สุดท้ายก็ Converse ปิดตำนาน “รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์”
เจริญพรญาติโยมทุกท่าน อาตมามีโอกาสได้รับกิจนิมนต์เดินทางไปเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
เซี่ยงไฮ้ หรือ ซ่างไห่ เมืองที่ดูดเงินทุนเข้ามามหาศาล เป็นมหานครสมญาปารีสตะวันออก ฉายแสงเจิดจรัสข่มรัศมีฮ่องกงให้หม่นมัวในพริบตา
ตึกสูงระฟ้า หาใช่ใจคนจักสูงสง่าตามไม่ ทางด่วนสับสนวุ่นวาย ใช่ใจคนจักรู้พอไม่ โรงแรมหรู ธนาคารหลาก ศูนย์กลางด้านการเงินเด่นในโลก ใช่คนเหล่านี้จักไม่ทุกข์ และทั้งมวลนี้คือที่มาของการไปเยือน!?!
อาตมาได้รับเกียรติ เพราะโยมลูกศิษย์ชาวจีน เขานิมนต์ให้ไปชี้ทางออก บอกทางธรรม ให้กับญาติโยมพี่น้องคนจีน เมืองซ่างไห่หรือเซี่ยงไฮ้ ที่ร้องขอมา อาตมาให้แสงสว่างผ่านล่าม เพื่อแปลเป็นภาษาจีน จะได้สื่อสารให้เข้าใจ
เริ่มที่ ชายหนุ่มรายนี้ เขามีเรื่องราวที่น่าสนใจ อาตมาคิดว่าน่าจะเป็นอุทาหรณ์สอนใจญาติโยมคนหนุ่ม-สาวชาวไทยของเราได้บ้างไม่มากก็น้อย???
หนุ่มรายนี้ รูปหล่อหน้าตาดี ออกแนวตี๋ทันสมัย อายุประมาณ 30 ปี สีหน้าของโยมตี๋หล่อ ที่เข้ามาพบในวันนั้น สภาพดูอิดโรย เหมือนคนอมทุกข์ แววตาซึมเศร้า เหงาทรวง อย่างเห็นได้ชัด
เขาเล่าให้ฟังว่า “ผมมีชีวิตการงานดี การเงินดี แต่ความรักสะดุด เหมือนรถหยุดไฟแดง ที่ผ่านมาผมมีคนรัก เธอทั้งสาวและสวย ขาวหมวยหน้าตาดี แรกๆก็ทดลองคบกัน มีความสุขดีทุกวัน ไม่บกพร่อง เธองามทั้งกายและใจ ขยันทำงาน มีความสามารถทำงานเก่ง ฐานะครอบครัวการเงินดีพร้อม”
ความรักดำเนินไปอย่างราบรื่น และเมื่อความรักสุกงอม เราทั้งสองเตรียมพร้อม ที่จะเข้าสู่ประตูวิวาห์ งานก็พร้อม เงินก็พร้อม เพื่อนฝูงก็เชียร์ พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายเห็นดีเห็นงาม
เขาวาดฝันถึงอนาคต งานแต่งงาน ของชำร่วย เรือนหอ เตรียมมองไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมที่จัดงานก็เล็งไว้แล้วเช่นกัน ฝ่ายหญิงมีคำถามที่ตั้งขึ้นเป็นประเด็นสำคัญ แต่งงานกันแล้ว เธออยากมีลูกน้อย จะหญิงก็ได้ จะชายก็ดี เธอถามฝ่ายชาย “โอเคมั้ย”
ฝ่ายชายรู้สึกอึดอัดใจ คำตอบมันติดอยู่ที่ลำคอ “ผมไม่อยากมีลูก” คำตอบนี้ทำเอาฝ่ายหญิง ถึงกับทำหน้างง “ทำไมถึงไม่อยากมี”
ตึกสูงระฟ้า หาใช่ใจคนจักสูงสง่าตามไม่ ทางด่วนสับสนวุ่นวาย ใช่ใจคนจักรู้พอไม่ โรงแรมหรู ธนาคารหลาก ศูนย์กลางด้านการเงินเด่นในโลก ใช่คนเหล่านี้จักไม่ทุกข์ และทั้งมวลนี้คือที่มาของการไปเยือน!?!
