ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดเหตุระเบิดแบบแรงระเบิดต่ำ ติดต่อกันอย่างน้อย 8 ครั้ง ที่วัดสองแห่งในพุทธคยา ซึ่งเป็นที่ตั้งกลุ่มพุทธสถานสำคัญใน อ.คยา รัฐพิหาร ทางตะวันออกของประเทศอินเดีย เมื่อเวลาประมาณ 05.00 น.เศษ ของวันอาทิตย์ที่ 7 ก.ค.ทำให้พระสงฆ์ 2 รูป ได้รับบาดเจ็บ เป็นพระชาวทิเบตวัย 50 ปี กับพระชาวพม่าวัย 30 ปี แต่ไม่มีความเสียหายใดๆ กับโครงสร้างพุทธสถาน รวมถึงต้นโพธิ์ศักดิ์สิทธิ์ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและพุทธศาสนิกชนจากทั่วโลกเดินทางไปสักการบูชา รวมทั้งคนไทยจำนวนหลายล้านคนในแต่ละปี นับเป็นครั้งแรกที่สถานที่แห่งนี้ตกเป็นเป้าโจมตี
พระศรีลังการูปหนึ่งที่รุดมายังจุดเกิดเหตุ กล่าวว่า คนร้ายวางระเบิดลูกหนึ่งไว้ที่ฐานพระพุทธรูป แต่ระเบิดไม่ทำงาน ทำให้พระพุทธรูปไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ซึ่งคิดว่าเป็นปาฏิหาริย์
พุทธคยา ห่างจากเมืองปัฏนา เมืองหลวงของรัฐพิหารไปทางใต้ประมาณ 110 กิโลเมตร และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโกเมื่อปี 2545
พระศรีลังการูปหนึ่งที่รุดมายังจุดเกิดเหตุ กล่าวว่า คนร้ายวางระเบิดลูกหนึ่งไว้ที่ฐานพระพุทธรูป แต่ระเบิดไม่ทำงาน ทำให้พระพุทธรูปไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ซึ่งคิดว่าเป็นปาฏิหาริย์
พุทธคยา ห่างจากเมืองปัฏนา เมืองหลวงของรัฐพิหารไปทางใต้ประมาณ 110 กิโลเมตร และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโกเมื่อปี 2545
รัฐบาลอินเดียสั่งเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยทันที และเรียกเหตุระเบิดครั้งนี้ว่าเป็น การก่อการร้าย นายกรัฐมนตรีมันโมฮัน ซิงห์ กล่าวประณามเหตุโจมตีครั้งนี้ว่า "องค์ประกอบทางวัฒนธรรมและประเพณีของเรา สอนให้เราเคารพทุกศาสนา อินเดียจะไม่อดกลั้นต่อการโจมตีต่อสถานที่ทางศาสนาเช่นนี้"
ขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างว่าเป็นผู้ลงมือ แต่มีรายงานว่า ตำรวจในนิวเดลีเคยเตือนเจ้าหน้าที่รัฐพิหารว่า สมาชิกกลุ่มมูจาฮีดีนอินเดีย กำลังวางแผนโจมตีพุทธคยา เพื่อตอบโต้ที่ชาวพุทธก่อเหตุรุนแรงกับชาวมุสลิมในพม่า และคาดว่าพุทธคยาอาจเป็นเป้าหมายหนึ่ง
มูจาฮีดีนอินเดีย เคยออกมายอมรับในเหตุระเบิดหลายครั้งก่อนหน้านี้ และมักถูกเพ่งเล็งในฐานะผู้ต้องสงสัยกลุ่มแรกๆ เวลาเกิดเหตุโจมตีในประเทศ
นายสุรัตน์ โหราชัยกุล อาจารย์ประจำภาควิชาสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์รายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ทางสถานีวิทยุ 97.0 เมกกะเฮิรทซ์ว่าเป็นเรื่องยากที่จะดูอะไรตอนนี้ แต่เท่าที่ทราบมีตำรวจของมลรัฐเคยแสดงวิสัยทัศน์เรื่องภัยคุกคามสถานที่เหล่านี้และพยายามชี้ไปที่ชาวมุสลิม ทั้งนี้เหตุการณ์อาจจะมีความสัมพันธ์กับเหตุการณ์ในพม่าก็ได้ เพราะพระสงฆ์ที่ถูกระเบิดเป็นพระจากเนปาลและพม่า แต่เราก็ไม่มั่นใจว่าเป็นการมุ่งที่บุคคลหรือไม่ เพราะระเบิดที่ใช้เป็นระเบิดแรงดันต่ำ
นายสุรัตน์กล่าวต่อว่า มีอีกปัจจัยที่หลายคนเล็งอยู่คือ ปัญหาในศรีลังกา คือรัฐบาลสิงหล ซึ่งเป็นของประชาชนส่วนใหญ่ และกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬที่เป็นฮินดูต้องการแยกดินแดน ล่าสุดรัฐบาลสิงหลปราบกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬจนไม่เหลือเลย แม้กระทั่งสหประชาชาติก็ออกรายงานว่านี่เป็นการกระทำต่อมนุษยชนาติ แต่อินเดียไม่ทำหรือมีท่าทีอะไร ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นฮินดูลาออกจากการร่วมรัฐบาล
