วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ สั่งยุติศึก! วัดสระเกศฯ


“สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์” ยุติความขัดแย้ง วัดสระเกศฯ สั่ง “พระพรหมสุธี” คืนหน้าที่ดูแลภูเขาทองให้ “พระพรหมสิทธิ” เช่นเดิม ส่วนผู้ช่วยเจ้าอาวาสอีก 2 รูป อยู่ในระหว่างพิจารณา ขณะที่อดีต 7 ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ ที่ถูกสั่งพักงานกรณีต้านการแต่งตั้งเจ้าอาวาสเมื่อปี 2553 มีลุ้นได้คืนตำแหน่ง รอผลประชุม มส. 30 ต.ค.นี้

กรณีความขัดแย้งภายใน วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ระหว่าง พระพรหมสุธี (เสนาะ ปญฺญาวชิโร) หรือ เจ้าคุณเสนาะ เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค 12 และ พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ เจ้าคณะภาค 10 ซึ่งพระพรหมสุธี มีการสั่งพักงานพระพรหมสิทธิ ในการดูแลภูเขาทอง พร้อมกับผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ อีก 2 รูป โดยอ้างว่ามีการบริหารงานที่ไม่โปร่งใสเกี่ยวกับเงินบริจาคต่างๆ จากผู้มาทำบุญที่ภูเขาทอง ถึงกับให้คนไปแจ้งความยัง สน.สำราญราษฎร์ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้งความ เพราะเห็นว่ามีหลักฐานไม่เพียงพอ แต่อย่างไรก็ตามทำให้บรรยากาศภายในวัดสระเกศฯ เกิดการแบ่งแยกเป็น 2 ฝ่าย ระหว่างฝ่ายพระพรหมสุธี และฝ่ายพระ พรหมสิทธิ อีกทั้งสถานการณ์ยังลามไปถึงกลุ่มผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของพระพรหมสุธี ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนไปยัง มหาเถรสมาคม (มส.) ให้พิจารณาในเรื่องดังกล่าว ทั้งยังลุกลามไปถึงการขุดคุ้ยประเด็นความขัดแย้งภายในวัดโสธรวราราม ในยุคที่พระพรหมสุธี เป็นรักษาการเจ้าอาวาสด้วยนั้น

ต่อมาเมื่อวันที่ 27 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊ก “ตีแผ่ความจริง คนไร้คุณธรรม ไร้ความเป็นผู้นำ” ซึ่งติดตามพฤติกรรมความเคลื่อนไหวในเรื่อง ดังกล่าวมาตลอด ได้เปิดเผยข้อมูลระบุว่า สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ได้มีบัญชาให้พระพรหมสุธี คืนตำแหน่งหน้าที่ดูแลภูเขาทอง แก่พระพรหมสิทธิ ตามบัญชาของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ที่เคยสั่งเสียไว้ให้พระพรหมสุธีเป็นเจ้าอาวาส และให้พระพรหมสิทธิดูแลภูเขาทอง นอกจากนี้ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ยังมีบัญชาให้คืนตำแหน่ง ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ ให้กับอดีต 7 ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ ที่ถูกพักงาน ไปนานกว่า 4 ปี ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงที่พระพรหมสุธี ยังดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ โดยที่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีการเปิดเผยผลการสอบสวนข้อเท็จจริงของ 7 ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ ว่ามีความผิดหรือไม่

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวโทรศัพท์สอบถามข้อเท็จจริงทั้ง 2 เรื่องจากพระพรหมสุธี และได้รับคำตอบว่า การคืนตำแหน่งการดูแลภูเขาทองให้แก่พระพรหมสิทธิเป็นเรื่องจริง โดยตนได้คืนตำแหน่งการดูแลภูเขาทองแล้ว 1 ตำแหน่ง ตามบัญชาของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ส่วนทีมงานที่เหลือกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา ส่วนการคืนตำแหน่ง 7 ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ นั้น คงต้องรอความชัดเจนจากผลการประชุมมส.ในวันที่ 30 ต.ค.นี้ เนื่องจากเป็นตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง การจะพิจารณาในเรื่องใดก็ตาม รวมทั้งการคืนตำแหน่งจะต้องเป็นมติของ มส.