อาตมาได้รับเกียรติ เพราะโยมลูกศิษย์ชาวจีน เขานิมนต์ให้ไปชี้ทางออก บอกทางธรรม ให้กับญาติโยมพี่น้องคนจีน เมืองซ่างไห่หรือเซี่ยงไฮ้ ที่ร้องขอมา อาตมาให้แสงสว่างผ่านล่าม เพื่อแปลเป็นภาษาจีน จะได้สื่อสารให้เข้าใจ
เริ่มที่ ชายหนุ่มรายนี้ เขามีเรื่องราวที่น่าสนใจ อาตมาคิดว่าน่าจะเป็นอุทาหรณ์สอนใจญาติโยมคนหนุ่ม-สาวชาวไทยของเราได้บ้างไม่มากก็น้อย???
หนุ่มรายนี้ รูปหล่อหน้าตาดี ออกแนวตี๋ทันสมัย อายุประมาณ 30 ปี สีหน้าของโยมตี๋หล่อ ที่เข้ามาพบในวันนั้น สภาพดูอิดโรย เหมือนคนอมทุกข์ แววตาซึมเศร้า เหงาทรวง อย่างเห็นได้ชัด
เขาเล่าให้ฟังว่า “ผมมีชีวิตการงานดี การเงินดี แต่ความรักสะดุด เหมือนรถหยุดไฟแดง ที่ผ่านมาผมมีคนรัก เธอทั้งสาวและสวย ขาวหมวยหน้าตาดี แรกๆก็ทดลองคบกัน มีความสุขดีทุกวัน ไม่บกพร่อง เธองามทั้งกายและใจ ขยันทำงาน มีความสามารถทำงานเก่ง ฐานะครอบครัวการเงินดีพร้อม”
ความรักดำเนินไปอย่างราบรื่น และเมื่อความรักสุกงอม เราทั้งสองเตรียมพร้อม ที่จะเข้าสู่ประตูวิวาห์ งานก็พร้อม เงินก็พร้อม เพื่อนฝูงก็เชียร์ พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายเห็นดีเห็นงาม
เขาวาดฝันถึงอนาคต งานแต่งงาน ของชำร่วย เรือนหอ เตรียมมองไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมที่จัดงานก็เล็งไว้แล้วเช่นกัน ฝ่ายหญิงมีคำถามที่ตั้งขึ้นเป็นประเด็นสำคัญ แต่งงานกันแล้ว เธออยากมีลูกน้อย จะหญิงก็ได้ จะชายก็ดี เธอถามฝ่ายชาย “โอเคมั้ย”
ฝ่ายชายรู้สึกอึดอัดใจ คำตอบมันติดอยู่ที่ลำคอ “ผมไม่อยากมีลูก” คำตอบนี้ทำเอาฝ่ายหญิง ถึงกับทำหน้างง “ทำไมถึงไม่อยากมี”
“ผมไม่มีเหตุผล” แต่ผมคิดว่าการดำเนินชีวิตให้มีความสุข ไม่จำเป็นต้องมีลูก เราอยู่กันเพียงสองคน ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ทำไมต้องหาห่วงมาผูกคอ
นี่คือเหตุผลที่แท้จริงของฝ่ายชาย แต่ฝ่ายหญิงรู้สึกหดหู่ใจ เธออยากร้องไห้ เธอเสียใจ เธออยากมีลูกน้อยไว้อุ้มเล่นแก้เหงา เธออยากมีทายาท อยากมีเพื่อนในยามทุกข์ อยากให้ลูกเลี้ยงดูเธอยามแก่เฒ่า
ทั้งที่ความรักไม่มีอุปสรรคอะไร แต่แนวทางในอนาคต มันออกมาคนละมุม ทั้งคู่ก็เสียใจ สุดท้ายก็ต้องเลิกรา ห่างเหินกันไป ตามวันเวลา
