วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ร่วมบุญ เปลี่ยนผ้าครอง หลวงพ่อพูล เทพเจ้าแห่งวัดไผ่ล้อม นครปฐม


พระมงคลสิทธิการ หรือ หลวงพ่อพูล อัตตะรักโข พระอมตะเถราจารย์แห่ง วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ที่มีประชาชนให้ความเคารพศรัทธาทั่วประเทศ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ท่านอยู่ในร่มกาสาวพัสตร์ด้วยความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย เสมอต้นเสมอปลาย ให้ความเมตตาต่อศิษยานุศิษย์ทุกชั้นวรรณะ หลวงพ่อพูลท่านได้เคยสร้างคุณประโยชน์ไว้มากมายในบวรพุทธศาสนา เป็นที่ประจักษ์อย่างเป็นรูปธรรม ถาวรวัตถุทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นจากความตั้งใจ จรรโลงไว้เพื่อคุณงามความดี มีหลักยึดพระธรรมในการรังสรรค์ด้วยความเสียสละ เพื่อสังคมส่วนรวมอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๔๘ ตรงกับวันวิสาขบูชา ท่านได้ละสังขารอย่างสงบ จวบจนวันนี้ครบ ๑๐๑ ปีชาตกาล สรีระของท่านไม่เน่าเปื่อย คงสภาพเดิมทุกประการ พุทธศาสนิกชนจากทั่วสารทิศต่างแห่แหนเดินทางมากราบสักการะสังขารของท่านมิขาดสาย ทำให้ทุกวันนี้บนศาลาการเปรียญ ที่ประดิษฐานสังขารของท่านมีประชาชนจำนวนมากเดินทางมากราบสังขารหลวงพ่อแน่นขนัดทุกวัน เพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการดำเนินชีวิต เพื่อความเป็นสิริมงคลในหน้าที่การงาน ค้าขายดีมีกำไร ไม่เจ็บไม่จน กินอิ่มนอนอุ่น ตลอดไป

พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ หลวงพี่น้ำฝน ทายาทศิษย์เอกแห่งองค์หลวงพ่อพูล ผู้ดำรงตำแหน่งประธานมูลนิธิหลวงพ่อพูล และเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้กล่าวว่า ในระหว่างที่หลวงพ่อพูลยังมีชีวิตอยู่นั้น มีชาวบ้านมาให้ท่านเจิมแป้งนะเมตตามหามงคล นับเป็นความเมตตาของหลวงพ่อพูลที่มีต่อลูกศิษย์ลูกหาทั่วไปอย่างมาก โดยเชื่อว่าการเจิมแป้งที่เสกโดยพระเกจิอาจารย์นั้น ถือเป็นการเสริมบารมี และส่งผลให้เกิดความเจริญก้าวหน้าในชีวิต มีโชค มีลาภ ร่ำรวยมหาศาล ไม่เจ็บ ไม่จน กินอิ่ม นอนอุ่นตลอดกาล จากนั้นญาติโยมเหล่านี้จะเดินทางกลับมาให้เจิมอีก เพราะต่างสำเร็จสมหวังในสิ่งที่ปรารถนา นี่คือที่มาแห่งการเจิมแป้งนะเมตตามหามงคล ตำรับหลวงพ่อพูลที่เป็นอมตะมายาวนานจวบจนปัจจุบันนี้


อย่างไรก็ตามใน วันอาทิตย์ที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๘ นี้ หลวงพี่น้ำฝน จะเปิดโอกาสให้ญาติโยมศิษยานุศิษย์ ได้สัมผัสหลวงพ่ออย่างใกล้ชิด โดยจัดให้มีพิธีถวายสักการะสรีระพระเดชพระคุณหลวงพ่อพูล สวดพระพุทธมนต์ ประกอบพิธีสรงน้ำเช็ดตัวเปลี่ยนผ้าครองที่สังขารหลวงพ่อพูล ตั้งแต่เวลา ๑๗.๐๐ น.เป็นต้นไป ณ ศาลาปุริมานุสรณ์ (ศาลาการเปรียญ) วัดไผ่ล้อม