อย่างไรก็ดี การโจมตีต่อเป้าหมายชาวพุทธหรือพุทธศาสนาไม่เคยเกิดขึ้นบ่อยนักในอินเดีย แต่ในช่วงที่ผ่านมาเกิดความตึงเครียดจากเหตุปะทะระหว่างชาวพุทธกับมุสลิมในพม่า ศรีลังกา และบังกลาเทศ
ทั้งนี้หลางจากเกิดเหตุการณ์ขึ้นได้มีชาวพุทธทั้งในในพม่า ศรีลังกา และบังกลาเทศได้ออกมาเดินไว้อาลัยตามท้องถนนพร้อมกับประณามคนร้ายที่ก่อเหตุ ขณะเดียวกันที่พุทธคยาเฟซบุ๊ก วัดไทยพุทธคยา ได้โพสต์ข้อความว่า "แม้เหตุการณ์จะทำให้หลายคนหวั่นวิตก ที่วัดไทยพุทธคยา คณะพระสงฆ์ อาสาสมัคร และคณะชาวไทยที่มาปฏิบัติธรรม ณ แดนพุทธภูมิ (คณะลูกศิษย์วัดหนองป่ากุง 12 รูป/คนและคณะพระอาจารย์เฑียรวิทย์ โอชาวัตน์ 6 รูป/คน) ได้ปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน ด้วยความสบง ปราศจากความหวั่นวิตก ขอขอบคุณทุกความห่วงใย ทุกศรัทธาที่มีต่อพุทธศาสนา ที่ส่งมายังแดนพุทธภูมิ ขอให้ทุกท่านโปรดคลายกังวล วัดไทยพุทธคยาได้รับการดูแลอย่างดี ทุกคนปลอดภัยไม่มีอะไรให้กังวล ด้วยความเมตตาจิตเอื้ออารีย์ของทุกท่าน ขอให้ธรรรมะรักษา เจริญงอกงามในพระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีความสุขความเจริญในชีวิตทุกท่านเทอญ...สาธุ"
ขณะเดียวกัน พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส หัวหน้าโครงการปริญญาโทหลักสูตรสันติศึกษา และผอ.สถาบันภาษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) ได้โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กส่วนตัว Hansa Dhammahaso ความว่า "ในมุมของสันติวิธี ทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับความขัดแยัง ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมนุษย์มีทางออกให้แก่ความขัดแย้งใน 2 วิธี คือ การพูดจากันเพื่อหาทางออกด้วยสันติวิธี และการใช้ความรุนแรงแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน
วิธีที่สองนี้คือกลุ่มคนที่มีความเชื่อว่า ความรุนแรงเท่านั้นคือเครื่องมือที่ดีที่สุดแล้ว และน่าจะก่อให้เกิดผลในเชิงบวกได้ดีกว่า แม้ว่ากลุ่มหลังจะได้รับการเรียกขานว่า เป็นการใช้สัญชาตญาณดิบแบบสัตว์ในการแก้ไขปัญหา แต่อย่าลืมว่ามนุษย์ตามความหมายของพระพุทธศาสนาก็เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งซึ่งมีโอกาสที่จะใช้ความรุนแรงเป็นเครื่องมือในการหาทางออกให้แก่ความขัดแย้งเช่นกัน ตราบเท่าที่ไม่สามารถควบคุมความโกรธ เกลียด เคียดแค้น และชิงชังได้
การที่หน่วยงานภาครัฐของประเทศอินเดียออกมายืนยันในเบื้องต้นว่า การวางระเบิดในสถานที่พุทธคยาซึ่งเป็นสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้านั้น เป็นการดำเนินการหรือกระทำการโดยกลุ่มผู้ก่อการร้าย ซึ่งยังไม่สามารถพิสูจน์ทราบได้ว่าฝ่ายใดลงมือกระทำการ หากสมมติฐานดังกล่าวเป็นจริง ย่อมอธิบายได้ว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นการประกาศสงครามในเชิงสัญลักษณ์ เพราะผู้ก่อการไม่ได้มุ่งหวังให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตคนจำนวนมาก แต่เป็นการส่งสัญญาณบางอย่างเพื่อเตือนพุทธศาสนิกชนทั่วโลก คำถามที่จะต้องช่วยกันตอบต่อจากนี้ไปคือ ผู้ก่อการกำลังส่งสัญญาณเพื่อเตือนเรื่องอะไร?!?
