บุคลากรทุกคน ก็คือ จักรเฟือง
คอยแต่งเสริมเติมเรื่อง ขับเคลื่อนเดินเครื่องให้ก้าวไป
หากจักรเฟืองชิ้นเล็กๆ ไม่เป็นตามสเปคที่ตั้งไว้
จักรกลเครื่องใหญ่ คงดำเนินต่อไป ได้เพียงไม่นาน
"วัด" เปรียบเสมือนองค์กรหนึ่ง ที่ประกอบไปด้วยบุคลากรหลายฝ่าย
โดยบุคลากรที่เป็นเสมือนจักรเฟืองชิ้นเล็กๆ แต่มีความสำคัญยิ่ง ก็คือ "เด็กวัด"
"เด็กวัด" ในความหมายของคนทั่วไป คงเป็นเหมือนผู้ยากไร้ อาศัยวัดได้พึ่งพา
หากแต่ที่ วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม ดินแดนแห่งธรรมที่อยู่ในการดูแลของ
ท่านพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อมนั้น
เด็กวัดที่นี่มีความแตกต่างไปจากแห่งอื่นราว "ม้าศึก" กับ "ฝูงลา"
หรือ "เหยี่ยวกลางเวหา" กับ "ฝูงการิมลำคลอง"
ด้วย "โอกาสแห่งชีวิต" ที่หลวงพี่น้ำฝนได้มอบให้ ทำให้เด็กวัดผู้ที่เคยยากไร้
ปรับปรุงเปลี่ยนไปในทางที่ดี ท่านสอนสั่งให้รู้งาน จนชำนาญในหน้าที่
สอนให้เก่ง และคิดดี สอนให้มี ธรรมจรรยา
บางคนชอบงานศิลปะ ท่านก็ให้ฝึกหัด เป็น Graphic Designer
บางคนชอบซ่อมคอมพิวเตอร์ ท่านก็ฝึกให้ได้เจอ กับงานจริงจนชำนาญ
บางรายสนใจถ่ายภาพ ท่านให้โอกาส ได้ฝึกเป็นตากล้อง
บางรายชอบรำ เล่น ร้อง ท่านให้ฝึกท่วงทำนอง เป็นนักร้องนักดนตรี
บางคนสำเนียงอ่อนหวาน ท่านให้จัดรายการ ประจำคลื่นวิทยุ
บางคนชอบ เย็บปักลายฉลุ ท่านให้ฝึกจนบรรลุ เป็นช่างศิลป์ฝีมือดี
บางคนมีไอเดียสร้างสรรค์ ท่านให้ใช้พรสวรรค์ ฝึกงานขีดเขียน
ท่านเคี่ยว ท่านเข็ญ ให้เพียร เด็กวัดจึงปรับเปลี่ยน เป็นสารพัดผู้ชำนาญ
"โอกาสแห่งชีวิต" ที่เหล่าบรรดาเด็กวัดได้รับมาจากหลวงพี่น้ำฝนนั้น
ทำให้เด็กวัดธรรมดาๆ ทั้งหลายแปรเปลี่ยนไปเป็น "Superเด็กวัด" แห่งวัดไผ่ล้อม
ผู้ที่เปรียบเสมือน "จักรเฟืองชั้นดี" คอยดูแลและดำเนินหน้าที่สำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
โปรดิวเซอร์รายการTV , ครีเอทีฟ , นักคิดนักเขียน , ตากล้อง ,
พนักงานตัดต่อภาพและเสียง , Sound Engineer , Graphic Designer ,
ผู้ชำนาญการซ่อมแซมคอมพิวเตอร์ , นักร้องและวงดนตรีเพื่อสร้างสรรค์สังคม ,
นักจัดรายการวิทยุ และอื่นๆอีกมากมาย
ทั้งนี้จึงกล่าวได้ว่า เพราะความเมตตาจาก พระนักพัฒนานามว่าหลวงพี่น้ำฝนนั้น
ได้สรรค์สร้างให้ก่อเกิด บุคลากรชั้นเลิศที่เรียกว่า
"Super เด็กวัด ผู้ชำนาญสารพัด แห่งวัดไผ่ล้อม"
เด็กวัดผู้เพียบพร้อมไปด้วยความรู้ ความสามารถ เปลี่ยมไปด้วยศักยภาพ และธรรมจรรยา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น