สำหรับพิธีลงกระหม่อม โดยในระหว่างเวลาดังกล่าวนี้ หลวงพี่น้ำฝน ท่านเปิดโอกาสให้ญาติโยมพุทธศาสนิกชน เข้ากราบสักการะสังขารหลวงพ่ออย่างใกล้ชิด ด้วยการก้มกราบน้อมศีรษะจรดแตะไปที่ปลายเท้าหลวงพ่อ เพื่อความเป็นสิริมงคล กับครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้สัมผัสพระอริยสงฆ์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม โทร.๐๘-๕๔๑๕-๖๔๖๔ และ ๐๖-๑๗๘๒-๖๔๖๒ หรือ ที่ www.watpailom.org


*************************

เรื่องโดย : คมชัดลึกออนไลน์
เรียบเรียงโดย : เต้ มงคลพระ



หลวงพ่อโต วัดสาขลา ตำนานแห่งหมู่บ้านสาวกล้า จ.สมุทรปราการ


วัดสาขลา ตั้งอยู่เลขที่ ๑๙ บ้านสาขลานาเกลือ หมู่ ๑๙ ต.นาเกลือ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ เป็นวัดเก่าแก่ซึ่งมีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนาน โดยสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๓๒๕ สันนิษฐานว่าชาวบ้านช่วยกันสร้างเมื่อคราวที่รบชนะพม่า ...กว่า ๒๓๓ ปี ของวัดแห่งนี้ เต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ซึ่งปัจจุบันได้ถูกพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของ จ.สมุทรปราการ

ชุมชนบ้านสาขลา เป็นหมู่บ้านตั้งอยู่ริมปากแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ไหลลงสู่ทะเลอ่าวไทย ก่อตั้งขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ต่อมาเมื่อเกิดสงคราม ๙ ทัพในรัชสมัยรัชกาลที่ ๑ ชาวบ้านที่เป็นผู้ชายได้ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร เหลือแต่ผู้หญิงและคนชรา เมื่อทหารพม่าเดินทัพผ่านมา พยายามเข้าตีเพื่อยึดเอาเสบียงอาหาร แต่ชาวบ้านทุกคนได้ร่วมแรงร่วมใจหยิบอาวุธเท่าที่พอจะหาได้ ออกไปต่อสู้กับทหารพม่าอย่างกล้าหาญ และเอาชนะทหารพม่าได้ หมู่บ้านแห่งนี้จึงมีชื่อเรียกว่า “หมู่บ้านสาวกล้า” ตามวีรกรรมอย่างกล้าหาญของผู้หญิงในหมู่บ้านนี้ ก่อนที่จะเพี้ยนมาเป็น “หมู่บ้านสาขลา” เช่นในปัจจุบัน

วิหาร หลวงพ่อโต พระพุทธรูปเก่าแก่ประจำวัด ซึ่งวิหารจะอยู่ติดกับอุโบสถที่ยกสูงขึ้นเมื่อครั้งถูกน้ำท่วม เดินขึ้นไปจะมีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างยืนถือดอกไม้ ธูป เทียน เตรียมสักการะไม่ขาดสาย

ลองเดินเข้าไปในวิหาร อันเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่หลายองค์ โดยเฉพาะ หลวงพ่อโต ที่สร้างมาพร้อมกับวัด เป็นพระพุทธรูปศิลปะสมัยอู่ทอง ปางมารวิชัย เป็นที่เคารพบูชาของชาวบ้านสาขลา คนเฒ่าคนแก่แถวนั้นเล่าถึงความศักดิ์สิทธิ์ของ หลวงพ่อโต ว่า เมื่อคืนวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๒๖ เวลาประมาณ ๒๑.๐๐ น. ได้เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ในหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างช่วยกันดับไฟ แต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก พายุเพลิงได้ลุกโหมกระหน่ำไม่หยุดหย่อน จนเกินความสามารถของชาวบ้าน

