วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2556

หลวงพ่อล้อม สีลสํวโร "พระดีศรีโพธิ์ชัย" แห่งวัดป่าเมตตาธรรม

หลวงปู่ทองมา ถาวโร วัดสว่างท่าสี จ.ร้อยเอ็ด อมตะอริยะสงฆ์ผู้ทรงอภิญญาแห่งลุ่มแม่น้ำชี อดีตเจ้าอาวาสวัดสว่างท่าสี ต.ท่าม่วง อ.เสลภูมิ ซึ่งได้รับสมญานามว่า "หลวงพ่อหมอยาเทวดา" ครั้งยังมีชีวิตท่านดังมากในเรื่อง "น้ำมนต์" มีความศักดิ์สิทธิ์ชนิดที่ว่า เสกล้างหน้าเป็นสิริมงคล เสกน้ำมนต์แก้เสนียดจัญไรภัยพิบัตินานาทั้งปวง แก้ถูกกระทำย่ำยี ปราบผีสางนางไม้ ช่วยให้คลอดบุตรง่าย ฯลฯ และที่ขึ้นชื่อลือชาคือ การรักษาคนบ้าวิกลจริตหายเป็นปลิดทิ้ง ท่านจะอบรมสั่งสอนชาวบ้านให้ตั้งอยู่ในศีลธรรม ยึดมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

ศิษย์ที่เป็นบรรพชิตรูปหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงในปัจจุบัน คือ พระครูวิมลสังวรคุณ หรือ หลวงพ่อล้อม สีลสังวโร เจ้าอาวาสวัดป่าเมตตาธรรม อ.โพธิชัย จ.ร้อยเอ็ด โดยท่านได้ศึกษากรรมฐาน และคาถาอาคมจากหลวงปู่ทองมา ทั้งนี้หลวงพ่อล้อมให้ความเคารพนับถือประดุจดังบิดามารดา โดยท่านได้ทำหน้าที่แห่งความเป็นศิษย์อย่างดีเยี่ยม

ส่วนความรู้ทางธรรมนั้น หลวงพ่อสอบได้นักธรรมชั้นเอก เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๑ ณ วัดเวฬุวัน สำนักเรียน จ.ร้อยเอ็ด และสอบได้ประโยค ๑-๒ เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๕ จากวัดสาลาวดี สำนักเรียน จ.ร้อยเอ็ด นอกจานี้ท่านยังศึกษา อักษรขอม อักษรไทยน้อย การเขียนแบบแปลนงานก่อสร้าง และสิ่งที่หลวงพ่อชอบมากรวมทั้งมีความชำนาญเป็นพิเศษ คือ นวกรรม การเขียนอักษณธรรม

เมื่อหลวงพ่อล้อมได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ท่านได้ดำเนินรอยตามรอยหลวงปู่ทองอย่างงดงาม สร้างทั้งศาสนวัตถุ และศาสนทายาทไว้มากมาย จนทำให้หลวงพ่อเป็นที่รู้จัก และเป็นที่นับถือของศิษยานุศิษย์ทั้งในและต่างประเทศ สำหรับการจัดสร้างวัตถุมงคลนั้น ท่านเริ่มสร้าง ตะกรุด มาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๑๖ เมื่อครั้งยังเป็นเจ้าอาวาสใหม่ๆ จากนั้นก็สร้างเรื่อยมา โดยท่านจะสร้างเองทั้งหมด เพื่อนำปัจจัยที่ได้มาสร้างพัฒนาปรับปรุงวัด รวมทั้งกิจทางด้านการสงเคราะห์อย่างที่เห็น

เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๔ ท่านได้นำญาติโยมสร้างถาวรวัตถุในวัดทั้งหมด เช่น อุโบสถ พระเจดีย์ศรีเมตตา ศาลาการเปรียญ กุฏิกัมมัฏฐาน ศาลาอเนกประสงค์ รวมทั้งรักษาสภาพป่าให้สมกับคำว่า "วัดป่า" เหมาะเป็นที่สัปปายะแก่การปฏิบัติธรรม ขณะเดียวกันท่านได้สร้างองค์เทพตามคติความเชื่อคนของไทยไว้หลายองค์ เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางใจได้กราบไหว้ขอพรโดยไม่ต้องเดินทางไกล ภายในวัดมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อยูองค์หนึ่ง คือ พระพุทธรูปเสี่ยงทาย โดยการอธิษฐานให้หนักและเบาได้

