โดยจุดที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดคือ บริเวณที่ตั้งโต๊ะหมู่บูชาที่ให้ประชาชนใช้จุดธูปเทียนบูชาพระ โดยไฟได้ลุกลามไหม้พรมที่ปูพื้น รวมทั้งข้าวของที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของพระพุทธรูปเสียหายทั้งหมด และควันไฟที่อบอยู่นาน ยังทำให้ภาพวาดที่ฝาผนังพระอุโบสถเสียหาย รวมทั้งมีเขม่าควันลอยไปติดตามตัวองค์พระจนเกิดเป็นคราบดำ แต่เปลวไฟไม่ได้สร้างความเสียหายให้ตัวองค์พระ และโครงสร้างอื่นๆ ของพระอุโบสถ สำหรับมูลค่าความเสียหาย ต้องรอผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณวัตถุมาตรวจสอบก่อน
พระครูพุทธมาธิคุณ ให้การว่า ช่วงหัวค่ำหลังพุทธศาสนิกชนพากันกลับหมดแล้ว พระเณรที่ดูแลพระอุโบสถที่ใช้ดิษฐาน พระพุทธรูปได้ปิดประตูโบสถ์ตามปกติ กระทั่งตกดึกพระเณรที่จำวัดอยู่ใกล้โบสถ์ได้กลิ่นควันไฟ จึงพากันลุกขึ้นมาดูและเห็นมีเปลวไฟในโบสถ์ จึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยดับไฟ
พระครูพุทธมาธิคุณ ให้การว่า ช่วงหัวค่ำหลังพุทธศาสนิกชนพากันกลับหมดแล้ว พระเณรที่ดูแลพระอุโบสถที่ใช้ดิษฐาน พระพุทธรูปได้ปิดประตูโบสถ์ตามปกติ กระทั่งตกดึกพระเณรที่จำวัดอยู่ใกล้โบสถ์ได้กลิ่นควันไฟ จึงพากันลุกขึ้นมาดูและเห็นมีเปลวไฟในโบสถ์ จึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยดับไฟ
เจ้าหน้าที่สันนิษฐานสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ว่าน่า จะเกิดจากการดับธูปเทียนที่ประชาชนจุดบูชาไม่สนิท ทำให้เกิดเพลิงไหม้บริเวณพรมที่ใช้ปูให้ประชาชนนั่งกราบไหว้ ทั้งนี้ จะให้เจ้าหน้าที่แผนกพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ เพื่อสรุปสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ที่ชัดเจนอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ วัดพระโต บ้านปากแซง ถือเป็นพระพุทธรูปที่ชาวไทย และชาวลาวให้ความเคารพศรัทธาเลื่อมใสเป็นอย่างมาก ตั้งประดิษฐานหันหน้าไปทางแม่น้ำโขง ทำให้ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นพระพุทธรูปที่คอยปกปักดูแลประชาชน ที่ใช้พาหนะเดินทางทางเรือในแม่น้ำโขง สร้างขึ้นในราว พ.ศ.1154 โดยพระยาแข้วเจ็ดถัน
( ข่าวที่เกี่ยวข้อง http://mongkhonphra.blogspot.com/2014/04/2.html )
*************************
เรื่องโดย : ข่าวสดออนไลน์
เรียบเรียงโดย : เต้ มงคลพระ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น