วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

หลวงพ่อแดง ปิยะสีโล สุดยอดเกจิวิปัสสนา แห่งเกาะสมุย


พระครูสมาธานกิตติคุณ หรือ หลวงพ่อแดง ปิยะสีโล อดีตเจ้าอาวาส วัดคุณาราม เกาะสมุย ผู้ที่สละชีวิตทางโลก เพื่อธรรมะแห่งพระพุทธองค์ ท่านมีลูกศิษย์ลูกหาที่เลื่อมใสศรัทธาเป็นจำนวนมาก ท่านเป็นผู้ที่มีวิชาอาคมเข้มขลังและหยั่งรู้อนาคต โดยเมื่อท่านได้มรณภาพลง ปรากฏว่าร่างของท่านไม่เน่าเปื่อยเหมือนกับผู้คนทั่วไป และอยู่ในท่า "นั่งขัดสมาธิ" ซึ่งเป็นไปตามคำปรารถนาของท่าน

หลวงพ่อแดง ปิยะสีโล วัดคุณาราม (เขาโป๊ะ) อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฏร์ธานี เดิมชื่อ แดง สีชั้น เป็นบุตรของ หลวงพิทักษ์ และ นางน้อยหีต สง่าราษฏร์ ท่านเกิดที่ บ้านตะพ้อ หมู่ 5 ตำบลหน้าเมือง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฏร์ธานี เมื่ออายุได้ 20 ปีบริบูรณ์ ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุตามประเพณีได้ประมาณ 2 พรรษา จึงลาสิกขา ต่อมาได้สมรสกับ นางเขียว ทองทิพย์ ที่บ้านละไม ตำบลมะเร็ต มีบุตรธิดารวม 6 คน ในชีวิตฆราวาสนั้น หลวงพ่อแดง ได้สร้างฐานะครอบครัวจนจัดได้ว่า เป็นครอบครัวที่มีอันจะกินครอบครัวหนึ่ง และเป็นที่ยอมรับของสังคมในสมัยนั้น

ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ข้าวยากหมากแพง ท่านได้ช่วยเหลือเพื่อนบ้านเกี่ยวกับเครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรคและ สิ่งของต่างๆ ที่พอจะช่วยได้ในยุคนั้น ต่อมาพอสงครามสงบลง ท่านก็ได้บวชอีกครั้ง โดยมี พระครูทีปาจารคุณารักษ์ (มี อินฺทสุวณฺโน) เจ้าอาวาสวัดสำเร็จ เจ้าคณะอำเภอเกาะสมุย รูปที่ 4 ในสมัยนั้น เป็นพระอุปัชฌาย์ ตรงกับปี พ.ศ.2487 นับว่าท่านบวชครั้งที่ 2 เมื่ออายุครบ 50 ปี พอดี

พอเข้าพรรษาท่านก็ได้ขึ้นไปปฏิบัติสมถะกัมมัฏฐาน บนถ้ำยาย ที่เชิงเขาหมาแหงน โดยมี พระครูประยุตธรรมโสภิต (ทองไหล สิริวฑฺฒโน) เจ้าอาวาสวัดละไม เป็นอาจารย์สอนสมถกัมมัฏฐานให้ ท่านจำพรรษาอยู่ที่ถ้ำเขายายประมาณ 2 ปี จึงย้ายไปอยู่กับ หลวงพ่อแดง ติสฺโส ที่สำนักสงฆ์หัวแหลมสอ (วัดพระเจดีย์แหลมสอ ในปัจจุบัน)

หลวงพ่อแดง ติสฺโส ได้พาท่านออกธุดงค์เพื่อแสวงหาธรรมะที่แท้จริงเป็นเวลา 1 ปีเศษ ท่านจึงได้อำลา หลวงพ่อแดง ติสฺโส กลับมาพัฒนาวัดศิลางู อีก 4-5 ปี หลังจากนั้นท่านได้ออกธุดงค์อีก จนไปพบป่าไม้ที่เงียบสงบมากแห่งหนึ่งที่หาดเฉวง ท่านจึงได้ย้ายจากวัดศิลางู ไปปลูกกุฏิเล็กๆอยู่ปฏิบัติสมถะกัมมัฏฐานอยู่ 3-4 ปี ต่อมาทราบข่าวว่าที่ วัดมหาธาตุฯ กรุงเทพมหานคร ท่านเจ้าคุณพระพิมลธรรม ได้เปิดสอนวิปัสสนากัมมัฏฐานขึ้น ท่านจึงเดินทางเข้ากรุงเทพมหานครทันที และเข้าฝากตัวเป็นศิษย์กับ ท่านเจ้าคุณพระพิมลธรรม ฝึกจิตให้ได้มาซึ่งวิปัสสนากัมมัฏฐาน จนกระทั่งสามารถนั่งสมาธิกำหนดจิตได้นานถึง 15 วัน โดยไม่มีการเคลื่อนไหว ตัวท่านแข็งเหมือนดั่งท่อนไม้


