"เราเรียนภาษาอังกฤษกันมาก็มาก แต่ทำไมถึงยังไปไม่ถึงไหน อาตมาไม่อยากพูดว่า กระบวนการเรียนการสอนของเราไม่เข้าเป้าหมาย หรือไม่มีประสิทธิภาพ แต่วันนี้คงต้องยอมรับในฐานะคนมองเห็นภาพปัญหาที่เกิดขึ้นว่า ภาษาอังกฤษเด็กไทยไม่ค่อยแข็งแรง เพราะเรียนอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยม โอกาสการเรียนนอกห้องเรียนเหมือนประเทศเพื่อนบ้าน เราไม่มี" พระธรรมภาวนาวิกรม หรือ เจ้าคุณธงชัย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม พระนักคิด นักปฏิบัติ ผู้อยู่เบื้องหลังโครงการ "เพชรยอดมงกุฎ" กล่าว
เจ้าคุณธงชัย มองว่า ครูควรจัดสภาพแวดล้อมเพื่อส่งเสริมให้เด็กได้คิด และปฏิบัติให้มากขึ้น โดยเฉพาะในรายวิชาภาษาอังกฤษที่เด็กจำเป็นต้องมีการฝึกใช้อยู่บ่อยๆ ทั้งในห้องและนอกห้องเรียน ทั้งนี้ เพื่อให้เด็กได้คุ้นชินกับภาษา และไม่กลัวการใช้ภาษาอังกฤษเมื่ออยู่ในสถานการณ์คับขัน เด็กไทยเวลานี้ออกจากห้องเรียนก็ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษ กลับบ้านก็ไม่ได้ใช้ นี่คือปัจจัยสำคัญว่า ทำไมประเทศไทยยังไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเท่าที่ควร ซึ่งจะโทษโรงเรียน โทษกระทรวงศึกษาธิการอย่างเดียวไม่ได้ เพราะมีหลายๆ อย่างที่ไม่เอื้อให้เด็กไทยมีการฟัง พูด อ่าน เขียนภาษาอังกฤษ ดังนั้น กุญแจที่จะไขประตูแห่งความเป็นผู้นำของเด็กในโลกอนาคต สิ่งสำคัญคือ ภาษาอังกฤษ และไอที รวมไปถึงทักษะการคิด หากไม่ให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าวนี้ เด็กไทยอาจด้อยนานาประเทศ และยิ่งประตูอาเซียนใกล้จะเปิดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ด้วยแล้ว ยิ่งเป็นเรื่องที่รอช้าไม่ได้
"อาตมาก็ไม่ใช่รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ไม่ใช่เลขาธิการสภาการศึกษา แต่ในฐานะที่เป็นประธานมูลนิธิร่มฉัตร ก็มีหน้าที่สนับสนุนการพัฒนาการเรียนการศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานทุกวิชา โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ เราให้ถือว่าเป็นภาษาสำคัญของโลก เพราะการพัฒนาคนไปสู่เวทีโลกต้องพัฒนาภาษาอังกฤษ ตลอดจนพัฒนาคนให้พร้อมสู่อาเซียนก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษ" เจ้าคุณธงชัย กล่าว
เจ้าคุณธงชัย อธิบายว่า ถึงวันนี้ต้องย้อนกลับมาดูว่า การพัฒนาการเรียนการศึกษาขั้นพื้นฐาน ภาษาอังกฤษของเด็กอยู่ในอันดับที่เท่าไรของโลก ซึ่งถ้าจำไม่พลาด เมื่อ 7 ปีที่แล้วแพ้ประเทศลาว ทำให้โครงการเพชรยอดมงกุฎภาษาอังกฤษต้องเกิดขึ้นมาเพื่อทำอย่างไรให้เด็กมีศักยภาพทางด้านภาษาอังกฤษ และให้ครู พ่อแม่เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ เพราะถ้าอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร เด็กอาจด้อย และไม่ทันเขา อย่างลาววันนี้ที่มาเป็นแม่บ้านอยู่ในเมืองไทย บางคนจบ ป.6 แต่กลับขอเจ้านายอ่านหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ เพราะประเทศเขามีการพูดการใช้ภาษาอังกฤษในครอบครัว และในชีวิตประจำวัน ต้องกลับมาทบทวน และร่วมด้วยช่วยกันพัฒนาภาษาอังกฤษของเด็กไทยให้ดีขึ้น