อะไรเป็นแรงจูงใจสำคัญที่ทำให้ผู้ก่อการตัดสินใจวางระเบิดเพื่อให้เกิดความสูญเสีย?!? เพราะการสูญเสียในลักษณะเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในเชิงกายภาพอย่างเดียว หากแต่มุ่งเน้นในเชิงจิตภาพ ซึ่งหมายถึงความรู้สึกของพุทธศาสนิกชนทั่วโลกที่ได้รับจากแรงระเบิดครั้งนี้ด้วย การตอบคำถามไม่ได้มีนัยที่มุ่งเพื่อการด่าทอ หรือโจมตีโดยการใช้ความรุนแรงเพื่อโต้ตอบ หากแต่ว่าพุทธศาสนิกชนทั่วโลกจะได้วางท่าทีที่ถูกต้องต่อสถานการณ์เหล่านี้อย่างมีขันติธรรม เพื่อที่จะสามารถอยู่ร่วมกับเพื่อนมนุษย์ที่มีความเชื่อ และการกระทำที่แตกต่างได้อย่างสันติสุขต่อไป"
ขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างว่าเป็นผู้ลงมือ แต่มีรายงานว่า ตำรวจในนิวเดลีเคยเตือนเจ้าหน้าที่รัฐพิหารว่า สมาชิกกลุ่มมูจาฮีดีนอินเดีย กำลังวางแผนโจมตีพุทธคยา เพื่อตอบโต้ที่ชาวพุทธก่อเหตุรุนแรงกับชาวมุสลิมในพม่า และคาดว่าพุทธคยาอาจเป็นเป้าหมายหนึ่ง
มูจาฮีดีนอินเดีย เคยออกมายอมรับในเหตุระเบิดหลายครั้งก่อนหน้านี้ และมักถูกเพ่งเล็งในฐานะผู้ต้องสงสัยกลุ่มแรกๆ เวลาเกิดเหตุโจมตีในประเทศ
นายสุรัตน์ โหราชัยกุล อาจารย์ประจำภาควิชาสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์รายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ทางสถานีวิทยุ 97.0 เมกกะเฮิรทซ์ว่าเป็นเรื่องยากที่จะดูอะไรตอนนี้ แต่เท่าที่ทราบมีตำรวจของมลรัฐเคยแสดงวิสัยทัศน์เรื่องภัยคุกคามสถานที่เหล่านี้และพยายามชี้ไปที่ชาวมุสลิม ทั้งนี้เหตุการณ์อาจจะมีความสัมพันธ์กับเหตุการณ์ในพม่าก็ได้ เพราะพระสงฆ์ที่ถูกระเบิดเป็นพระจากเนปาลและพม่า แต่เราก็ไม่มั่นใจว่าเป็นการมุ่งที่บุคคลหรือไม่ เพราะระเบิดที่ใช้เป็นระเบิดแรงดันต่ำ
นายสุรัตน์กล่าวต่อว่า มีอีกปัจจัยที่หลายคนเล็งอยู่คือ ปัญหาในศรีลังกา คือรัฐบาลสิงหล ซึ่งเป็นของประชาชนส่วนใหญ่ และกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬที่เป็นฮินดูต้องการแยกดินแดน ล่าสุดรัฐบาลสิงหลปราบกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬจนไม่เหลือเลย แม้กระทั่งสหประชาชาติก็ออกรายงานว่านี่เป็นการกระทำต่อมนุษยชนาติ แต่อินเดียไม่ทำหรือมีท่าทีอะไร ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นฮินดูลาออกจากการร่วมรัฐบาล
อย่างไรก็ดี การโจมตีต่อเป้าหมายชาวพุทธหรือพุทธศาสนาไม่เคยเกิดขึ้นบ่อยนักในอินเดีย แต่ในช่วงที่ผ่านมาเกิดความตึงเครียดจากเหตุปะทะระหว่างชาวพุทธกับมุสลิมในพม่า ศรีลังกา และบังกลาเทศ
ทั้งนี้หลางจากเกิดเหตุการณ์ขึ้นได้มีชาวพุทธทั้งในในพม่า ศรีลังกา และบังกลาเทศได้ออกมาเดินไว้อาลัยตามท้องถนนพร้อมกับประณามคนร้ายที่ก่อเหตุ ขณะเดียวกันที่พุทธคยาเฟซบุ๊ก วัดไทยพุทธคยา ได้โพสต์ข้อความว่า "แม้เหตุการณ์จะทำให้หลายคนหวั่นวิตก ที่วัดไทยพุทธคยา คณะพระสงฆ์ อาสาสมัคร และคณะชาวไทยที่มาปฏิบัติธรรม ณ แดนพุทธภูมิ (คณะลูกศิษย์วัดหนองป่ากุง 12 รูป/คนและคณะพระอาจารย์เฑียรวิทย์ โอชาวัตน์ 6 รูป/คน) ได้ปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน ด้วยความสบง ปราศจากความหวั่นวิตก ขอขอบคุณทุกความห่วงใย ทุกศรัทธาที่มีต่อพุทธศาสนา ที่ส่งมายังแดนพุทธภูมิ ขอให้ทุกท่านโปรดคลายกังวล วัดไทยพุทธคยาได้รับการดูแลอย่างดี ทุกคนปลอดภัยไม่มีอะไรให้กังวล ด้วยความเมตตาจิตเอื้ออารีย์ของทุกท่าน ขอให้ธรรรมะรักษา เจริญงอกงามในพระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีความสุขความเจริญในชีวิตทุกท่านเทอญ...สาธุ"