นอกจากนี้แล้วหลวงพ่อล้อมยังให้ความสำคัญในเรื่องการศึกษาของพระภิกษุสามเณรในวัดเป็นอย่างมาก แม้ที่วัดจะไม่ได้เป็นสำนักเรียนแต่ท่านก็ได้ส่งพระเณรไปเรียนตามสำนักเรียนต่างๆ โดยเป็นธุระนำไปฝากถึงที่ทั้งวัดในต่างจังหวัด และวัดในกรุงเทพฯ ทั้งนี้หลวงพ่อจะพูดกับลูกศิษย์เสมอๆ ว่า "ถ้าเราไม่มีวิชาความรู้ก็เหมือนคนตาบอดที่ไม่รู้ทางเดิน เป็นชีวิตที่ไม่มีจุดมุ่งหมาย ไร้แสงส่วางนำทาง ขาดเข็มทิศชี้ทาง"

หลวงพ่อล้อมจะสอนลูกศิษย์รุ่นแล้วรุ่นเล่า ให้ขยันพากเพียรในการศึกษา ดังนั้นศิษย์ของท่านจึงได้ดีแล้วก้าวหน้า ทั้งนี้หลวงพ่อไม่เคยกล่าวอ้างถึงบุญคุณกับลูกศิษย์เหล่านั้นเลย ท่านได้ตั้งอยู่ในพรหมวิหาร ๔ อย่างดีเยี่ยม นั่นคือ มีเมตตารักใคร่ศิษย์ทุกคน มีกรุณาสงสารศิษย์ที่ช่วยตัวเองไม่ได้ มีมุฑิตากับศิษย์ที่ได้ดีมีความเจริญก้าวหน้า และมีอุเบกขาวางเฉยต่อเหตุการณ์ที่ดีและร้าย มุ่งหาทางแก้ด้วยปัญญาให้เหตุร้ายกลายเป็นดี

สิ่งหนึ่งที่เป็นเครื่องยืนยันในเรื่องความรู้ ความสามารถ และผลงาน คือ เกียรติประวัติที่หน่วยงานและสถาบันต่างๆ มอบให้ เช่น 

พ.ศ.๒๕๔๑ ได้โล่วัดพัฒนาตัวอย่าง จากกรมการศาสนา 
พ.ศ.๒๕๕๓ ได้รับโล่-พัด-ย่าม วัดพัฒนาตัวอย่างที่มีผลงานดีเด่น จากกรมการศาสนา 
และ เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๔ หลวงพ่อล้อมได้รับพระราชทานเสาเสมาธรรมจักรทองคำ สาขาสงเคราะห์ประชาชน จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดฯ สยามบรมราชกุมารี

"อาตมาสร้างโลงศพไว้ใส่ตัวเอง เขาเรียกว่า เตรียมตัวตายก่อนตายจริง เมื่อถึงเวลาจะไม่ได้เป็นภาระต่อญาติโยม ปีนี้อายุมากถึง ๗๒ ปี ซึ่งจะมีการทำบุญครบ ๖ รอบ ในเดือนพฤษภาคม ชีวิตยิ่งใกล้ความตายมากยิ่งขึ้น การได้เห็นโลงทำให้เราคิดถึงความตายมากยิ่งขึ้น เป็นกรรมฐานอย่างหนึ่ง ไม่ยึดติด ยึดมั่น ถือมั่น ไม่ได้ใช้เตือนสติตัวเองอย่างเดียว หากยังใช้เตือนสติญาติโยมด้วย คนที่อายุยังน้อยมักคิดว่าอีกนานถึงจะตาย แต่แท้ที่จริงแล้วความตายกับการมีชีวิตอยู่เป็นเส้นขนานกัน เมื่ออาตมาตายก็ให้สวดและเผาตามประเพณีอีสาน ไม่ต้องเก็บไว้เป็นภาระกับคนรุ่นหลัง" นี่เป็นเหตุผลการทำโลงศพไว้ใส่ตัวเองของหลวงพ่อล้อม ซึ่งท่านได้สั่งทำและมาตั้งไว้ที่วัดมา ๑ ปีแล้ว

