ยังดีทางเมตตาค้าขายเป็นยิ่งนัก พระเครื่องที่โด่งดังที่สุดของหลวงพ่อคง คือ เหรียญรูปเหมือน ที่ออกเมื่อปี ๒๔๘๔ ซึ่งปัจจุบันจัดอยู่ในชุดเบญจภาคีเหรียญยอดนิยม เหรียญสภาพสวยๆ เช่าหาบูชาเกินราคาหลักล้าน!!
๔.หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ จ.ชลบุรี ท่านคือสุดยอดพระเกจิอาจารย์อีกท่านหนึ่งที่ปลุกเสกวัตถุมงคลได้อย่างเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะ ปลัดขิก ของท่านโด่งดังเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองไทย เพราะอานุภาพเป็นที่ประจักษ์อย่างเด่นชัดว่า ดีทุกทาง ทั้งเมตตา มหานิยม ค้าขาย เป็นเสน่ห์ยิ่งนัก โดยเฉพาะป้องกันเขี้ยวงา แคล้วคลาดคงกระพัน รวมถึงอาราธนาทำน้ำมนต์ก็เข้มขลัง ตามแต่จะอธิษฐาน จนอาจกล่าวว่า “สารพัดนึก” ก็ย่อมได้
หลวงพ่ออี๋ ท่านเป็นชาวสัตหีบ จ.ชลบุรี เกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๐๘ พออายุครบ ๒๐ กว่าปี ได้บวชเรียนที่ วัดอ่างศิลา โดยมี พระอาจารย์จั่น วัดอ่างศิลา เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากบวชเรียนแล้ว ท่านได้ศึกษากับพระอาจารย์ที่วัดแห่งนี้ จนมีวิชาอาคมระดับหนึ่ง จึงได้เดินทางไปขอเป็นลูกศิษย์ หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย จ.สมุทรปราการ ทำให้ได้รู้จักและสนิทสนมกับ หลวงพ่อนก วัดสังกะสี และ หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก
หลังจากได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆ อยู่นานพอสมควร ท่านได้เดินทางกลับมาบ้านที่สัตหีบ และได้สร้างวัดขึ้น โดยได้เป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดสัตหีบ ท่านได้ปกครองวัด สร้างความเจริญรุ่งเรืองเป็นอันมาก จวบจนถึง พ.ศ.๒๔๘๔ ท่านได้รับสมณศักดิ์เป็น พระครูวรเวทมุนี เจ้าคณะอำเภอสัตหีบ จนเมื่ออายุท่านได้ ๘๒ ปี หลวงพ่ออี๋ ได้มรณภาพ ณ ที่วัดสัตหีบ เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๙
๔.หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ จ.ชลบุรี ท่านคือสุดยอดพระเกจิอาจารย์อีกท่านหนึ่งที่ปลุกเสกวัตถุมงคลได้อย่างเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะ ปลัดขิก ของท่านโด่งดังเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองไทย เพราะอานุภาพเป็นที่ประจักษ์อย่างเด่นชัดว่า ดีทุกทาง ทั้งเมตตา มหานิยม ค้าขาย เป็นเสน่ห์ยิ่งนัก โดยเฉพาะป้องกันเขี้ยวงา แคล้วคลาดคงกระพัน รวมถึงอาราธนาทำน้ำมนต์ก็เข้มขลัง ตามแต่จะอธิษฐาน จนอาจกล่าวว่า “สารพัดนึก” ก็ย่อมได้
หลวงพ่ออี๋ ท่านเป็นชาวสัตหีบ จ.ชลบุรี เกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๐๘ พออายุครบ ๒๐ กว่าปี ได้บวชเรียนที่ วัดอ่างศิลา โดยมี พระอาจารย์จั่น วัดอ่างศิลา เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากบวชเรียนแล้ว ท่านได้ศึกษากับพระอาจารย์ที่วัดแห่งนี้ จนมีวิชาอาคมระดับหนึ่ง จึงได้เดินทางไปขอเป็นลูกศิษย์ หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย จ.สมุทรปราการ ทำให้ได้รู้จักและสนิทสนมกับ หลวงพ่อนก วัดสังกะสี และ หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก
หลังจากได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆ อยู่นานพอสมควร ท่านได้เดินทางกลับมาบ้านที่สัตหีบ และได้สร้างวัดขึ้น โดยได้เป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดสัตหีบ ท่านได้ปกครองวัด สร้างความเจริญรุ่งเรืองเป็นอันมาก จวบจนถึง พ.ศ.๒๔๘๔ ท่านได้รับสมณศักดิ์เป็น พระครูวรเวทมุนี เจ้าคณะอำเภอสัตหีบ จนเมื่ออายุท่านได้ ๘๒ ปี หลวงพ่ออี๋ ได้มรณภาพ ณ ที่วัดสัตหีบ เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๙
วัตถุมงคลของท่าน นอกจาก ปลัดขิก อันโด่งดังแล้ว ยังมี เหรียญรุ่นแรก สร้างปี ๒๔๗๓ จัดเป็นเหรียญยอดนิยมเหรียญหนึ่งของเมืองไทย รวมทั้ง ผ้ายันต์ เสื้อยันต์ ก็เป็นที่นิยมแสวงหาของคณะศิษย์และนักสะสม จวบจนถึงทุกวันนี้
*************************
เรื่องโดย : ทีมข่าวมงคลพระ
เรียบเรียงโดย : เต้ มงคลพระ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น