ในขณะนั้นได้เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นมา เมื่อชาวบ้านที่ออกไปหาปูปลาไม่ไกลจากหมู่บ้าน ได้เห็นสิ่งอัศจรรย์ เมื่อ หลวงพ่อโต ยืนเอาจีวรโบกไฟที่กำลังโหมไหม้ จนค่อยๆ ดับลง พร้อมกับได้ยินเสียงสวดมนต์อย่างต่อเนื่อง

พอรุ่งเช้า ชาวบ้านทราบข่าวว่า มีคนเห็นองค์หลวงพ่อโตช่วยดับไฟ ทุกคนจึงแห่ไปดูที่วัด และต้องตกตะลึง บางคนถึงกับร้องไห้ เมื่อเห็นว่าองค์หลวงพ่อโต ดำไปด้วยเขม่าทั้งองค์ ผ้าที่ห่มกรอบไหม้ ใบหน้าของท่านมีร่องรอยเหมือนน้ำตาไหล ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันทำบุญให้ หลวงพ่อโต ทุกวันที่ ๖ มกราคม ของทุกปี จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้าน...ถึงทุกวันนี้


ในส่วนของ อุโบสถ โดยรอบจะมีลูกนิมิตโบราณ ๘ ลูก วางอยู่บนแท่นพญานาค ๗ เศียร ชาวบ้านแถวนั้นเล่าว่า ลูกนิมิตโบราณนี้มีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๕๐ ปี ซึ่งได้ขุดพบตอนที่ทางวัดได้ยกอุโบสถให้สูงขึ้น นอกจากนี้ยังขุดพบพระพุทธรูปโบราณอีกเป็นจำนวนมาก

ลักษณะของลูกนิมิตนั้นมีลักษณะไม่กลม แต่จะมีรูปทรงบิดเบี้ยว ซึ่งทางวัดได้เปิดให้ชาวบ้านร่วมปิดทองเพื่อความเป็นสิริมงคลกับตัวเอง

วิหาร ในขณะที่กำลังยกวิหารให้สูงขึ้น ได้ขุดพบพระพุทธรูปที่มีลักษณะหันหลังชนกัน องค์หนึ่งปางประทานพร อีกองค์หนึ่งปางห้ามสมุทร

เมื่อชาวบ้านได้ขุดและอัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นมา ปรากฏว่า ด้านล่างเป็นบ่อน้ำขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่ที่ทำให้ชาวบ้านต้องตกตะลึง ก็คือ เป็นบ่อน้ำจืด ซึ่งในบริเวณพื้นที่ตรงนั้นจะติดกับทะเล ทำให้พื้นดินเป็นน้ำเค็มทั้งหมด สร้างความอัศจรรย์ใจให้แก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง ปัจจุบันบ่อน้ำนั้นก็ยังคงเป็นบ่อน้ำจืดอยู่เช่นเคย

พระพุทธรูปที่ขุดพบใต้วิหาร ซึ่งตรงกับฐานองค์หลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปศิลา ด้านบนเศียรเป็นฐานของหลวงพ่อโต ซึ่งเป็นอิฐก้อนใหญ่ที่นิยมใช้ในอดีต โดยมีเกร็ดความรู้ว่า นั่นก็คือ วิธีการเชื่อมอิฐสมัยอดีต ซึ่งใช้น้ำผึ้งผสมกับอ้อย เหมือนเป็นกาว ให้อิฐติดกันได้ดี ถือเป็นภูมิปัญญามาแต่ครั้งโบราณ