หลวงพ่อแดง ปิยะสีโล ท่านเป็นคนพูดจริงทำจริง ปฏิบัติเคร่งครัด ท่านฉันท์ภัตตาหารเพียงมื้อเดียว คือ ฉันท์ในบาตรตั้งแต่แรกบวชจนกระทั่งท่านดับสังขาร ท่านได้รับการฝึกสอนประมาณ 1 ปี มีความรู้แตกฉานเชี่ยวชาญในวิชาวิปัสสนาธุระ คณะอาจารย์ที่สอนลงความเห็นว่า สมควรส่งท่านไปเผยแพร่พระพุทธศาสนา ตั้งสำนักวิปัสสนาจึงจัดหาที่ดินที่ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย ตั้งเป็นวัดสำนักวิปัสสนา คือ วัดบุญฑริการาม (หรือ วัดพังบัว) เปิดสอนวิปัสสนากัมมัฏฐาน มีพระภิกษุสามเณร อุบาสก อุบาสิกา เป็นศิษย์ปฏิบัติวิปัสสนามากมายทีเดียว ท่านได้ประจำอยู่ที่ วัดบุญฑริการาม (วัดพังบัว) ประมาณ 20 ปี ระยะหลังท่านเกิดป่วยหนักขึ้น 2 ครั้งเกี่ยวกับสังขาร ซึ่งชราภาพ ประกอบกับการคมนาคมสมัยนั้น ทางไปบ้านเฉวงกันดารมาก หมอที่จะรักษาก็ไม่มีเวลา ท่านเจ็บป่วยขึ้นมา ลูกศิษย์ก็ต้องรักษากันตามมีตามเกิด ลูกศิษย์และลูกหลานจึงนิมนต์ท่านมาจำพรรษาที่ วัดคุณาราม (เขาโป๊ะ) ตำบลหน้าเมือง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฏร์ธานี ซึ่งเป็นวัดบ้านเกิดของท่านเอง

หลวงพ่อแดง ปิยะสีโล ท่านสามารถ หยั่งรู้ถึงการแตกดับของสังขารตัวเอง ท่านได้สั่งให้ นายแคล้ว กัยนายเพชร ซึ่งเป็นโยมอุปัฏฐาก ทำหีบศพแบบนั่งขัดสมาธิให้ใบหนึ่ง ท่านสั่งว่า "เมื่อถึงเวลาท่านตายจะได้เข้าไปนั่งสมาธิตายในหีบ ไม่ต้องยุ่งยากศิษย์หาวาเตและลูกหลาน" แต่ก็ไม่มีใครเชื่อว่าท่านจะตายตามที่ท่านพูด เพราะคนใกล้ชิดกับท่านเห็นว่าถึงท่านจะอายุมาก แต่ร่างกายของท่านยังแข็งแรงสมบูรณ์ดีทุกประการ พอขึ้นเดือน 5 ท่านก็เตือน นายแคล้ว กับนายเพชร อีกว่า ให้รีบทำหีบศพให้เสร็จโดยเร็ว เพราะเวลาชีวิตของท่านเหลือน้อยเต็มทีแล้ว นายแคล้วกับนายเพชรก็ยังไม่เชื่ออีก จนมาเดือน 5 ข้างแรม ท่านก็เตือนอีก ท่านบอกว่า "เดือน 6 ท่านจะตายแล้ว" แต่ก็ไม่มีใครเชื่อท่านอยู่ดี เพราะในอดีตไม่เคยปรากฏมาก่อน พอท่านมรณภาพลงตามวันที่ท่านบอกเอาไว้ลูกหลานทุกคนก็เสียใจ ที่ไม่เชื่อคำพูดของท่านแต่แรก

หลวงพ่อแดง ปิยะสีโล หรือ พระครูสมถกิตติคุณ ท่านอยู่ในเพศสมณะจนถึงวันมรณภาพ นับเวลาของท่านได้ 29 ปี 8 เดือน ท่านมรณภาพลงเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ.2516 ตรงกับ แรม 5 ค่ำ เดือน 6 ปี ฉลู รวมสิริอายุได้ 79 ปี 8 เดือน หลังจากที่ท่านมรณภาพแล้ว ลูกศิษย์และลูกหลานจึงได้นำสรีระสังขารของท่านบรรจุในท่านั่งในโลง ซึ่งได้เร่งทำขึ้นภายหลัง ตามลักษณะที่ท่านต้องการและประดิษฐานไว้บนศาลาที่วัดคุณาราม (เขาโป๊ะ) เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งของท่านที่ได้เขียนสั่งไว้

ถึงแม้นท่านจะละสังขารไปนานปีแล้วก็ตาม แต่สรีระสังขารของท่านก็มิได้เน่าเปื่อยแต่อย่างใด หากท่านใดมีโอกาสเดินทางไปที่เกาะสมุย สิ่งที่ลืมเสียมิได้ คือ การเดินทางไปกราบสรีระสังขารและขอพรจาก หลวงพ่อแดง ที่วัดคุณาราม (เขาโป๊ะ) เพื่อเสริมความมงคลแก่ชีวิตให้ยั่งยืนสืบไป


*************************

เรื่องโดย : ทีมข่าวมงคลพระ
เรียบเรียงโดย : เต้ มงคลพระ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น