นายนพคุณ สุวรรณ์ ผู้ใหญ่บ้านสบกก ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย กล่าวว่า การค้นพบพระพุทธรูปในครั้งนี้ ชาวบ้านทั้งฝั่งประเทศไทยและลาว ต่างมีความยินดี ซึ่งบริเวณที่พบพระพุทธรูปเคยเป็น นครสุวรรณโคมคำ ที่เคยรุ่งเรืองในอดีตมาก่อน ซึ่งชาวบ้านทั้ง 2 ประเทศก็เคยพบวัตถุ หรือเครื่องใช้โบราณในพื้นที่มาแล้วหลายชิ้น แต่ยังไม่เคยพบพระพุทธรูปขนาดใหญ่ คาดว่า ขนาดหน้าตักกว้างกว่า 4 เมตร อย่างไรก็ตาม หากสามารถนำขึ้นมาจากแม่น้ำโขงได้ จะนำมาเป็นพุทธบูชาและทำให้มีผู้คนมาท่องเที่ยวยังพื้นที่ อ.เชียงแสน และเดินทางข้ามไปกราบไหว้พระโบราณที่ค้นพบกันมากขึ้น
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและคณะกรรมการหมู่บ้านร่มเย็น ส.ป.ป.ลาว ใช้ความพยายามในการนำรถแบ็คโฮและเครื่องสูบน้ำมาทำการขุดค้นวัตถุโบราณและนำองค์พระพุทธรูปโบราณขนาดใหญ่ ขึ้นจากแม่น้ำโขง เป็นไปด้วยความลำบากเนื่องจากองค์พระอยู่ในสภาพเก่าแก่และอยู่ในเขตน้ำลึกจึงไม่สามารถยกขึ้นมาได้ทันทีเพราะอาจทำให้เสียหาย หากน้ำโขงไหลมาตลอดเวลา โดยชาวบ้านต้องช่วยกันบรรจุกระสอบทรายและใช้รถแบ็คโฮตักหินและทรายกั้นโดยรอบบริเวณเพื่อให้เหลือน้ำน้อยที่สุด
ทั้งนี้ ตามตำนาน นครสุวรรณโคมคำ เป็นอารยธรรมโบราณ เป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปปางสมาธิขนาดใหญ่ ที่ชาวลาวขนานนามว่า "พระเจ้าองค์โมง" หรือ "พ่อใหญ่" หน้าตักกว้าง 6.50 เมตร สูง 7 เมตร โดยรอบเมืองมีสถูปเจดีย์อยู่จำนวนมาก รวมถึงโบราณสถานหลายแห่งที่อายุกว่า 1,000 ปี เป็นอาณาจักรของชาวล้านนาในอดีตช่วงที่ล้านนาเรืองอำนาจ แต่เมื่อหลายร้อยปีก่อนน้ำแม่น้ำโขงเปลี่ยนทิศทาง ทำให้นครสุวรรณโคมคำถูกแบ่งออกจากกัน ส่วนหนึ่งอยู่ฝั่งเมืองต้นผึ้งของลาว อีกส่วนอยู่ฝั่งไทยที่ ต.บ้านแซว อย่างไรก็ตามแม้หลายคนเชื่อว่าพระที่ค้นพบจะเป็น พระน้ำใจเทพ แต่ก็มีชาวลาวและชาวไทยจำนวนมากเชื่ออาจเป็น พระสิงห์หนึ่ง ซึ่งจะมีอยู่อายุเก่าแก่กว่า 700 ปี เนื่องจากบริเวณแห่งนี้ก็เคยเป็นนครเชียงแสนที่เคยรุ่งเรืองในอดีต
*************************
เรื่องโดย : คมชัดลึกออนไลน์
เรียบเรียงโดย : เต้ มงคลพระ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น