ขณะเดียวกัน พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส หัวหน้าโครงการปริญญาโทหลักสูตรสันติศึกษา และผอ.สถาบันภาษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) ได้โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กส่วนตัว Hansa Dhammahaso ความว่า "ในมุมของสันติวิธี ทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับความขัดแยัง ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมนุษย์มีทางออกให้แก่ความขัดแย้งใน 2 วิธี คือ การพูดจากันเพื่อหาทางออกด้วยสันติวิธี และการใช้ความรุนแรงแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน
วิธีที่สองนี้คือกลุ่มคนที่มีความเชื่อว่า ความรุนแรงเท่านั้นคือเครื่องมือที่ดีที่สุดแล้ว และน่าจะก่อให้เกิดผลในเชิงบวกได้ดีกว่า แม้ว่ากลุ่มหลังจะได้รับการเรียกขานว่า เป็นการใช้สัญชาตญาณดิบแบบสัตว์ในการแก้ไขปัญหา แต่อย่าลืมว่ามนุษย์ตามความหมายของพระพุทธศาสนาก็เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งซึ่งมีโอกาสที่จะใช้ความรุนแรงเป็นเครื่องมือในการหาทางออกให้แก่ความขัดแย้งเช่นกัน ตราบเท่าที่ไม่สามารถควบคุมความโกรธ เกลียด เคียดแค้น และชิงชังได้
การที่หน่วยงานภาครัฐของประเทศอินเดียออกมายืนยันในเบื้องต้นว่า การวางระเบิดในสถานที่พุทธคยาซึ่งเป็นสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้านั้น เป็นการดำเนินการหรือกระทำการโดยกลุ่มผู้ก่อการร้าย ซึ่งยังไม่สามารถพิสูจน์ทราบได้ว่าฝ่ายใดลงมือกระทำการ หากสมมติฐานดังกล่าวเป็นจริง ย่อมอธิบายได้ว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นการประกาศสงครามในเชิงสัญลักษณ์ เพราะผู้ก่อการไม่ได้มุ่งหวังให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตคนจำนวนมาก แต่เป็นการส่งสัญญาณบางอย่างเพื่อเตือนพุทธศาสนิกชนทั่วโลก คำถามที่จะต้องช่วยกันตอบต่อจากนี้ไปคือ ผู้ก่อการกำลังส่งสัญญาณเพื่อเตือนเรื่องอะไร?!?
อะไรเป็นแรงจูงใจสำคัญที่ทำให้ผู้ก่อการตัดสินใจวางระเบิดเพื่อให้เกิดความสูญเสีย?!? เพราะการสูญเสียในลักษณะเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในเชิงกายภาพอย่างเดียว หากแต่มุ่งเน้นในเชิงจิตภาพ ซึ่งหมายถึงความรู้สึกของพุทธศาสนิกชนทั่วโลกที่ได้รับจากแรงระเบิดครั้งนี้ด้วย การตอบคำถามไม่ได้มีนัยที่มุ่งเพื่อการด่าทอ หรือโจมตีโดยการใช้ความรุนแรงเพื่อโต้ตอบ หากแต่ว่าพุทธศาสนิกชนทั่วโลกจะได้วางท่าทีที่ถูกต้องต่อสถานการณ์เหล่านี้อย่างมีขันติธรรม เพื่อที่จะสามารถอยู่ร่วมกับเพื่อนมนุษย์ที่มีความเชื่อ และการกระทำที่แตกต่างได้อย่างสันติสุขต่อไป"
*************************
เรื่องโดย : คมชัดลึกออนไลน์
เรียบเรียงโดย : เต้ มงคลพระ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น