ผู้สื่อข่าวรายงานว่า "หลวงปู่เรือง อาภัสสะโร" เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมเขาสามยอด เกจิอาจารย์ดังของเมืองลพบุรี ละสังขารอย่างสงบแล้วด้วยโรคชรา สิริอายุย่างเข้า 101 ปี เมื่อเวลา 19.29 น.วานนี้ (15 ก.ย. 56) ที่ห้อง ICU อาคารกัลยาณิวัฒนา โรงพยาบาลอานันทมหิดล ต.เขาสามยอด อ.เมือง จ.ลพบุรี หลังเข้าพักรักษาตัวอยู่หลายวัน
สำหรับ "หลวงปู่เรือง" มีชื่อเดิมว่า บุญเรือง นามสกุล สุขสันต์ เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 ม.ค. 2455 ที่บ้านดอนตระโกหัก ต.บ้านสร้าง อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี ต่อมาได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านสระข่อย ต.โคกปีบ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี บิดาชื่อ นายคำพันธ์ สุขสันต์ มารดาชื่อ นางศรี สุขสันต์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดา 8 คน เป็นชาย 5 คน และหญิง 3 คน หลวงปู่เรืองเป็นบุตรคนที่ 2 ต่อมาหลวงปู่ได้เข้ารับการศึกษาชั้นประถมศึกษาที่ ร.ร.ขุนโคกปีบปรีชา โดยมี คุณครูหลั่น ปราณี ผู้ทั้งเป็นครูสอนและครูใหญ่ จบ ป.4 ท่านเก่งทั้งภาษาไทยและภาษาขอม ท่านเป็นคนเรียนเก่ง จนทางราชการได้ให้เป็นผู้สอนหนังสือให้กับเด็กๆ ซึ่งในสมัยนั้นหาคนเรียนจบชั้น ป.4 ยากมาก
ต่อมาเมื่ออายุได้ 21 ปี ก็เข้าอุปสมบทตามประเพณีเพื่อทดแทนคุณบิดามารดา เมื่อวันศุกร์ ที่ 6 ก.ค. 2477 ณ วัดสระข่อย ต.โคกปีบ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี โดยมี พระสมุห์จำปา วัดสระข่อย อันเป็นเจ้าคณะหมวด (เจ้าคณะตำบลโคกปีบ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูพัด ธัมมะธีโร วัดโคกมอญ (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น วัดโคกไทย) ต.โคกปีบ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ฉัตร คังคะปัญโญ วัดต้นโพธิ์ ต.โคกปีบ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ อันมี พระครูพิบูล วัดท่าประชุม อ.ศรีมหาโพธิ์ เป็นเจ้าคณะแขวง (เจ้าคณะอำเภอศรีมหาโพธิ) ได้รับฉายาว่า "อาภสสโร" (อาภัสสะโร) จากนั้นได้จำพรรษาและศึกษาพระธรรมพระวินัยอยู่กับพระอุปัชฌาย์ที่วัดสระข่อย เป็นเวลา 10 พรรษา โดยได้อยู่รับใช้ปรนนิบัติพระอุปัชฌาย์ พร้อมทั้งศึกษาวิชาต่างๆ จากพระอุปัชฌาย์ จนเป็นที่รักและไว้วางใจยิ่งจากพระอุปัชฌาย์
