พระ ดร.อนิลมาน ธมฺมสากิโย ท่านเกิดวันที่ 18 มิ.ย. 2503 เป็นบุตรคนที่ 2 ในพี่น้อง 6 คน ชาย 5 หญิง 1 บิดาชื่อ “อาสา” มารดาชื่อ “ปุรณะ” พ่อเป็นช่างทอง แม่เป็นแม่บ้าน ต่อมาบ้านเปิดร้านขายของชำ ปัจจุบันพ่อเสียชีวิตแล้ว จึงเลิกกิจการไป
พ่อของท่านตั้งใจจะถวายลูกสักหนึ่งในพระพุทธศาสนา หมายมั่นตั้งใจที่ลูกชายคนโต พี่ชายของท่าน แต่พี่ชายสอบได้ทุนเรียนที่ 1 ของประเทศ ไปเรียนที่อินเดีย การจึงกลายเป็นท่าน
ในปี 2517 ท่านอนิลมานจึงได้บวชเป็นสามเณร ใช้ชื่อว่า “สามเณรสุคันธะ” ที่เป็นชื่อนี้ เพราะเป็นไปตามประเพณีในเนปาล ที่ไม่ให้ใช้ชื่อเดิม ท่านบวชอยู่ที่เนปาล 9 เดือน พอวันที่ 14 เม.ย. 2518 ก็ย้ายจากเนปาลมาอยู่ที่ วัดบวรนิเวศวิหาร และเป็นสามเณรถวายการปรนนิบัติสมเด็จพระสังฆราช (สมณศักดิ์ขณะนั้น คือ สมเด็จพระญาณสังวร) และได้รับการประทานอุปสมบทจากสมเด็จพระสังฆราชในปี 2523 และได้รับฉายาว่า “ธมฺมสากิโย” (ผู้กล้าในธรรม)
การที่ท่านมาอยู่วัดบวรฯ ได้ เกิดจากการที่ สมเด็จพระสังฆราชฯ เมื่อครั้งเป็น พระสาสนโสภณ ได้เดินทางไปดูงานที่เนปาลครั้งแรกเมื่อปี 2513 ในตอนนั้นสมเด็จฯ ถามทางเนปาลว่า "จะให้ช่วยอะไรบ้าง" ประมุขสงฆ์เนปาลได้เรียนได้บอกไว่าขอ 2 อย่าง คือ
การที่ท่านมาอยู่วัดบวรฯ ได้ เกิดจากการที่ สมเด็จพระสังฆราชฯ เมื่อครั้งเป็น พระสาสนโสภณ ได้เดินทางไปดูงานที่เนปาลครั้งแรกเมื่อปี 2513 ในตอนนั้นสมเด็จฯ ถามทางเนปาลว่า "จะให้ช่วยอะไรบ้าง" ประมุขสงฆ์เนปาลได้เรียนได้บอกไว่าขอ 2 อย่าง คือ
1 ให้ทางไทยส่งพระธรรมทูตมาเผยแผ่ที่เนปาล
2 ให้พระเณรเนปาลมาเรียนที่ไทย
ข้อแรกสมเด็จฯ รับจะนำเข้าที่ประชุมมหาเถรสมาคม ส่วนข้อ 2 สมเด็จฯ บอกว่าท่านรับได้เลย ขอให้ติดต่อและส่งมาเลย จากนั้นในปี 2514 ได้ส่งมา 2 รูป ต่อมาปี 2518 ก็ส่งมาอีก 3 เป็นสามเณรทั้งหมด และ ท่านอนิลมาน ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ข้อแรกสมเด็จฯ รับจะนำเข้าที่ประชุมมหาเถรสมาคม ส่วนข้อ 2 สมเด็จฯ บอกว่าท่านรับได้เลย ขอให้ติดต่อและส่งมาเลย จากนั้นในปี 2514 ได้ส่งมา 2 รูป ต่อมาปี 2518 ก็ส่งมาอีก 3 เป็นสามเณรทั้งหมด และ ท่านอนิลมาน ก็เป็นหนึ่งในนั้น
พระ ดร. อนิลมาน ธมฺมสากิโย สำเร็จการศึกษา ศาสนศาสตรบัณฑิต (ศน.บ) จาก คณะสังคมศาสตร์ มหามกุฏราชวิทยาลัย ในปี พ.ศ.2525 และศึกษาต่อระดับปริญญาโทด้านมานุษยวิทยาจากมหาวิทยาลัยตรีภูวัน ประเทศเนปาล ในปี พ.ศ.2530 นอกจากนี้ยังได้ศึกษาต่อระดับปริญญาโทด้านมานุษยวิทยาสังคม จาก วิทยาลัยคราอิสต์ คอลเลจ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ โดยทุนพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปี พ.ศ. 2537 แล้วศึกษาต่อระดับปริญญาเอกด้านมานุษยวิทยาสังคม จากมหาวิทยาลัยบรูเนล ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยทุนพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเช่นเดียวกัน และสำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. 2543
นั่นไม่ใช่การอ้างสุ่มสี่สุ่มห้าของท่านอนิลมาน แต่การที่ท่านมีวันนี้ได้ ก้าวมาถึงจุดนี้ได้ เพราะ สมเด็จพระสังฆราชทรงชุบเลี้ยงและให้ความเมตตามาตลอด
พระ ดร.อนิลมาน ธมฺมสากิโย ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานสมณศักดิ์ (เป็นกรณีพิเศษ) ในวโรกาสที่สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเจริญพระชันษา ครบ ๑๐๐ ปี วันที่ ๓ เดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็น พระราชาคณะชั้นสามัญยก ในราชทินนามที่ พระศากยวงศ์วิสุทธิ์
พระอนิลมาน ท่านมีความผูกพันกับสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ อย่างมาก ถึงขนาดออกปากว่า สมเด็จพระสังฆราชเป็นเหมือน บิดา ของท่าน
นั่นไม่ใช่การอ้างสุ่มสี่สุ่มห้าของท่านอนิลมาน แต่การที่ท่านมีวันนี้ได้ ก้าวมาถึงจุดนี้ได้ เพราะ สมเด็จพระสังฆราชทรงชุบเลี้ยงและให้ความเมตตามาตลอด
วันนั้นถึงวันนี้ พระ ดร.อนิลมาน ไม่เคยทำสมเด็จพระสังฆราชต้องผิดหวังพระทัย และพูดได้เต็มปากว่า ท่านเป็นพระที่มีศักยภาพ มีความรู้ มีความสามารถเป็นที่ยอมรับในคณะสงฆ์ไทยและในสายตาชาวโลก แม้ท่านจะเป็นพระชาวเนปาล แต่ท่านก็คือหน้าตาของประเทศไทย คณะสงฆ์ไทย ของพระพุทธศาสนา และวัดบวรนิเวศวิหาร โดยเฉพาะ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ
*************************
เรื่องโดย : ทีมข่าวมงคลพระ
เรียบเรียงโดย : เต้ มงคลพระ
สาธุ สาธุ สาะุ อนุโมทามิ
ตอบลบสาธุ อนุโมทนาสาธุ คะ
ตอบลบวันนี้ได้สัญชาติไทยแล้วครับ
ตอบลบน้อมกราบสาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ เชื้อชาติไม่ใช่สิ่งบ่งชี้กว่าเมตตาธรรม ที่จะสร้างมนุษยชาติให้จิตใจสะอาดสว่างใสค่ะ
ตอบลบ