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม ยังเผยต่ออีกว่า ปัจจุบันมีทุนเรียนต่อทั้งในและต่างประเทศแก่เด็กด้อยโอกาสจำนวนมาก โดยเฉพาะทุนเรียนต่อต่างประเทศ แต่ไม่ได้มีการเตรียมตัวเด็กให้พร้อมกับทุนนั้นๆ ยกตัวอย่างทุนเรียนภาษาอังกฤษ ภาษาจีน เมื่อส่งเด็กไปแล้วกลับพบว่า เด็กไปไม่ไหว เพราะประเทศอื่นๆ แข่งขันกันสูงมาก พอไปเรียนกับจีน เขาเรียนกันอย่างเต็มที่ เด็กไทยก็เรียนเหมือนเดิม ดังนั้นต้องกลับมาทบทวนกันใหม่ว่า โครงการดี ให้โอกาสเด็ก แต่เด็กพร้อม และมีศักยภาพเพียงพอสำหรับโอกาสนั้นๆ หรือไม่
"ทุกคนบอกว่า เรื่องการศึกษาเป็นหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการ อันที่จริงแล้วไม่ใช่ ภาพของคำว่า การศึกษา อาตมามองว่า น่าจะเชื่อมโยงบูรณาการทุกกระทรวงเข้ามาด้วย เช่น อยากให้เด็กสนใจ และเรียนวิทยาศาสตร์ ก็ต้องดึงกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เข้ามาช่วยกัน หรืออยากให้เด็กมีความรู้เรื่องเศรษฐศาสตร์ ก็ต้องดึงกระทรวงพาณิชย์ อุตสาหกรรม เข้ามา คำว่า ภาระงานการศึกษาของประเทศ แค่กระทรวงศึกษาธิการไม่พอ หลายๆ กระทรวงควรเข้ามาช่วยกัน หรือบางทีคนที่เข้ามาคุมกระทรวงศึกษาธิการอาจจะต้องมีตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีกำกับด้วย เพื่อจะได้ไปพูดคุย เชื่อมโยงกับกระทรวงอื่นๆ เชื่อมโยงไปถึงว่า เด็กเราจะไปในระดับประเทศ หรือระดับโลกได้หรือไม่" เจ้าคุณธงชัย กล่าว
ปัจจุบันมีสื่อและโปรแกรมต่างๆ เพื่อเข้ามาช่วยครู และนักเรียน เช่น โปรแกรมอิงลิช ดิสคัฟเวอรี่ หรือสื่อการสอนในรายวิชาต่างๆ อยากให้เน้นผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ของเด็กมากกว่า เพราะการศึกษาก็จำเป็นต้องพึ่งสื่อการเรียนการสอน ซึ่งต้องไปดูว่านักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาดีๆ เกิดจากโรงเรียนมีสื่อดีๆ หรือไม่
เจ้าคุณธงชัย มองว่า ครูควรจัดสภาพแวดล้อมเพื่อส่งเสริมให้เด็กได้คิด และปฏิบัติให้มากขึ้น โดยเฉพาะในรายวิชาภาษาอังกฤษที่เด็กจำเป็นต้องมีการฝึกใช้อยู่บ่อยๆ ทั้งในห้องและนอกห้องเรียน ทั้งนี้ เพื่อให้เด็กได้คุ้นชินกับภาษา และไม่กลัวการใช้ภาษาอังกฤษเมื่ออยู่ในสถานการณ์คับขัน เด็กไทยเวลานี้ออกจากห้องเรียนก็ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษ กลับบ้านก็ไม่ได้ใช้ นี่คือปัจจัยสำคัญว่า ทำไมประเทศไทยยังไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเท่าที่ควร ซึ่งจะโทษโรงเรียน โทษกระทรวงศึกษาธิการอย่างเดียวไม่ได้ เพราะมีหลายๆ อย่างที่ไม่เอื้อให้เด็กไทยมีการฟัง พูด อ่าน เขียนภาษาอังกฤษ ดังนั้น กุญแจที่จะไขประตูแห่งความเป็นผู้นำของเด็กในโลกอนาคต สิ่งสำคัญคือ ภาษาอังกฤษ และไอที รวมไปถึงทักษะการคิด หากไม่ให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าวนี้ เด็กไทยอาจด้อยนานาประเทศ และยิ่งประตูอาเซียนใกล้จะเปิดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ด้วยแล้ว ยิ่งเป็นเรื่องที่รอช้าไม่ได้