ด้านการศึกษาธรรมะ หลวงปู่ได้เรียนนักธรรมชั้นตรี และสอบได้ในพรรษาแรกเลย (พ.ศ.2477) จากสำนักเรียนที่วัดของท่าน พรรษาที่ 2 (พ.ศ.2478) สอบได้นักธรรมโท พรรษาที่ 3 สอบได้นักธรรมเอก สอบได้ปีละชั้น ทั้งที่พรรษายังน้อย อายุแค่ 23 ปีเท่านั้น เมื่อท่านเรียนจบนักธรรมแล้ว พระอาจารย์ฉัตร วัดต้นโพธิ์ ให้ไปช่วยสอนธรรมะที่วัดต้นโพธิ์ ท่านก็ไปช่วยสอนอยู่ระยะหนึ่ง พร้อมกันนี้ ก็ได้ศึกษาวิชาบาลีมูลกัจจายน์ และวิชาโหราศาสตร์สมุนไพรใบยา พร้อมวิชาคาถาอาคมต่างๆ ไปด้วย จนพรรษาพ้น 10 พรรษาแล้ว ท่านเห็นว่าได้ศึกษาวิชาการพอที่จะปกครองตนเองได้แล้ว จึงออกธุดงค์แสวงวิเวก ประพฤติปฏิบัติธรรมไปตามที่ต่างๆ
หลังจากนั้น ระยะปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 หลวงปู่ได้ออกเดินธุดงค์ขึ้นอีสาน แล้วกลับมาอยู่ที่ จ.ลพบุรี ที่ถ้ำพิบูลย์ ในปี พ.ศ. 2489 (พรรษาที่ 13) หลวงปู่เรืองได้จำพรรษาที่ ถ้ำพิบูลย์ 5 พรรษา ต่อมาทางทหารได้มานิมนต์ให้ท่านไปอยู่วัดที่สร้างใหม่ เป็นที่เจริญ และใหญ่โตกว่าที่เดิม อีกทั้งไม่กันดาร เพราะที่ท่านอยู่นี้เป็นเขตของทหาร และทหารซ้อมยิงอาวุธอยู่บ่อยๆ เกรงว่าจะเป็นอันตรายได้ อีกอย่างในหน้าแล้งกันดารน้ำมาก จึงขอให้ไปอยู่ที่วัดที่สร้างใหม่ แต่หลวงปู่ไม่ไป กลับเก็บกลดสะพายย่าม ธุดงค์เข้าป่าลึกไปเลย จนมาพบถ้ำพระอรหันต์ที่เขาสามยอด 2-3 ปีแรกหลวงปู่ไม่ได้บิณฑบาตเลย ท่านอยู่องค์เดียวมาตลอด ไม่มีใครมาพบเห็นท่านเลย หลวงปู่อยู่ได้อย่างไร? และฉันอะไร? จึงอยู่ได้
หลวงปู่ เล่าให้ฟังว่า ฉันยอดไม้ ใบไม้ โดยเฉพาะยอดโสม ซึ่งขึ้นอยู่บนเขามากมาย ก็ฉันมาตลอด อิ่มแทนข้าวก็อยู่ได้ ส่วนหน้าแล้งบนเขาไม่มีน้ำ แล้วหลวงปู่เอาน้ำที่ไหนดื่มและมาสรง (อาบ) หลวงปู่ บอกว่า ก็ตัดเถาวัลย์ให้น้ำไหลจากเถาวัลย์ เอากระติกรอง แล้วนำมาฉัน วันละนิดเดียวพอแก้กระหาย เพราะอยู่ในถ้ำ อากาศเย็น จึงไม่ต้องฉันบ่อยๆ ส่วนน้ำสรงก็ไม่ต้อง เพราะอะไร ก็เพราะเหงื่อไม่ค่อยออก กลิ่นตัวจึงไม่ค่อยมี ฝนตกทีก็ได้สรงกันที และอยู่ที่แห่งนี้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และได้สร้างวัตถุมงคลต่างๆ หลายรุ่น เป็นที่นิยมของบรรดานักสะสม และนำไปเป็นมงคลป้องกันตัว จนทำให้หลาวงปู่เรืองมีชื่อเสียงทางด้านเกจิอาจารย์ มีลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมาก นิมนต์ไปอธิษฐานจิตในพิธีปลุกเสกหลายแห่ง และท่านยังได้บริจาคทรัพย์ช่วยเหลือสังคมอีกมากมายเช่นกัน
*************************
เรื่องโดย : ไทยรัฐออนไลน์
เรียบเรียงโดย : เต้ มงคลพระ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น