พระปรางค์เอียง ตั้งอยู่บริเวณหน้าวัด ริมคลองสาขลา ถือเป็นสัญลักษณ์เฉพาะของวัดแห่งนี้ คนเฒ่าคนแก่แถวนั้นเล่าให้ฟังว่า ในอดีตการทำสิ่งปลูกสร้างจะไม่ใช้วิธีลงเสาเข็มเหมือนปัจจุบัน แต่จะใช้วิธีวางท่อนซุงหรือท่อนไม้ไขว้กันไปมา ตรงบริเวณการสร้างพระปรางค์ก็เช่นกัน แต่บริเวณนั้นอยู่ใกล้กับริมคลอง คนสมัยก่อนจึงได้วางท่อนไม้บริเวณริมคลองไว้มาก เพราะกลัวว่าเวลาผ่านไปอาจจะถูกน้ำกัดเซาะขึ้นมาถึงฐานพระปรางค์ได้ จึงวางท่อนไม้ไว้มากกว่าอีกด้านหนึ่งที่ไม่ติดคลอง แต่เวลาเนิ่นนานทางฝั่งคลองพื้นที่ยังคงเดิม แต่ฝั่งพื้นดินกลับทรุดลง จึงทำให้พระปรางค์เอียงนั่นเอง

ปัจจุบัน พระปรางค์ยังคงอยู่แบบเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าไปชมหลายๆ คน อาจจะสงสัยว่าทำไมพระปรางค์ถึงไม่สูงนัก นั่นก็เพราะได้มีการถมดินบริเวณฐานพระปรางค์ขึ้นมากว่าเดิมถึง ๒ เมตร จึงทำให้รู้สึกว่าพระปรางค์ไม่สูง แต่แท้จริงแล้วใต้ดินลึกลงไปยังคงมีฐานพระปรางค์อยู่นั่นเอง

ในวันอาทิตย์ที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๘ ทางวัดจะประกอบพิธีหล่อพระพุทธรูป ปางห้ามสมุทร เพื่อประดิษฐานประจำทิศทั้ง ๔ บนซุ้มพระปรางค์ นับเป็นครั้งแรกที่มีการหล่อพระในวัดสาขลา พร้อมทั้งหล่อรูป “สาวกล้า” เพื่อประดิษฐานบนอนุสาวรีย์ โอกาสนี้ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมงานบุญครั้งนี้ด้วย

วัดสาขลา ได้องค์อุโบสถให้สูงขึ้น เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมในช่วงน้ำหลาก ใต้อุโบสถจึงสามารถลอดไปมาได้ ในแต่ละวันจะมีพุทธศาสนิกชนไปลอดอุโบสถเสมอ โดยเชื่อว่าจะช่วยเสริมสิริมงคล ๙ ประการ คือ

มงคลที่ ๑ ลอดประตูพระราหู มงคลที่ ๒ ปิดทองลูกนิมิตโบราณ มงคลที่ ๓ บูชาพระบัวเข็ม กราบรูปเหมือนพระเกจิอาจารย์ชื่อดังจำนวนมาก มงคลที่ ๔ โยนเหรียญทำบุญพระสังกัจจายน์ มงคลที่ ๕ บูชาพระพุทธรูปที่ขุดพบ มงคลที่ ๖ พระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกขกิริยา มงคลที่ ๗ ปิดทองพระพุทธรูปศิลา มงคลที่ ๘ ปิดทองใต้ฐานองค์หลวงพ่อโต และมงคลที่ ๙ ลอดท้องช้าง พรายมหาลาภ


ปัจจุบัน วัดสาขลา ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ กทม.โดยมี พระปลัดสันทาน ธมฺมสนฺทโน (อยู่ไสว) เป็นเจ้าอาวาส สอบถามข้อมูลการเดินทาง และกิจการงานบุญต่างๆได้ที่ โทร.๐๘-๕๙๐๗-๑๔๓๑, ๐๘-๑๖๓๒-๘๒๗๑


*************************

เรื่องโดย : คมชัดลึกออนไลน์
เรียบเรียงโดย : เต้ มงคลพระ



วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

หลวงพ่อชื่น วัดในปราบ มรณภาพ ปิดตำนาน ผาลพลิกแผ่นดินพลิกชีวิต

พระครูมงคลสมณกิจ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า พ่อท่านชื่น อินทปัญโญ หรือ หลวงพ่อชื่น วัดในปราบ พระอริยสงฆ์แห่งวัดในปราบ ต.บ้านเสด็จ อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี กลายเป็นอีกหนึ่งตำนานเจ้าตำรับ "ผาลพลิกแผ่นดิน พลิกชีวิต" ท่านมรณภาพอย่างสงบเมื่อวันพุธที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๘ เวลา ๑๔.๓๕ น. สิริอายุรวม ๙๒ ปี