สำหรับรายชื่อผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯที่ถูกสั่งพักงานมานานกว่า 4 ปี โดยที่ยังไม่มีการเปิด เผยผลการสอบสวนข้อเท็จจริงนั้น ประกอบด้วย 

1.พระปริยัติกิจวิธาน (อมรภิรักษ์) 
2.พระครูโสภณสรกิจ (วิรัตน์) 
3.พระครูภาวนากิจพิลาส (บุญยิ่ง) 
4.พระครูปริยัติปัญญาธร (ปรีดี) 
5.พระครูศรีปริยัติวิมล (เอื้อ) 
6.พระมหาปรีชา เตชวณฺโณ 
7.พระครูสุตภาวนาพิธาน (สันติภัทร) 

โดยสาเหตุที่ถูกสั่งพักงาน เนื่องจากออกมาต่อต้านการแต่งตั้ง พระเทพสิทธิญาณรังษี เป็นเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เมื่อปี 2553 ซึ่งขณะนั้นมีสมณศักดิ์ที่พระราชมงคลรังษี เพราะเห็นว่าพระเทพสิทธิญาณรังษี ไม่ใช่พระวัดโสธรฯ และการแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดพระอารามหลวง ควรแต่งตั้งพระสงฆ์ภายในวัดจึงจะมีความเหมาะสม ทั้งนี้ การออกมาเรียกร้องดังกล่าวเป็นที่มาของการถูกตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงของผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯทั้ง 7 รูป และถูกสั่งพักงานตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย.2553 เป็นต้นมา และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยผลการสอบสวนข้อเท็จจริงว่าผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯทั้ง 7 รูป มีความผิดหรือไม่



*************************


เรื่องโดย : ไทยรัฐออนไลน์
เรียบเรียงโดย : เต้ มงคลพระ



วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2557

25 ตุลา 57 ร่วมพิธีขอขมากรรม ณ ร.ร.ท่าม่วงราษฎร์บำรุง กาญจนบุรี


พระท่ากระดาน ได้มีการขุดพบจากกรุขึ้นครั้งแรกที่เป็นทางการก็ราวปี พ.ศ.๒๔๖๐ ที่กรุวัดท่ากระดานกลาง ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี และมีการขุดพบกันอีกหลายๆ กรุในเวลาต่อมาภายใน จ.กาญจนบุรี ทั้งที่ขุดพบเป็นทางการและที่ไม่เป็นทางการ เช่น พบที่กรุวัดท่ากระดารเหนือ กรุวัดท่ากระดานใต้ กรุท่าเสา และกรุลั่นทม นอกจากจะพบพระพิมพ์ท่ากระดานในเขต อ.ศรีสวัสดิ์ แล้วยังพบในเขต อ.เมืองกาญจน์ อีกหลายกรุ เช่น ที่กรุวัดเทวสังฆาราม (วัดเหนือ) กรุเขาชนไก่ และที่กรุวัดหนองบัว เป็นต้น ฯลฯ

นายนิพล เฮงเส็ง หรือ นุ เพชรรัตน์ นายกสมาคมศิษย์เก่าท่าม่วงราษฎร์บำรุง บอกว่า การสร้างพระท่ากระดาน ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์ไหน ยังเชื่อกันว่าตะกั่วที่นำมาสร้างพระนั้น เป็นตะกั่วที่ได้ทำการหลอมกันมานานเป็นพันปีแล้ว ในสมัยอู่ทองได้นำเอาตะกั่วเก่าเหล่านี้มาหลอมเทเป็นพระพิมพ์ท่ากระดานอีกที จึงมีการเรียกตะกั่วเก่าที่นำมาสร้างพระท่ากระดานนี้ว่า "ตะกั่วพันปี" ซึ่งก็มีการเรียกกันมานมนาน ครั้งโบร่ำโบราณ ตั้งแต่รุ่นปู่ย่า ตายาย กันแล้ว ปัจจุบัน พระท่ากระดาน ไม่ว่าจะเป็นพระพิมพ์เล็ก พิมพ์ใหญ่ หรือ พิมพ์ไหนๆ ก็ตาม ถือว่าเป็นพระที่หาชมของแท้ได้ยากยิ่งทุกพิมพ์ ของเก๊ทำเลียนแบบกันมากมายหลายฝีมือ มีทั้งเก๊เก่า เก๊ใหม่

