หากแต่เรียกตน ว่า "อริยชน" แล้วไซร้ ยังตะแบงทำต่อไป ไม่นานจะไร้ซึ่งราคา
คำนำของผู้เขียนในวันนี้ คงไม่หนักหรือเบาไป หากจะกล่าวถึงความในใจ ที่มีต่อพระสงฆ์ (บางรูป) ของไทยในปัจจุบัน บางรูป อายุยังไม่ถึง 35 แต่คอยสร้างเรื่องแหกตา หลอกโยมไปวันๆ อ้างเป็น หลวงปู่กลับชาติมาเกิด แถมยังจุติกำเนิด ด้วยจิตอันประเสริฐบนดินแดนสวรรค์ สร้างกระแสให้กระพือด้วยสื่อ ทั้งทีวีและหนังสือ เพื่อให้คนได้ร่ำลือ ว่าตนนี่คือ เทวดาเดินดิน
อีกรายก็ใช่ย่อย สร้างเรื่องลวงไม่น้อย แต่ไม่ค่อยดัง พักหลังหมดมุก จึงต้องคอยเป็น "ปลิง" เกาะกระแสชาวบ้านเขาดัง หากเป็น "ดารา" คงกล่าวได้ว่าเป็นเรื่อง "ปกติ" แต่หากเป็น "สงฆ์" ผู้เจริญศีลและสมาธิ พฤติการณ์เช่นนี้จะเรียกปกติได้อย่างไร
หากกล่าวถึงอดีตของ "พระผู้ผิดปกติ" ท่านนี้ วิเคราะห์ให้ดี จะรู้ว่าความเพี้ยนนั้นมีอยู่ไม่น้อย พยายามเรียกตัวเองว่า "หลวงปู่" ตั้งแต่ยังหนุ่ม (ทำไมถึงชอบใช้มุกนี้กันจังน้าาาา) พยายามร้องเรียกความศรัทธา โดยอ้างตนว่า ชาติที่แล้วเป็น "อาจารย์ปู่" ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
ครั้งหนึ่งเคยออกทีวี แล้วเพ้อเจ้อออกมาว่า "ฉันไม่คิดว่าฉันเป็นอะไรที่ไหน รู้แต่ว่าลูกศิษย์ของหลวงปู่แหวนตามฉันมา เพราะหลวงปู่เรียกฉันว่าอาจารย์ปู่" เอากับเค้าสิ!! หากท่านทนอ่านมาถึงบรรทัดนี้ได้ ผมเชื่อว่าผู้อ่านหลายท่าน คงสรุปได้แล้วว่า ชายห่มเหลืองผู้นี้น่าจะบ้า..... ถูกต้องคร้าบบบบ!!
คนดีๆที่ไหนจะพยายามเอามือไปกวนน้ำมันเดือดๆ เพื่อโชว์อภินิหารบ้าง , เอาเลือดตัวเองทาพระเครื่องแล้วอ้างว่าศักดิ์สิทธิ์บ้าง หรือว่างๆ ไม่มีอะไรทำ เห็นว่ากระแสตัวเองกำลังตก ก็สร้างข่าวประกาศขายวัดซะงั้น นักข่าวก็ตื่นทองแห่เข้ามาจองเวลาสัมภาษณ์ ทำเอาชายห่มเหลืองสติวิปลาส กลับคืนสู่กระแสสาร โด่งดังอลังการโจษขานกันทั่วเมือง
ล่าสุดคงอยากเฟี๊ยว เผยไอเดียสุดเฉี่ยวในการสร้างชื่อ "ท้าดวลไมค์กับพระสร้างกระแสด้วยกัน" รอบนี้แจ๋ว งานเดียว ดังคู่!! สงสารก็แต่คนดู ที่ต้องทนอยู่ในสงครามขี้ฟัน!!
***********************
เรื่องโดย : โองเพี้ยง เชี่ยงชุน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น