"นายชื่น แก้วศรีมล" เป็นชื่อและสกุลเดิมของพ่อท่านชื่น อินทปัญโญ เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๖๗ บิดาของท่านเป็นที่รู้จักกันในนาม อาจารย์ล่อง ผู้รักษาคนไข้ทางด้านอาคม หรือไสยศาสตร์ในสมัยนั้น เมื่ออายุครบ ๗ ขวบ ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนวัดศิลา จ.นครศรีธรรมราช เรียนจบชั้น ป.๔ หลังจากเรียนจบ บิดาของท่านได้นำท่านไปฝากเป็นศิษย์หลวงพ่อคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งหลวงพ่อคล้ายมีฐานะเป็นตาของนายชื่น

ครั้งหนึ่งพ่อท่านคล้ายได้สรงน้ำในขณะที่นายชื่นซักสบงให้พ่อท่านคล้ายอยู่ พ่อท่านคล้ายได้ตักน้ำขันที่สามนำมารดศีรษะและนำมือรับน้ำใต้คาง แล้วส่งให้นายชื่นดื่ม เมื่อดื่มน้ำนั้นแล้วพ่อท่านคล้ายได้เริ่มถ่ายทอดวิชาต่างๆ และท่านได้เล่าเรียนวิชาอาคมจากพ่อท่านคล้าย เช่น วิชาทำนายดวงชะตา ขับไล่ภูตผีปีศาจ การขับไล่คุณไสยต่างๆ อีกมากมายจากพ่อท่านคล้าย และเล่าเรียนวิชาอาคมที่ตกทอดจากตระกูลของบิดาท่าน ซึ่งได้ถ่ายทอดให้จนครบอายุครบ ๑๘ ปี บิดาเสียชีวิตจึงกลับมาบ้านทำงานเลี้ยงดูผู้เป็นมารดา

ขณะอายุ ๕๕ ปี พ่อท่านชื่นได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดไม้เรียง ต.ไม้เรียง อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๒๒ โดยมีพระครูญาณวรากร เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “อินฺทปญฺโญ” พอถึงปี ๒๕๓๒ ท่านได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่ที่พักสงฆ์ที่ชาวบ้านจัดไว้ให้ในหมู่บ้านในปราบ และเริ่มสร้างวัดขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ชื่อว่า วัดในปราบ โดยมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า วัดเจริญประชาธรรม

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ หลวงพ่อมีอาการอาพาธมานานแล้วได้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเคียนซามาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดหลวงพ่อมีอาการไอ เหนื่อยหอบ และมีเสมหะมาก แพทย์ระบุปอดติดเชื้อ ต้องนำส่งเข้ารักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ก่อนที่จะมรณภาพอย่างสงบ โดยได้ประกอบพีธีสรงน้ำศพวันที่ ๒๕ มิถุนายนที่ผ่านมา

ส่วนกำหนดการสวดพระอภิธรรมกี่คืนคณะกรรมการวัดกำลังหารือ หลังจากครบกำหนดแล้วจะเก็บสรีระของท่านไว้ในพระมหาเจดีย์ ซึ่งหลวงพ่อชื่นท่านได้สร้างไว้ล่วงหน้าเสร็จมาหลายปีแล้ว

ตำนานแห่งเจ้าตำรับ "ผาลพลิกแผ่นดิน พลิกชีวิต"

วัตถุมงคลที่ขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งของท่าน คือ ผาลไถนา โดยท่านได้ใช้ผาลไถนาส่วนที่เป็นเหล็กอายุกว่า ๑๐๐ ปีนำมาตัดเป็นชิ้นๆ ขนาดและรูปร่างต่างๆ กันไปแล้วแต่หลวงพ่อจะจารมือลงไปว่าเป็นยันต์อะไร บางครั้งก็ยันต์นะ บางครั้งก็ยันต์นะพุทธคุณของผาลไถ เมตตามหานิยม โชคลาภ ทำมาค้าขายเจริญรุ่งเรือง แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี มีประสบการณ์กล่าวขานมาแล้วมากมาย