ภายหลังต่อมามีด้วยกันหลายวัด ได้จัดสร้างพระพิมพ์ท่ากระดานขึ้นมาใหม่ โดยบางวัดก็ใช้ตะกั่วเก่า บางวัดก็ใช้ตะกั่วใหม่ หรือสร้างเป็นประเภทเนื้อผงก็มี แต่พระท่ากระดานที่ได้รับความนิยมก่อนเขา ก็น่าจะเป็นพระท่ากระดานของ หลวงปู่เหรียญ ที่สร้างจาก วัดหนองบัว ซึ่งมีทั้งเนื้อผง และเนื้อตะกั่วใหม่ และ วัดศรีโลหะราษฎร์บำรุง อ. ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ซึ่งมี พระครูโสภณประชานารถ หรือ หลวงพ่อนารถ นาคเสโน เป็นอดีตเจ้าอาวาส ก็เป็นอีกวัดหนึ่งที่สร้างพระพิมพ์ท่ากระดานเช่นกัน



หลวงพ่อนารถ ท่านเป็นชาวเมืองกาญจนบุรี โดยกำเนิด เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๔๔ ต.หุน้ำส้ม อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เมื่ออายุได้ ๒๙ ปี ท่านได้มาอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดศรีโลหะราษฎร์บำรุง อ.ท่าม่วง ตรงกับวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๗๓ ซึ่งมีพระวิสุทธิรังษี (เปลี่ยน วัดใต้) วัดไชยชุมพลชนะสงคราม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูยติวัตรวิบูล (หลวงพ่อพรต) วัดศรีโลหะราษฎร์บำรุง เป็นพระกรรมวาจา และพระปลัดจู วัดไชยชุมพลชนะสงคราม เป็นพระอนุสาวนาจารย์

สมัยหลวงพ่อนารถยังดำรงชีวิต ท่านเป็นพระที่เก่งกล้าวิชาอาคมด้วยกันหลายแขนง ท่านเป็นพระที่เก่งมากด้านวิปัสสนากรรมฐาน ด้านวิชาคงกระพัน และวิชาแก้คุณไสย หลวงพ่อนารถท่านได้มรณภาพ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๓๐ สิริอายุได้ ๘๖ ปี ๗ เดือน ๑๙ วัน โดยอาการสงบ

เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๙ ศิษย์ของหลวงพ่อนารถท่านหนึ่ง ได้ให้คำแนะนำหลวงพ่อนารถให้ไปขุดค้นหาของมีค่าศักดิ์สิทธิ์ต่า ๆ ในเขต อ.ศรีสวัสดิ์ เพราะว่าแถวนี้อีกไม่นานน้ำจะท่วมจากการสร้างเขื่อน ต่อมาหลวงพ่อพร้อมคณะลูกศิษย์จึงตกลงเดินทางค้นหากัน ขณะเฝ้าขุดค้นหาอยู่หลายวัน ไม่ปรากฏพบว่าพบสมบัติ หรือข้าวของศักดิ์ที่มีค่าต่างๆ เลย และแล้วอยู่มาคืนหนึ่ง หลวงพ่อนารถท่านได้นิมิตว่าได้พบพระฤาษีตนหนึ่งมาบอกท่านว่าสมบัติที่ท่านค้นหาอยู่นั้นอยู่จุดตรงไหน

