วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2557

"พระถือบันได" หนึ่งเดียวที่ วัดศรีดอนมูล


วัดศรีดอนมูล ตั้งอยู่ ต.ชมภู อ.สารภี จ.เชียงใหม่ สร้างขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐาน เดิมชื่อ วัดพระเจ้าก้นกึ่ง เนื่องจากมีพระพุทธรูปจำนวนมาก และมีสภาพเป็นวัดร้าง จึงมีช้างเข้ามาอาศัยหากินอาหาร และใช้งางัดพระพุทธรูปจนหน้าคว่ำลง ทำให้ฐานพระพุทธรูปยกขึ้นจึงเรียกขานว่า "วัดพระเจ้าก้นกึ่ง" ตามภาษาพื้นเมือง แต่ได้สันนิษฐานว่าสร้างมานานแล้ว ในรัชสมัยพระเจ้าติโลกราช ต่อมาภายหลังพม่าเข้ามารุกรานอาณาจักรล้านนาไทย ประชาชนได้อพยพหนีภัยสงคราม วัดจึงถูกทิ้งร้างไว้ ปัจจุบันมี พระครูสิริศีลสังวร หรือ ครูบาน้อย เตชปญฺโญ เป็นเจ้าอาวาส

ครูบาน้อยได้สร้างศาสนสถานภายในวัดศรีดอนมูล ทั้งโบสถ์ วิหาร ศาลา กุฏิ และเจดีย์ ๙ คณาจารย์ เป็นสถาปัตยกรรมล้านนาจากฝีมือสล่าเชียงใหม่ นอกจากนี้ยังมีบ่อน้ำทิพย์ภายในวัดศรีดอนมูล เชื่อกันว่าช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ชะงัด ก่อนนำไปใช้ต้องทำจิตใจให้บริสุทธิ์ มีสมาธิ จึงจักบังเกิดผลต้องตามความประสงค์

ส่วนพระพุทธรูปศักดิ์ภายในวัดมีหลายองค์ แต่มีอยู่องค์ที่แปลกตา คือ พระปรไมยไอศวรปางซ่อนหา ซึ่งมีลักษณะ ถือบันไดไว้ด้านหน้า ประดิษฐานอยู่ในวิหารบริเวณทางเข้าวัด ครูบาน้อย อธิบายให้ฟังว่า พระปรไมยไอศวรปางซ่อนหา เดิมคือท่านเป็นผู้มีทิฐิมานะถือดี เอาตัวเองเป็นใหญ่ไม่ยอมฟังเหตุผลของใคร แม้แต่มาพบพระพุทธองค์ก็ยังไม่ยอมกราบไหว้ เพราะถือว่าตนเองเหนือกว่าพระพุทธองค์ ส่วนพระพุทธองค์ผู้มีบุญบารมีเหนือกว่าพระปรไมยไอศวรในทางธรรม คือ หนึ่งไม่มีสอง แต่พระปรไมยไอศวรก็ยังอยากจะลองดีด้านอิทธิฤทธิ์กับพระพุทธองค์

ดังในรูปจำลองออกมาตอนที่ท้าทายให้พระพุทธองค์ซ่อนตัว ฝ่ายพระปรไมยไอศวรจะเป็นฝ่ายตามหา ซึ่งได้สัญญากับพระพุทธองค์ว่า หากหาท่านไม่พบ พระปรไมยไอศวรจะยอมกราบไหว้พระพุทธองค์ อีกทั้งข้าวของเงินทองอันมากมายอันไม่อาจจะนับได้ก็พร้อมจะถวายแด่ท่านทั้งหมด พระพุทธองค์ได้ยินคำท้าทายจากพระปรไมยไอศวรเช่นนั้น พระพุทธองค์จึงตอบรับคำท้าทายนั้น โดยเนรมิตแปลงกายเป็นตัวไรดำเข้าไปซ่อนอยู่ในมวยผมของพระปรไมยไอศวร

พระปรไมยไอศวรตามหาพระพุทธองค์ไปทั่วสารทิศ ไม่ว่าจะเป็นบนบกหรือใต้น้ำ จนแทบพลิกแผ่นดินหาก็ไม่พบ เมื่อหมดปัญญาจึงอ้อนวอนขอให้พระพุทธองค์ออกมาให้เห็นหน้าแล้วจะยอมกราบไหว้ และทำตามสัญญาที่ให้ไว้ทุกประการ พระพุทธองค์จึงส่งเสียงอันดังกังวานไปทั่วพิภพว่า

“พระปรไมย ท่านเป็นเจ้าใหญ่แห่งเขาไกรลาศอันมีฤทธิ์ เมื่ออยากเห็นเราขอให้ท่านทำบันไดทองคำประกอบด้วยแก้วแล้วพาดจากหน้าผากของท่านจนถึงแผ่นดินเดี๋ยวนี้เถิด เราตถาคตไม่ได้อยู่ที่ไหน แต่อยู่ในขมวนเกล้า (มวยผม) ของท่านนี้แล้ว”

ฝ่ายพระปรไมยไอศวร ผู้ปราศจากซึ่งศีลธรรมได้ยินแล้วก็แปลกใจว่าจะเท็จจริงเพียงใด จึงเนรมิตบันไดทองคำตามรับสั่งแล้วเอาพาดจากหน้าผากของตนเองจรดถึงแผ่นดิน แล้วอัญเชิญพระพุทธองค์อันเป็นบรมครูแก่โลกทั้ง ๓ ออกมาให้ปรากฏ พระพุทธองค์จึงเดินออกมาจากมวยผมแล้วยืนเหยียบยันไดทองคำลงมาโดยปราศจากมลทินจนถึงแผ่นดิน พระอินทร์ พระพรหม พร้อมทั้งเทวดาทั้งหลายไม่อาจนิ่งดูดายได้ยกมือกราบไหว้สาธุการ ฝ่ายพระปรไมยไอศวรก็ก้มลงกราบไหว้พระพุทธองค์ ตั้งแต่นั้นมาพระปรไมยไอศวรจึงถือศีลปฏิบัติธรรม นำข้าวของเงินทองที่สัญญาไว้มาถวายพระพุทธองค์ จนเป็นที่เลื่องลือแก่หมู่ยักษ์มารทั้งหลายที่ได้เห็นพระปรไมยไอศวรกลับตัวกลับใจ ถึงบั้นปลายชีวิตก็ยังมีฤทธานุภาพ

"พระปรไมยไอศวรเป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์อันลือชาปรากฏไปทั่วไกรลาศ มีอำนาจวาสนา มีความสามารถขจัดภัยภยันตรายตลอดถึงภูตผีปีศาจ มารร้าย ด้วยอิทธิฤทธิ์ของท่านนานัปการ ผู้คนเชื่อว่าผู้ใดมีไว้บูชาในครอบครัวจะมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข ซื้อง่ายขายคล่อง มีโชคลาภ ปราศจากโรคภัยทั้งปวง ด้วยความตั้งจิตอธิษฐานถึงบุญบารมีของท่านก็จะช่วยคุ้มครองปกปักรักษาได้" ครูบาน้อยกล่าวทิ้งท้าย


*************************

เรื่องโดย : คมชัดลึกออนไลน์
เรียบเรียงโดย : เต้ มงคลพระ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น