ในพระไตรปิฎก เล่มที่ ๕ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๕ มหาวรรค ภาค ๒ ว่าด้วยเรื่อง "ภิกษุอาพาธด้วยโรคต่างๆ" โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งอาพาธถูกยาแฝด ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสอนุญาตแก่ภิกษุทั้งหลายว่า "ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ดื่มน้ำที่เขาละลายจากดินรอยไถซึ่งติดผาล"

ตรงคำว่า "ดินติดผาลไถ" นี้ก็ได้แก่ ดินที่ติดอยู่ที่ผาลไถที่ชาวนาเขาใช้ไถนานั่นแหละ ถ้าได้ดินติดผาลไถที่เป็นแบบโบราณคือ ไถที่เป็นไม้หรือเหล็ก และใช้เทียมกับควายหรือวัว แล้วก็มีคนจับเดินตามแบบนี้ก็ดี และก่อนจะดื่มน้ำดินผาลไถ ก็อธิษฐานด้วยว่า "ขออำนาจพุทธ-ธรรม-สงฆ์ จงบันดาลบุญข้าให้มาอยู่ที่น้ำดินผาลไถนี้ จงมีฤทธิ์อำนาจล้างอาคมยาแฝดในกายข้าให้มลายไป" เรื่องดื่มน้ำนี้ก็ดื่มไปเรื่อยๆ ทั้งดื่มทั้งอธิษฐานไปเรื่อยๆ จนกว่าอาการจะดีขึ้น

ส่วนที่มาของผาลไถนั้นท่านเคยคิดจะสร้างพระเครื่องแต่ด้วยทุนทรัพย์ที่มีไม่มาก ชาวบ้านจึงช่วยกันหาโลหะเก่าๆ มามอบให้ท่าน ส่วนใหญ่เป็นเหล็กและทองเหลือง แต่เมื่อท่านแลเห็นผาลที่ถูกกองเศษเหล็กทับอยู่ท่านจึงดำริว่า "รู้แล้วของดีไม่ต้องไปหาไกล อยู่นี่นี่เอง" ว่าแล้วท่านจึงหยิบผาลไถออกมาแล้วให้ชาวบ้านช่วยกันหามาอีก ก็ได้มาจำนวนหนึ่ง ท่านนำมาปลุกเสกแล้วก็จาร แจกให้ผู้ที่มาทำบุญ แต่แล้วผาลก็หมดลง ท่านจึงนำผาลที่เหลือนำมาตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ได้โขเลยคราวนี้ แต่ก็หมดลงอีกเพราะผู้ที่ทราบข่าวเรื่องผาลในการนำไปใช้ใช้ดีมากๆ

คติการใช้ผาลเป็นวัตถุอาถรรพณ์นั้น ส่วนใหญ่เป็นคนในภาคใต้ โดยจะใช้ผาลในการประกอบพิธีต่างๆ เมื่อหมดอายุใช้งาน หรือมีผาลเก่าๆ ก็จะเอาขึ้นหิ้งบูชา บางรายถึงกับใส่ไว้ในโอ่งน้ำเพื่อป้องกันอาถรรพณ์ ขณะเดียวกันการทำพิธีถอนอาถรรพณ์พื้นดิน เมื่อเสร็จพิธีสวดถอนก็จะเอาผาลพลิกธรณีทั้ง ๘ ทิศ นอกจากนี้แล้วในการถอนหรือย้ายตำหนิบนร่างกาย (ไฝ-ปาน) จะใช้ผาลในการประกอบพิธีถึงจะได้ผลดีที่สุด