นุ เพชรรัตน์ เล่าต่อว่า เมื่อหลวงพ่อท่านตื่นขึ้นมาท่านจึงได้ชักชวนลูกศิษย์ไปขุดตรงที่ฤาษีบอกจุดตำแหน่งที่มีสมบัติ และเมื่อขุดไปแล้วก็พบเจอสิ่งของจริงๆ พบพระที่ชำรุด พบเศษขอบพระที่เทล้นพิมพ์แล้วตัดออก แต่ของที่ขุดพบเจอส่วนใหญ่กลับกลายเป็นก้อนตะกั่ว ที่เทหล่อเป็นก้อนคล้ายกับฝาขนมครก ในจำนวนมากหลายตัน ทุกชิ้นล้วนเป็นเนื้อตะกั่วสนิมแดงทั้งสิ้น มีสนิมแดงเกาะอยู่ทั่วก้อน ซึ่งเป็นตะกั่วชนิดเดียวกันกับพระท่ากระดาน กรุเก่า และภายในกรุที่ขุดพบพระท่ากระดาน ยังพบก้อนตะกั่วที่มีลักษณะเดียวกัน ลงอักขระขอมโบราณกำกับไว้บนก้อนตะกั่ว ซึ่งบรรจุไว้ด้วยกันอีกจำนวนหนึ่ง

"พุทธคุณ วัตถุมงคลทุกชนิดของหลวงพ่อนารถนั้นเป็นที่พิสูจน์กันทั่วไปแล้วว่าท่านเป็นเกจิอาจารย์มีคุณเวทย์ที่เก่งกล้ามากทุกด้าน ทั้งแคล้วคลาด คงกระพัน เมตตา ป้องกันคุณไสย และโภคทรัพย์ดีเยี่ยม ส่วนวัตถุมงคลที่สร้างจากเนื้อตะกั่วเก่าของศรีสวัสดิ์ด้วยแล้ว ยิ่งสร้างความขลังเป็นทวีคูณ เฉกเช่นเดียวกันกับห้อยพระท่ากระดาน กรุเก่าทุกประการ" นุ เพชรรัตน์ กล่าว

สร้างพระเพื่อบูรณะวัดสร้างโรงเรียน

ระหว่าง พ.ศ.๒๕๑๙-๒๕๒๐ หลวงพ่อนารถท่านได้นำตะกั่วเก่าที่ขุดได้มาจัดสร้างพระเครื่องออกจำหน่ายเพื่อเป็นทุนในการสร้างโบสถ์ วัดศรีโลหะราษฎร์บำรุง และอีกส่วนหนึ่งได้จัดเป็นทุนให้ชาวบ้านไปบูรณะวัดในเขต อ.ศรีสวัสดิ์

การสร้างพระเครื่องของหลวงพ่อนารถท่านใช้ตะกั่วเก่ามารีด แล้วกดเป็นพิมพ์พระเลย (ไม่มีการหลอมตะกั่ว) ส่วนใหญ่เป็นรูปพิมพ์เลียนแบบพระท่ากระดานยุคเก่า เป็นพิมพ์รูปแบบอื่นก็มีบ้างแต่ไม่มากนัก

พิมพ์หลักๆ ได้แก่ พิมพ์พระท่ากระดาน พิมพ์ใหญ่ หน้าแก่ (หน้าฤาษี) พระท่ากระดาน พิมพ์ใหญ่ หน้าหนุ่ม พระท่ากระดาน พิมพ์ใหญ่ หน้ากลาง พระท่ากระดาน พิมพ์เล็ก พิมพ์กลีบบัว

พระท่ากระดาน ของ หลวงพ่อนารถ ทุกพิมพ์มีทั้งที่ปิดทอง และไม่ปิดทอง วัตถุมงคลของหลวงพ่อนั้นจำนวนไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง ท่านได้ใช้ชันโรงใต้ดินที่ท่านเก็บเอาไว้นำมาติดที่องค์พระเพื่อเพิ่มความขลังยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตามเมื่อครั้งที่หลวงพ่อนาถยังมีชีวิตอยู่ท่านได้จัดสร้างและทำพิธีปลุกเสกไว้เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๖ และมอบให้เป็นกรรมสิทธิ์ของ ร.ร.ท่าม่วงราษฎร์บำรุง ถนนแสงชูโต ต.ท่าม่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ทางโรงเรียนยังได้เก็บเหรียญไว้อยู่จำนวนหนึ่ง จึงนำออกมาให้เช่าบูชาเพื่อสมทบทุนดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น ในราคาเหรียญละ ๒,๐๐ บาท โดยผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ สมาคมศิษย์เก่า ร.ร.ท่าม่วงราษฎร์บำรุง ๐-๓๔๖๑-๑๗๔๗ และ ๐-๓๔๖๑-๑๐๓๔ ต่อ ๑๑๐

