จากนั้นเวลา 15.30 น. นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยภายหลังการประชุม มส.ว่า ในการประชุม มส.ได้นำเสนอวาระการแต่งตั้งประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชเพื่อดำรงตำแหน่งแทนสมเด็จพระพุฒาจารย์ โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เป็นประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช สำหรับขั้นตอนการคัดเลือกประธานผู้ปฎิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชนั้น กรรมการ มส.ได้ประชุมคัดเลือกสมเด็จพระราชาคณะ และได้มีมติเสนอชื่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หลังจากนั้นคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ได้ประชุมและมีมติเห็นชอบเสนอให้สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เป็นประธานผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช
นายนพรัตน์ กล่าวว่า ส่วนเหตุผลที่ประชุม มส. มีมติเลือกสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์นั้น เนื่องจากมีอาวุโสทางสมณศักดิ์สูงที่สุดทุกด้าน และมีความพร้อมทางด้านร่างกายพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ขั้นตอนต่อไปภายในสัปดาห์นี้ พศ.จะรายงานเรื่องดังกล่าวให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รับทราบเพื่อให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุม มส. ยังมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง พระพรหมเวที เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เป็น เจ้าคณะหนใหญ่ตะวันออก แทนสมเด็จพระพุฒาจารย์ รวมทั้งยังมีมติแต่งตั้ง พระพรหมสุธี (เสนาะ ปญฺญาวชิโร) รักษาการเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ เป็น ประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ ส่วนตำแหน่งแม่กองงานพระธรรมทูต ที่ประชุมมีมติเสนอให้พระมหารัชมังคลาจารย์เป็นประธาน
นายนพรัตน์ กล่าวต่อว่า ส่วนตำแหน่งพระราชาคณะชั้นสมเด็จฯ ที่ว่างลง ยังคงต้องรอให้มีพิธีพระราชเพลิงศพสมเด็จพระพุฒาจารย์ จึงค่อยเสนอชื่อพระราชาคณะแต่งตั้งเป็นสมเด็จองค์ใหม่ อย่างไรก็ตามการคัดเลือกและเสนอแต่งตั้งนั้นเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการฝ่ายมหานิกาย ที่จะดำเนินการคัดเลือกและเสนอชื่อ และหากมีพิธีพระราชทานเพลิงศพฯ สมเด็จพระพุฒาจารย์ หลังวันที่ 5 ธันวาคมนี้ การเสนอชื่อแต่งตั้งสมเด็จพระราชาคณะ คงต้องดำเนินการในปีหน้า แต่หากพระราชทานเพลิงก่อนเดือนธันวาคม ต้องดูอีกว่าจะสามารถเสนอชื่อพระราชาคณะแต่งตั้งเป็นสมเด็จองค์ใหม่ทันหรือไม่
พระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะโฆษกกรรมการมหาเถรสมาคม กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ เป็นการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 20 วันอังคารที่ 20 ส.ค. 2556 ซึ่งได้มีการแต่งตั้งสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เป็นประธานคณะผู้ปฎิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช แทน สมเด็จพระพุฒาจารย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ อัศจรรย์ว่า การพิจารณาแต่งตั้งในครั้งนี้มีระยะเวลาห่างจาก การแต่งตั้ง สมเด็จพระพุฒาจารย์ เป็นประธานคณะผู้ปฎิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นเวลา 9 ปี 1 เดือนเต็มพอดี ซึ่งในครั้งนั้น ก็เป็นการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 19 ในวันอังคารที่ 20 ก.ค. 2547
โฆษกมส. กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ที่ประชุมมส. ได้มีมติเอกฉันท์ โดยคณะสงฆ์ได้พิจารณาตามลำดับชั้นการปกครองของคณะสงฆ์ ซึ่ง การเมืองของพระ เป็นไปตามสันติวิธี พิจารณาว่า ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน ไม่ใช่ค่าของคน อยู่ที่คนของใคร อยากจะให้การเมืองมีการเลียนแบบพระบ้าง ถ้าทำได้ โลกนี้จะสุขสงบ อย่างไรก็ตาม คณะสงฆ์เห็นว่า สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เป็นผู้มีศีลาจารวัตรที่ดีงาม ได้รับการสถาปนาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหาเถระที่ทำงานคร่ำหวอดกับกิจการคณะสงฆ์อย่างมากรูปหนึ่ง ท่านมีบารมีธรรม สามารถที่จะนำประชาชน ให้เข้ามาสู่คณะสงฆ์ ในภาวะที่คณะสงฆ์กำลังบอบช้ำ เกี่ยวกับเรื่องไม่ดีหลายเรื่อง นอกจากนี้ ท่านยัง เป็นพระทางสายปฏิบัติ วิปัสนากรรมฐาน และเป็นลูกศิษย์ หลวงพ่อสด ด้วย