"อาตมาก็ไม่ใช่รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ไม่ใช่เลขาธิการสภาการศึกษา แต่ในฐานะที่เป็นประธานมูลนิธิร่มฉัตร ก็มีหน้าที่สนับสนุนการพัฒนาการเรียนการศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานทุกวิชา โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ เราให้ถือว่าเป็นภาษาสำคัญของโลก เพราะการพัฒนาคนไปสู่เวทีโลกต้องพัฒนาภาษาอังกฤษ ตลอดจนพัฒนาคนให้พร้อมสู่อาเซียนก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษ" เจ้าคุณธงชัย กล่าว
เจ้าคุณธงชัย อธิบายว่า ถึงวันนี้ต้องย้อนกลับมาดูว่า การพัฒนาการเรียนการศึกษาขั้นพื้นฐาน ภาษาอังกฤษของเด็กอยู่ในอันดับที่เท่าไรของโลก ซึ่งถ้าจำไม่พลาด เมื่อ 7 ปีที่แล้วแพ้ประเทศลาว ทำให้โครงการเพชรยอดมงกุฎภาษาอังกฤษต้องเกิดขึ้นมาเพื่อทำอย่างไรให้เด็กมีศักยภาพทางด้านภาษาอังกฤษ และให้ครู พ่อแม่เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ เพราะถ้าอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร เด็กอาจด้อย และไม่ทันเขา อย่างลาววันนี้ที่มาเป็นแม่บ้านอยู่ในเมืองไทย บางคนจบ ป.6 แต่กลับขอเจ้านายอ่านหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ เพราะประเทศเขามีการพูดการใช้ภาษาอังกฤษในครอบครัว และในชีวิตประจำวัน ต้องกลับมาทบทวน และร่วมด้วยช่วยกันพัฒนาภาษาอังกฤษของเด็กไทยให้ดีขึ้น
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม ยังเผยต่ออีกว่า ปัจจุบันมีทุนเรียนต่อทั้งในและต่างประเทศแก่เด็กด้อยโอกาสจำนวนมาก โดยเฉพาะทุนเรียนต่อต่างประเทศ แต่ไม่ได้มีการเตรียมตัวเด็กให้พร้อมกับทุนนั้นๆ ยกตัวอย่างทุนเรียนภาษาอังกฤษ ภาษาจีน เมื่อส่งเด็กไปแล้วกลับพบว่า เด็กไปไม่ไหว เพราะประเทศอื่นๆ แข่งขันกันสูงมาก พอไปเรียนกับจีน เขาเรียนกันอย่างเต็มที่ เด็กไทยก็เรียนเหมือนเดิม ดังนั้นต้องกลับมาทบทวนกันใหม่ว่า โครงการดี ให้โอกาสเด็ก แต่เด็กพร้อม และมีศักยภาพเพียงพอสำหรับโอกาสนั้นๆ หรือไม่
"ทุกคนบอกว่า เรื่องการศึกษาเป็นหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการ อันที่จริงแล้วไม่ใช่ ภาพของคำว่า การศึกษา อาตมามองว่า น่าจะเชื่อมโยงบูรณาการทุกกระทรวงเข้ามาด้วย เช่น อยากให้เด็กสนใจ และเรียนวิทยาศาสตร์ ก็ต้องดึงกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เข้ามาช่วยกัน หรืออยากให้เด็กมีความรู้เรื่องเศรษฐศาสตร์ ก็ต้องดึงกระทรวงพาณิชย์ อุตสาหกรรม เข้ามา คำว่า ภาระงานการศึกษาของประเทศ แค่กระทรวงศึกษาธิการไม่พอ หลายๆ กระทรวงควรเข้ามาช่วยกัน หรือบางทีคนที่เข้ามาคุมกระทรวงศึกษาธิการอาจจะต้องมีตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีกำกับด้วย เพื่อจะได้ไปพูดคุย เชื่อมโยงกับกระทรวงอื่นๆ เชื่อมโยงไปถึงว่า เด็กเราจะไปในระดับประเทศ หรือระดับโลกได้หรือไม่" เจ้าคุณธงชัย กล่าว
ปัจจุบันมีสื่อและโปรแกรมต่างๆ เพื่อเข้ามาช่วยครู และนักเรียน เช่น โปรแกรมอิงลิช ดิสคัฟเวอรี่ หรือสื่อการสอนในรายวิชาต่างๆ อยากให้เน้นผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ของเด็กมากกว่า เพราะการศึกษาก็จำเป็นต้องพึ่งสื่อการเรียนการสอน ซึ่งต้องไปดูว่านักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาดีๆ เกิดจากโรงเรียนมีสื่อดีๆ หรือไม่
*************************
ข่าวโดย : คมชัดลึกออนไลน์
เรียบเรียงโดย : เต้ มงคลพระ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น