วันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2555

สิ้น"พระเทพวิสุทธิโมลี" ศิษย์สาย"หลวงพ่อโบ้ย"



พระเทพวิสุทธิโมลี (อุทัย อุทโย) เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่อีกรูปหนึ่ง ที่ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากพุทธศาสนิกชน ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระพิเรนทร์ แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ และรองเจ้าคณะภาค 3


มีนามเดิมว่า อุทัย สุดธรรมมา เกิดเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2486 ณ บ้านเลขที่ 23 หมู่ที่ 9 ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี โยมบิดา-มารดาชื่อ นายพิศ และ นางทอง สุดธรรมมา ครอบครัวประกอบอาชีพเกษตรกรรม

ในช่วงวัยเยาว์จบการศึกษาชั้นประถมปีที่ 4 โรงเรียนประชาบาล วัดมะนาว จ.สุพรรณบุรี 

เมื่ออายุ 13 ปี ได้บรรพชา เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2499 ณ วัดมะนาว ต.ทับตีเหล็ก อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี โดยมีพระครูเกศีคุณาธร วัดมะนาว เป็นพระอุปัชฌาย์ 

มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ จากสำนักเรียนวัดบางขุนเทียน และสอบได้เปรียญธรรม 5 ประโยค จากสำนักเรียนเดียวกัน

ครั้นอายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ จึงเข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2507 ณ พัทธสีมาวัดมะนาว ต.ทับตีเหล็ก อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี มีพระครูเกศีคุณาธร วัดมะนาว เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูสังฆรักษ์สัมฤทธิ์ วัดอู่ทอง ต.โครกคราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระครูวาทีธรรมคุณ วัดลาดคา ต.โครกคราม เป็นพระอนุสาวนาจารย์

หลังอุปสมบท ท่านได้ตั้งใจศึกษาอย่างมุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม ได้ขอย้ายมาอยู่ที่วัดพระพิเรนทร์ พ.ศ.2518 สามารถสอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค จากสำนักเรียนวัดพระพิเรนทร์

พ.ศ.2521 ได้รับเมตตาจาก พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม มอบทุนการศึกษาจากสภาการศึกษามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท ในสาขารัฐประศาสน ศาสตร์ มหาวิทยาลัยปัญจาบ ประเทศอินเดีย

ครั้นเดินทางกลับมาถึงประเทศไทย ได้กลับมาสนองงานคณะสงฆ์ ท่านได้สร้างผลงานเป็นคุณูปการมากมายหลากหลายด้าน ทั้งด้านงานปกครองคณะสงฆ์ การศึกษาพระปริยัติธรรม การสาธารณ ประโยชน์ ด้านการพัฒนา และอื่นๆ อีกมากมาย

ผลงานด้านการศึกษาสงฆ์ เป็นกรรมการตรวจบาลีสนามหลวง เป็นผู้ให้การอุปถัมภ์โรงเรียนวัดพระพิเรนทร์ ได้ตั้งทุนการศึกษาระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาและอุดมศึกษา มอบทุนในระดับประถมศึกษา โรงเรียนวัดพระพิเรนทร์และอีกหลายโรงเรียน 

ด้านสาธารณูปการ ได้บำเพ็ญสาธารณประโยชน์สงเคราะห์เผาศพพระภิกษุสามเณรที่ไม่มีญาติจากโรงพยาบาลสงฆ์ และศพไม่มีญาติจากโรงพยาบาลอื่นๆ ตลอดจนศพไร้ญาติทั่วไป รวมทั้งจัดทอดกฐินสามัคคีตามวัดในชนบททุกปี

ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2532 เป็นเจ้าอาวาสวัดพระพิเรนทร์ พ.ศ.2534 เป็นเจ้าคณะแขวงป้อมปราบฯ เขต 2 พ.ศ.2535 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2540 เป็นเจ้าคณะเขตป้อมปราบฯ-ปทุมวัน

พ.ศ.2550 เป็นรองเจ้าคณะภาค 3

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2541 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ที่พระปิฎกโกศล

พ.ศ.2547 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่พระราชปริยัติเวที

ล่าสุด พ.ศ.2553 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ที่พระเทพวิสุทธิโมลี

พระเทพวิสุทธิโมลี ยังเป็นพระเกจิอาจารย์ แม้จะมิได้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ แต่ท่านมีความเชี่ยวชาญวิทยาคมเป็นที่เลื่องลือ ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเกจิเรืองวิทยาคมจากบรรดาคณะศิษยานุศิษย์

เนื่องด้วยท่านเคยบวชเรียนที่วัดมะนาว จ.สุพรรณบุรี ของหลวงพ่อโบ้ย พระเกจิดังแห่งเมืองสุพรรณบุรี ทำให้ท่านได้สืบสานวิชาเล่าเรียน พระครูเกศีคุณาธร(หลวงพ่อโบ้ย) ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ 

เกียรติคุณด้านมงคลปูชนียวัตถุที่สร้างชื่อให้กับพระเทพ วิสุทธิโมลีคือ วัตถุมงคล รุ่นพระเทพนฤมิต เป็นวัตถุมงคลที่มีการจัดสร้างเพียงรุ่นเดียวของวัดพระพิเรนทร์ เพื่อนำปัจจัยจากการเช่าบูชา สมทบทุนก่อสร้างอาคารกุฏิสงฆ์และอาคารโรงเรียนพระปริยัติธรรม

เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา พระเทพวิสุทธิโมลี มรณภาพอย่างสงบที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ด้วยอาการไตวาย ปอดติดเชื้อ สิริอายุ 68 ปี 48 พรรษา หลังจากเข้ารักษาอาการอาพาธ ตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.เป็นต้นมา 

ทั้งนี้ หลังจากที่พระเทพวิสุทธิโมลี เดินทางกลับมาจากการจัดสอบธรรมสนามหลวงที่ประเทศนิวซีแลนด์ เกิดอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร จึงเข้ารับการรักษาอาการอาพาธที่ ร.พ.บำรุงราษฎร์ ต้องรักษาอาการอาพาธในห้องไอซียูมาโดยตลอด จนกระทั่งมรณภาพในที่สุด ทั้งนี้วัดพระพิเรนทร์ได้จัดพิธีพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ จากนั้นได้เก็บศพไว้เป็นเวลา 100 วัน ก่อนจะขอพระราชทานเพลิงศพต่อไป



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น