สำหรับชาติภูมิของหลวงพ่อล้อมนั้น ชื่อและสกุลเดิมของท่าน คือ "บุญล้อม ทิพย์โชติ" เกิดวันศุกร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๘๕ ณ บ้านเลขที่ ๓๔ หมู่ ๗ ต.ดอนโอง อ.โพธิ์ชัย จ.ร้อยเอ็ด อุปสมบท เมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๕ ณ อุโบสถวัดศรีชมชื่น ต.อ้อมกอ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี โดยมี พระครูวชิรธรรมนิเทศ เจ้าอาวาสวัดศรีชมชื่นเป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสิริโกศล วัดศรีชมชื่น เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอธิการคำไหล วัดเวฬุวัน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่ออุปสมบทแล้วได้รับฉายาว่า "สีลสํวโร" แปลว่า "ผู้มีศีลอันสำรวมดีแล้ว ผู้มีศีลอันประเสริฐ หรือ ผู้สำรวมด้วยศีล"

"พระหมอยาผู้ชี้ทางให้เลิกยาเสพติด"

ทุกๆ วันจะมีญาติโยมจากจังหวัดต่างๆ นำลูกหลานมาเลิกยาเสพติด เลิกเหล้า เลิกบุหรี่ หลวงพ่อล้อมก็เมตตาให้ความสงเคราะห์แก่ทุกคน บางวันก็ไม่ได้พักผ่อนเลย มีอยู่บ่อยๆ ที่ญาติโยมมาปลุกตอนกลางดึก เพื่อขอความช่วยเหลือจากหลวงพ่อ

ในการรักษาผู้ติดตาเสพติดทุกชนิด หลวงพ่อล้อมจะให้กินยาสมุนไพร ๑ แก้ว สำหรับผู้ติดบุหรี่ ยาบ้า กาว ทินเนอร์ ยากล่อมประสาทต่างๆ เมื่อผู้มาเลิกยาเสพติดออกไปจากวัดป่าเมตตาธรรมแล้ว ผู้เสพยาเสพติดที่ได้กินยาสมุนไพรไป ๑ อาทิตย์ ผู้นั้นจะถูกหรือได้กลิ่นยาเสพติดชนิดนั้นๆ ไม่ได้เลย จะมีอาการเหม็นยาชนิดนั้นๆ อย่างรุนแรง จะไม่มีอาการอยากยาเสพติดชนิดนั้นๆ อีกเลย

ขณะเดียวกัน หลวงพ่อล้อมยังรักษาผู้ที่มีอาการปวดเอว แข้ง ขา ปวดเมื่อยตามร่างกาย ช่วยแผ่เมตตาให้ผู้ที่ค้าขายไม่ค่อยดี รวมทั้งรักษาคุณไสยมนต์ดำต่างๆ ตลอดจนให้ฤกษ์ในงานมงคลพิธีต่างๆ ตามหลักโหราศาสตร์ เพื่ออนุเคราะห์ญาติโยมให้ดำเนินชีวิตอย่างมีความสงบสุข

หลวงพ่อล้อมบอกว่า เรื่องสมุนไพร หรือยาไทยนั้น ในเบื้องต้นหลวงพ่อล้อมไม่ได้สนใจมากนัก แต่เมื่อมีอายุมากขึ้น ชีวิตได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก มองเห็นความเป็นอนิจจังของชีวิตตนเองและญาติโยม หลวงพ่ออยากช่วยให้ญาติโยมหายเจ็บป่วย จึงได้มุ่งศึกษาสมุนไพรไทยจากหมอยาไทย จนถือได้ว่ามีความรู้ความสามารถในการรักษาชาวบ้าน ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นปราชญ์ผู้ทรงวิทยาการด้านสมุนไพรระดับหนึ่ง

ท่านใดอยากเลิกยาเสพติดทุกชนิด สามารถมารักษาให้หายขาดได้ ซึ่งที่ผ่านมากว่า ๙๐% มารักษาแล้วหายขาดอย่างน่าอัศจรรย์ใจ โดยใช้ทั้งยาสมุนไพร คาถา รวมทั้งการตั้งสัจจะ โดยท่านรักษามาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๒ มีผู้เข้ามารักษากว่าหมื่นคน สอบถามข้อมูลได้ที่ หลวงพ่อล้อม ๐๘-๑๐๕๐-๙๙๐๙

*************************

เรื่องโดย : คมชัดลึกออนไลน์
เรียบเรียงโดย : เต้ มงคลพระ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น