วันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2558

นะชาลีติ เรืองรุ่งเจริญศรี ไม่มีอับจน!!


พระสีวลี คือ พระอรหันต์ที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลายมักนิยมบูชาด้วยความศรัทธา โดยแฝงนัยแห่งความเชื่อที่ว่า เป็นผู้บันดาลลาภผลและความสมบูรณ์พูนสุข แม้เพียงเอ่ยพระนามหรือภาวนาพระคาถา โดยน้อมจิตรำลึกถึงองค์ท่านด้วยความเลื่อมใส “ลาภสักการะ” ก็จะไหลมาเทมาสู่บุคคลผู้นั้น ราวกับสายน้ำที่อุดมไปด้วยความสุขสมทั้งกาย จิต และเงินทอง

โดยตำนานในสมัยพุทธกาลเคยกล่าวไว้ว่า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านทรงรับรอง พระสีวลี ว่า “เป็นผู้มีบุญมาก เทวดารัก” ดังความในพระไตรปิฎกที่ระบุว่า ...สมัยหนึ่ง พระบรมศาสดาเสด็จพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ จำนวน 500 รูปไปเยี่ยมพระเรวตะ ผู้เป็นน้องชายของพระสารีบุตรเถระ ซึ่งจำพรรษาอยู่ ณ ป่าไม้ตะเคียน เมื่อเสด็จมาถึงทาง 2 แพร่ง พระอานนท์เถระได้กราบทูลสภาพหนทางว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าเสด็จไปทางอ้อม ระยะทางไกล 60 โยชน์ มีประชาชนอยู่อาศัยมาก พระภิกษุไม่ลำบากด้วยภิกขาจาร แต่ถ้าเสด็จไปทางลัดระยะทางประมาณ 30 โยชน์ ไม่มีประชาชนอยู่อาศัย มีสภาพเป็นป่าใหญ่ มีแต่อมนุษย์อยู่อาศัย พระภิกษุสงฆ์จะลำบากด้วยภิกขาจาร”

พระพุทธองค์ จึงตรัสถามว่า “ดูก่อนอานนท์ พระสีวลีมากับเราด้วยหรือไม่?”

“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระเสวลีมากับเราด้วย พระเจ้าข้า” พระอานนท์เถระได้กราบทูลตอบ

พระพุทธองค์ จึงตรัสว่า “ดูก่อนอานนท์ ถ้าอย่างนั้นก็จงไปทางลัด ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวลด้วยอาหารบิณฑบาต เพราะเทวดาทั้งหลายที่สิงสถิตอยู่ในป่าระหว่างทาง จะจัดสถานที่พักและอาหารบิณฑบาตไว้ถวายพระสีวลี ผู้เป็นที่เคารพนับถือของพวกตน เราทั้งหลายก็จะได้อาศัยบุญของพระสีวลี นั้นด้วย”

ดังนั้น พระสีวลีเถระ จึงถือเป็นพระอรหันต์ที่ได้รับการเป็นเอตทัคคะผู้เลิศในทาง ผู้มีลาภมาก ส่งผลให้เกิดความเชื่อความศรัทธาในหมู่พุทธศาสนิกชนว่า หากบุคคลใดบูชา พระสีวลี บุคคลนั้นจะมั่งมี โชคดี ดวงดี เงินทองไหลมาเทมา


นะชาลีติ หรือ คาภาหัวใจพระสีวลี คือ อักขระศักดิ์สิทธิ์ที่พระเกจิอาจารย์ผู้ทรงคุณวิเศษหลายท่านนิยมอัญเชิญมากำกับลงไว้ ณ วัตถุมงคล เพื่อความประเสริฐแห่งลาภผลของบุคคลที่บูชา ทั้งยังแฝงอุปเท่ห์แห่งเส้นทางสู่เจริญรุ่งเรือง โดยหากประพฤติอย่างต่อเนื่องจะไม่มีวันที่อับจน ซึ่ง “คาภาหัวใจพระสีวลี” นั้น มีใจความสำคัญที่แฝงเอาไว้ว่า

นะ หมายถึง นอบน้อม มีสัมมาคาราวะ
ชา หมายถึง ขวนขวายเรื่องการงาน
ลี หมายถึง ไม่นอนมาก ไม่นอนดึก ไม่ตื่นสาย
ติ หมายถึง ว่าโดยทั้งหมด

กล่าวโดยสรุปว่า หากเราเป็นผู้ที่มีความนอบน้อม มีสัมมาคาราวะ ขวนขวายอย่างจริงจัง มุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่การงาน ไม่เป็นผู้ที่นิยมสะสมความเกียจคร้าน มีกุศลจิตในการประกอบกิจการ ชีวิตก็จะพบพานแต่ความเจริญรุ่งเรือง


*************************


เรื่อง/เรียบเรียงโดย : เต้ มงคลพระ







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น