ทั้งนี้ สำหรับประวัติ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ปัจจุบันอายุ 88 ปี 68 พรรษา นามเดิมว่า ช่วง สุดประเสริฐ เกิดวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ.2468 ที่ ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เป็นบุตรนายมิ่งและนางสำเภา สุดประเสริฐ เมื่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ อายุ 7 ปี นายมิ่ง ผู้เป็นบิดาถึงแก่กรรมจึงให้สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์และพี่ชายบรรพชาเป็นสามเณร เมื่อพี่ชายลาสิกขาบท แต่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ยังบรรพชาเป็นสามเณรอยู่ระยะหนึ่งจึงลาสิกขา เมื่ออายุ 14 ปีได้บรรพชาอีกครั้ง ที่วัดสังฆราชา กรุงเทพมหานคร จากนั้นศึกษาและสอบนักธรรมชั้นตรีและชั้นโท ระหว่างนั้นทราบกิตติคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ จึงอยากมาศึกษากับหลวงพ่อวัดปากน้ำ ในปี 2484 จึงย้ายมาอยู่วัดปากน้ำ
จากนั้นปี 2488 สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ อุปสมบท นามฉายา “วรปุญฺโญ” ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ สอบได้โดยลำดับถึง ป.ธ.7 หลวงพ่อวัดปากน้ำ นำไปฝาก สมเด็จพระสังฆราช (กิตฺติโสภณมหาเถร) ให้ศึกษา ป.ธ. 8, 9 ในสำนักเรียนวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม หลังจากสำเร็จการศึกษา ป.ธ. 9 แล้ว หลวงพ่อวัดปากน้ำได้ไปรับกลับมาช่วยงานที่วัดปากน้ำจนถึงปัจจุบัน
สำหรับการเลื่อนสมณศักดิ์ ในปี 2499 ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระศรีวิสุทธิโมลี ปี 2505 เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชเวที และปี 2510 เลื่อนเป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพวรเวที ปี 2516 เลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมธีรราชมหามุนี ปี 2530 เลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นเป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรอง ชั้นหิรัณยบัฏที่ พระธรรมปัญญาบดี และปี2538 สมณศักดิ์ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรบัฏที่ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ส่วนงานด้านการปกครองเคยดำรงตำแหน่งเป็นเลขานุการสมเด็จสังฆนายก วัดเบญจมบพิตร เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ รองเจ้าคณะภาค 3 เจ้าคณะภาค 3 รวม 2 สมัย และเป็นเจ้าคณะภาค 17 รวม 3 สมัย เป็นเจ้าคณะภาค 7
ส่วนการทำงานในต่างประเทศปี 2527 ได้สร้างวัดไทยในสหรัฐอเมริกา ชื่อว่า วัดมงคลเทพมุนี เมืองฟิลาเดลเฟีย และสร้างวัดไทยแห่งแรกในประเทศญี่ปุ่นชื่อ วัดปากน้ำญี่ปุ่น เมืองชิบะ รวมถึงสร้างวัดไทยในนิวซีแลนด์ชื่อว่า วัดปากน้ำนิวซีแลนด์ เมืองทัวรังง่า นอกจากนี้ยังอุถัมภ์การสร้างวัดปากน้ำอเมริกา รัฐโอโอโฮ สหรัฐอเมริกาแห่งที่ 2 ด้วย และยังทำงานบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ โดยก่อตั้งมูลนิธิหลวงพ่อวัดปากน้ำ นำดอกผลของมูลนิธิใช้ในการบำเพ็ญกุศลต่าง ๆ และได้ชักชวนสาธุชนร่วมสมทบทุนในโอกาสต่างๆ ปัจจุบันมีเงินทั้งหมด 230 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังได้รับสมณศักดิ์ต่างประเทศ อาทิ รับสมณศักดิ์จากบังกลาเทศที่ พระศาสนธชมหา ปัญญาสาระ และรับสมณศักดิ์จากศรีลังกา ฝ่ายอมรปุรนิกายที่ พระชินวรสาสนโสภณเตปิฏกวิสารทคณะปาโมกขาจริยะ รับสมณศักดิ์จากศรีลังกา สยามวงศ์ ฝ่ายอัสสคิริยะที่ พระสาสนโชติกสัทธัมมวิสารทวิมลกิตติสิริ รับสมณศักดิ์จากศรีลังกา สยามวงศ์ ฝ่ายมัลลวัตตะ ที่ พระธรรมกิตติสิรเตปิฏกวิสารโท และรับสรณศักดิ์จากศรีลังกา ฝ่ายรามัญวงศ์ ที่ พระติปิฏกปัณฑิตธัมมกิติสสิริยติสังฆปติ และได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ของประเทศศรีลังกา สยามวงศ์ ฝ่ายโกฏเฏ ที่ พระอุบาลีวังสาลังการะอุปัชฌายะธรรมธีรมหามุนี เถระ
*************************
เรื่องโดย : คมชัดลึกออนไลน์
เรียบเรียงโดย : เต้ มงคลพระ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น