เหรียญรุ่นแรกและรุ่นสุดท้าย

หลวงพ่อชื่น ถือเป็นตำนานแห่งผู้สร้างเครื่องรางผาลไถอันโด่งดัง เมตตาให้คติว่า วัตถุจากธรรมชาติและเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ ที่เราใช้ในชีวิตปกติประจำวันหลายชนิดมีอาถรรพณ์อยู่ในตัวอยู่แล้ว ไม่ต้องปลุกเสกสามารถนำไปใช้ได้เลย อย่างกรณีผาลไถนา ซึ่งใช้ประโยชน์สำหรับไถพลิกพื้นดิน และเป็นของใช้ชนิดเดียวในโลกที่สามารถพลิกแผ่นดินได้ เมื่อไถลงไปในดินแล้วก็สามารถผ่านตลอดโดยไม่มีอะไรติดขัด คนจึงเกิดความเชื่อ ผาลเป็นวัตถุอาถรรพณ์ที่สามารถพลิกสิ่งร้ายๆ ให้กลายเป็นดี ทำอะไรก็ผ่านตลอดเช่นเดียวกับผาลไถ

ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือพ่อท่านชื่นอย่างมาก เพราะพ่อท่านชื่นได้ใช้วิชาอาคมที่ร่ำเรียนมาช่วยสงเคราะห์ชาวบ้านรักษาอาการเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยดีตลอดมา

ทั้งนี้เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๘ พ่อท่านชื่นได้จัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาเป็นรุ่นแรกของท่าน ชาวบ้านได้บูชาเหรียญรูปเหมือนท่านไปห้อยคอ ต่างมีประสบการณ์มากมาย จนเป็นที่ร่ำลือกล่าวขานในด้านของความอยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม เป็นเลิศ ชื่อเสียงกิตติคุณของท่านเป็นที่รู้จักกันทั่วภาคใต้ แม้แต่ชาวมาเลเซียยังเดินทางมาบูชาวัตถุมงคลและขอพรจากท่านอย่างไม่ขาดสาย

อย่างไรก็ตามในการก่อสร้างศาลาการเปรียญและเมรุ ใช้เงินประมาณ ๓ ล้านบาท คณะกรรมการจึงจัดสร้างหลวงพ่อชื่น รุ่น หลังผาลไถ โดยมีชนวนจากผาลไถนาโบราณ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายลำพังหัวผาลโบราณก็ถือว่าหายากแล้ว กรรมวิธีลอมละลายผาลก็ยากไม่น้อยกว่ากัน เพราะหัวผาลส่วนใหญ่เป็นเหล็กคุณภาพสูงแข็งกว่าเหล็กทั่วไป

หลวงพ่อชื่น รุ่น หลังผาลไถ มีการจัดสร้างชุดกรรมการใหญ่ และชุดกรรมการเล็กสร้าง ๙ ชุด ประกอบด้วย พระ ๙ องค์ ได้แก่ พระบูชาหลวงพ่อชื่นหล่อเป็นรูปผาลไถเนื้อนวะหน้าตัก ๙ นิ้ว และ ๕ นิ้ว เนื้อทองคำ (ชุดใหญ่หนักกว่า ๒ บาท ชุดเล็ก ๖ สลึง) เนื้อเงิน เนี้อนวะ เนื้อทองแดง เนื้อฝาบาตร เนื้อเงินยวง และเนื้อผาลไถ


*************************

เรื่องโดย : คมชัดลึกออนไลน์
เรียบเรียงโดย : เต้ มงคลพระ



หลวงพี่น้ำฝน ทุ่มงบ 5 แสน เพื่อ รพ.นครปฐม


ที่ วิหารหลวงพ่อพูล ภายใน วัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้จัดให้มีพิธีมอบเครื่องนึ่งฆ่าเชื้อด้วยแรงดันไอน้ำ(AUTOCLAVE) ขนาดความจุไม่น้อยกว่า 84 ลิตร MODSEL 3140 M ยี่ห้อ TUTTNAUEL ให้กับโรงพยาบาลนครปฐม หลังจากได้รับการขอสนับสนุนเครื่องดังกล่าวฯ จากทางโรงพยาบาลนครปฐม ที่ขาดแคลนงบในการขยายการให้บริการประชาชนอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยมีนายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน ผอ.โรงพยาบาลนครปฐม,นพ.ธีรชัย ประติพัฒน์พงษ์ รองผอ.โรงพยาบาลนครปฐม แพทย์และเจ้าหน้าที่พยาบาล โรงพยาบาลนครปฐม เข้ารับมอบ

พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม กล่าวว่า ทางโรงพยาบาลนครปฐม ได้ขอให้ทางวัดช่วยสนับสนุนเครื่องนึ่งฆ่าเชื้อด้วยแรงดันไอน้ำ(AUTOCLAVE) ขนาดความจุไม่น้อยกว่า 84 ลิตร MODSEL 3140 M แทนเครื่องเก่าที่ชำรุด อีกทั้งทางโรงพยาบาลก็ยังขาดงบประมาณในส่วนนี้ ทางอาตมาจึงได้นำเงินที่ญาติโยมบริจาคและทำบุญมาซื้อเครื่องนึ่งฆ่าเชื้อให้กับโรงพยาบาลนครปฐม เพื่อเป็นประโยชน์สาธารณชนและประชาชนที่เจ็บป่วยและเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งเครื่องนึ่งดังกล่าวนี้ราคา 5 แสนบาท และต้องสั่งซื้อจากประเทศฮอลแลนด์ เพราะเป็นผลิตภัณฑ์จากทวีปยุโรป,อเมริกา และบริษัทฯจะต้องมีหนังสือรับรองการเป็นตัวแทนจำหน่ายจากโรงงานผลิตเท่านั้น

ด้าน นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน ผอ.โรงพยาบาลนครปฐม กล่าวว่า ขณะนี้ทางโรงพยาบาลนครปฐม ได้ทำการขยายการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องใช้งบประมาณเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการเปิดศูนย์โรคหัวใจเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยในจังหวัดนครปฐมและจังหวัดใกล้เคียงที่มีความเสี่ยงเสียชีวิตสูง ให้สามารถรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งต่อไปก็จะมีการขยายโครงการต่างๆ อีกหลายโครงการเพื่อรองรับและให้บริการประชาชนที่เข้ามาใช้บริการอย่างครบครัน ซึ่งเครื่องนึ่งฆ่าเชื้อด้วยแรงดันไอน้ำ(AUTOCLAVE) ขนาดความจุไม่น้อยกว่า 84 ลิตร MODSEL 3140 M ที่ได้รับในวันนี้ เป็นเครื่องนึ่งฆ่าเชื้อด้วยแรงดันไอน้ำ( Steam) ชนิดตั้งโต๊ะ ภายในเป็นรูปทรงกระบอก ใช้ไฟ230 โวลต์ 50 เฮิรตซ์ เครื่องสามารถปรับอุณหภูมิภายในห้องนึ่ง ตั้งแต่100 -134 องศา เซลเซียส ใช้ในการฆ่าเชื้อเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ในห้องไอซียู และห้องผ่าตัด มีตัวตั้งเวลา(Timer)ในการฆ่าเชื้อโรค และเวลาในการอบแห้งอันเดียวกัน สามารถตั้งเวลาได้ 0-60 นาที ซึ่งเครื่องนึ่งนี้ มีประโยชน์มากสำหรับทางโรงพยาบาล เพราะการฆ่าเชื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ในการแพทย์ เป็นสิ่งสำคัญมากอันดับ 1 ยิ่งในห้องผ่าตัดที่ต้องการความรวดเร็วกรณีคนไข้ฉุกเฉิน เครื่องนึ่งดังกล่าวนี้ก็จะสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สามารถช่วยให้การบริการของโรงพยาบาลเป็นไปอย่างรวดเร็วและส่งผลถึงความปลอดภัยของคนไข้ด้วย


*************************

เรื่องโดย : คมชัดลึกออนไลน์
เรียบเรียงโดย : เต้ มงคลพระ