วันจันทร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2556

หลวงพ่อพูล อตฺตรกฺโข เทพเจ้าแห่งวัดไผ่ล้อม

หลวงพ่อพูล อตฺตรกฺโข ชื่อนี้ประจักษ์ในฐานะพระเกจิอาจารย์อันดับแนวหน้าของประเทศไทย และนับเป็นสุดยอดพระผู้ยิ่งใหญ่ด้วยเมตตาบารมี เป็นเนื้อนาบุญอันไพศาล ที่ผ่านมาชีวิตของท่านอุทิศแล้วในพระพุทธศาสนา ด้วยแรงกายแรงใจช่วยเหลือผู้ยากไร้มิเคยขาด ที่สำคัญท่านมีความเมตตาธรรมโดยถ้วนหน้าแก่ทุกชีวิตที่เข้ามาพึ่งใบบุญ โดยไม่เลือกชั้นวรรณะ สายตาของท่านมองทุกคนด้วยความเท่าเทียม

พระมงคลสิทธิการ หรือ หลวงพ่อพูล อตฺตรกฺโข สุดยอดพระอมตะเถราจารย์ เทพเจ้าแห่งวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม ท่านเป็นพระที่มีเคร่งครัดพระธรรมวินัยด้วยความสมถะ ท่านจะนิ่ง พูดน้อย จนได้รับสมญา “ของจริงต้องนิ่งใบ้” 

ท่านเกิดในสกุล “ปิ่นทอง” เมื่อวันจันทร์ที่ 11 พ.ย. 2455 ปีชวด (ร.ศ.131) เป็นบุตรคนที่ 6 ในจำนวนพี่น้อง 10 คน บิดาชื่อ นายจู ปิ่นทอง มารดาชื่อ นางสำเนียง ปิ่นทอง ณ บ้านเลขที่ 75 หมู่ 3 ต.ดอนยายหอม นครปฐม


ท่านจบการศึกษาประถม 4 ที่โรงเรียนวัดห้วยจระเข้ จ.นครปฐม ปี พ.ศ. 2471 จากนั้นจึงได้ฝึกอ่านเขียนอักษรขอมและแพทย์แผนโบราณจาก “ปู่แย้ม ปิ่นทอง” ผู้มีศักดิ์เป็นโยมปู่แท้ๆ และได้รับการถ่ายทอดวิชา คาถาอาคม จากสุดยอดพระเกจิอาจารย์ ต่างๆ ในยุคนั้น เช่น

- หลวงปู่จ้อย วัดบางช้างเหนือ 
- หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง 
- หลวงปู่กลั่น วัดพระประโทนเจดีย์ 
- หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม

ในวัยหนุ่ม หลวงพ่อพูล ท่านชอบวิชาการต่อสู้ของลูกผู้ชาย จึงฝึกและศึกษาวิชามวยไทย ที่สำคัญท่านเคยเป็นนักมวยฝีมือดีคนหนึ่ง จนมีอายุครบวัยเกณฑ์ทหาร ท่านได้ทำหน้าที่พลเมืองดีของชาติ รับราชการทหาร สังกัดทหารม้า เป็นทหารรักษาพระองค์ กองบัญชาการเดิมอยู่ที่สะพานมัฆวาน กรุงเทพฯ ซึ่งตรงกับช่วงรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) โดย หลวงพ่อพูล ได้รับยศเป็นนายสิบตรี มีเงินเดือนขณะนั้นเดือนละ 2 บาท

เรื่องการเป็นทหารรับใช้ชาตินี้นับเป็นความภาคภูมิใจของท่านเป็นอย่างมาก หลังจากปลดจากประจำการแล้ว ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2480 ตรงกับวันอาทิตย์ขึ้น 12 ค่ำ ปีฉลู ณ พัทธสีมาวัดพระงาม อ.เมือง จ.นครปฐม โดยมี พระครูอุตตการบดี (หลวงปู่สุข ปทฺวณฺโณ) เจ้าคณะ อ.เมือง เจ้าอาวาสวัดห้วยจระเข้ เป็นพระอุปัชฌาย์ 

หลังบวชแล้ว ได้พำนักอยู่ที่วัดพระงาม ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย สอบไล่ได้นักธรรมชั้นตรี เมื่อ พ.ศ.2482 ในระหว่างนี้เอง หลวงพ่อพูลท่านได้ให้ความสนใจศึกษาด้านการเจริญสมาธิจิต ฝึกฝนวิปัสสนากรรมฐาน และได้มีโอกาสฝากตัวเป็นศิษย์ของพระเกจิอาจารย์ ผู้มากด้วยเมตตาบารมีนามว่า หลวงพ่อพร้อม วัดพระงาม 

ในกระบวนพระเกจิอาจารย์ ที่เป็นบูรพาจารย์ของหลวงพ่อพูล ท่านให้เคารพนับถือ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม เป็นอย่างมาก ท่านได้รับคำแนะนำสั่งสอนเรื่องการเจริญสมาธิภาวนา การเขียนอักขระเลขยันต์ ปลุกเสกวัตถุมงคล วิชาอาคมต่างๆ หลวงพ่อเงินเมตตาถ่ายทอดอย่างไม่ปิดบัง ซึ่งเมื่อสำเร็จวิชา ท่านจึงออกธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพร เพื่อฝึกฝนสมาธิจิต 

ต่อมาในปี พ.ศ. 2490 วัดไผ่ล้อมขาดเจ้าอาวาสปกครองวัด เนื่องจากว่าเจ้าอาวาสแต่ละรูป อยู่ปกครองวัดได้ไม่นานก็ต้องลาสิกขาไป หลวงพ่อพูล จึงย้ายมาจำพรรษาประจำอยู่ที่วัดไผ่ล้อม พร้อมกับได้ทำการก่อสร้าง และพัฒนาวัดเรื่อยมา

วันที่ 28 ธันวาคม 2547 หลวงพ่อพูล มีอาการป่วย คณะศิษย์ใกล้ชิดได้นำท่านเข้าทำการรักษา ณ โรงพยาบาลนครปฐม ต่อมาเมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2548 จึงได้ย้ายหลวงพ่อพูลไปรักษาตัว ที่โรงพยาบาลสมิติเวส กรุงเทพ กว่า 4 เดือนที่หลวงพ่อพูลได้รักษาตัว และ ปาฏิหาริย์ก็มีจริง เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม อาการหลวงพ่อดีขึ้น จนแพทย์แปลกใจ จึงอนุญาตให้กลับวัดได้ ต่อมาวันที่ 17 พฤษภาคม หลวงได้เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษก พระขุนแผน-กุมารทอง ซึ่งถือว่าเป็นวัตถุมงคลรุ่นสุดท้ายที่ท่านได้อธิษฐานจิตปลุกเสก



เช้าวันอาทิตย์ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 สดใสไร้เมฆฝน กระทั่งเวลา 14.55 น. เสียงเครื่องวัดชีพจรสงบลง หลวงพ่อพูลได้ละสังขารไปอย่างสงบ ทิ้งเพียงเสียงธรรมสั่งสอน และคุณงามความดี ที่สั่งสมมาตลอดมา

************************

เรียบเรียงโดย : ทีมข่าวมงคลพระ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น