ร่วมมือเป็นเจ้าภาพร่วมพิธีขอขมากรรม


เนื่องด้วยในวันเสาร์ที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๗ สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนท่าม่วงราษฎร์บำรุง ได้จัดงาน พิธีขอขมากรรม ถอนคำสาบาน ถอนคำสาปแช่ง ล้างสนิมในใจ โดยมี พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาส วัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม เป็นเจ้าพิธีกรรม อันเชิญญาณบารมี ด้วยเดชะบุญญาภินิหารแห่ง หลวงพ่อนารถ สุดยอดพระเถระแห่งเมืองกาญจนบุรี - หลวงพ่อพูล พระอมตะเถราจารย์แห่งเมืองนครปฐม ล้างสิ่งอัปมงคล เสริมสิริมงคลชีวิต

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่า พื้นที่เดิมของโรงเรียนท่าม่วงราษฎร์บำรุงเป็นป่าช้าเก่า อาถรรพณ์อย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นกับโรงเรียนแห่งนี้คือ ในแต่ละปีจะมีเด็กนักเรียน ๒-๕ คน เสียชีวิตโดยอุบัติเหตุ คุณนุ เพชรรัตน์ จึงนิมนต์ให้ไปจัดงานพิธีขอขมากรรม ถอนคำสาบาน ถอนคำสาปแช่ง เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ทางโรงเรียน รายได้ทั้งหมดสมาคมศิษย์เก่าจะนำไปมอบให้แก่เด็กๆ นักเรียนมัธยมศึกษา โรงเรียนท่าม่วงราษฎร์บำรุง และบางส่วนนำไปมอบให้นักเรียนมัธยมศึกษาและนักเรียนประถมในเขต อ.ท่าม่วง และโรงเรียนใกล้เคียง เพื่อเป็นทุนการศึกษาและประกอบกิจกรรมต่างๆ ของเด็กๆ เท่านั้น

กำหนดการเวลา ๑๘.๐๙ น. บัณฑิตศิษย์มีครู อาจารย์เชน พงษ์พรหม ณภัทรไพบูลย์ อาจารย์กบ สักกเทพ วานิช อ่านโองการบูชาเทพยดา พร้อมบูชาถวายเครื่องสังเวยต่อเทพยดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย หลวงพี่น้ำฝน นำกล่าวขอขมากรรมถอนคำสาบาน ถอนคำสาปแช่ง จากนั้นหลวงพี่น้ำฝน พร้อมคณะสงฆ์ สวดถอนกรรม ถอนคำสาบาน ถอนคำสาปแช่ง

หมายเหตุ : ผู้เข้าร่วมพิธีต้องมาด้วยตนเอง และควรมาก่อนเวลา โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น สอบถามรายละเอียดโทร.๐๘-๗๗๕๖-๗๕๕, ๐๘-๗๖๙๘-๔๗๗๗๗ หรือที่ www.watpailom.org

"พุทธคุณแห่งวัตถุมงคลทุกชนิดของหลวงพ่อนารถ นั้นเป็นที่พิสูจน์กันทั่วไปแล้วว่าท่านเป็นเกจิอาจารย์มีคุณเวทย์ที่เก่งกล้ามากทุกด้าน ทั้งแคล้วคลาด คงกระพัน เมตตา ป้องกันคุณไสย และโภคทรัพย์ดีเยี่ยม"


*************************


เรื่องโดย : คมชัดลึกออนไลน์
เรียบเรียงโดย : เต้ มงคลพระ