ฝ่ายชายยืนยัน “ผมยังรอให้เธอพบคนใหม่ อยากเห็นเธอสมหวังในความรัก สมหวังในความปรารถนาที่อยากจะมีลูก ผมจะรอจนกว่าเธอพบคนใหม่ แล้วถึงค่อยมองหาคนใหม่เช่นกัน”
"หลวงพี่ครับ ผมทำอย่างนี้ คิดอย่างนี้ ผิดหรือไม่"
อาตมาตอบ...โยมทำถูกแล้ว การบอกฝ่ายหญิงไปตามตรงว่าไม่อยากมีลูก คือ การตัดสินใจถูกต้อง ดีกว่าแต่งงานแต่งการไปแล้ว ถึงไปบอกว่าไม่อยากมีลูก สุดท้ายก็ต้องเลิกรา กลายเป็นปมปัญหา อาจถึงขั้นทะเลาะเบาะแว้ง ต้องอย่าร้างเลิกรา พาลให้เสียเวลา เสียใจในภายหลัง
และการที่โยมยังรอให้เขาพบคนใหม่ แล้วค่อยมองหาคนใหม่ นี่คือสปิริตที่แท้จริงของลูกผู้ชาย
แต่วันนี้โยมยังมีหน้าตาที่อมทุกข์ โยมทุกข์เพราะเรื่องที่ยังรักเขาอยู่ ทุกข์เกิดขึ้นเพราะเราไม่ยอมรับความจริง
ควรทำใจให้สุข อะไรก็เกิดขึ้นได้ในชีวิต เราไม่รู้หรอก ยกตัวอย่างเช่น ความตาย ซึ่งมันจะมาถึงเมื่อไรเราก็ไม่รู้ ถึงเราไม่ตายคนใกล้ตัวเราอาจจะตายก็ได้
เพราะฉะนั้นชีวิตจึงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เรื่องความรักก็ไม่แน่นอน มันคล้ายโรคระบาด มันกระจายความทุกข์ไปทั่ว มันกระเพื่อมไหวตลอดเวลา สิ่งที่จะช่วยให้โยมมีความสุขได้ก็คือ ธรรมะ เพราะจะช่วยให้จิตใจของโยมมั่นคง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
โดยเฉพาะยามมีความทุกข์ มีความรัก อกหัก ใจขาดปัญญา คิดไม่ออกว่าจะเอาอย่างไรดีในชีวิต ธรรมะช่วยได้
กรณีของโยม เข้าข่าย ยังห่วงเขา ยังตัดไม่ลง ลึกๆยังคิดถึงอยู่ตลอดเวลา
และนี่ล่ะคือความทุกข์ มันมาได้เพราะใจเรายอมรับสภาวะที่กำลังปรากฏต่อหน้าต่อตาไม่ได้
เช่น คิดถึงมากมาย จนกลายเป็นความทุกข์ทางใจ โยมต้องยอมรับสภาพ การพบ การจาก การแยกทาง
ควรปล่อยวาง ไม่แบก ถ้าแบกรักไว้ ก็เท่ากับแบกความทุกข์ทางจิตใจไว้เต็มๆ
โยมจะต้องยอมรับความทุกข์ให้ได้ อย่าทุกข์ซ้ำอีก ยอมรับว่าจะต้องพลัดพรากจากคนที่รัก
และจะต้องเจอสิ่งที่ไม่รัก ให้คิดแบบนี้ ยอมรับความจริงว่าจะต้องผิดหวังในชีวิตบ้าง
ถ้าเรายอมรับความจริงได้ว่า ชีวิตมันเป็นเช่นนี้ ใจก็จะร่ม หน้าตาก็จะหายหม่นหมอง ให้คิดเสียว่า ทุกอย่างผ่านมาแล้วผ่านไปตลอดเวลา
เมื่อยอมรับความจริงตรงนี้ได้ ก็จะไม่ทุกข์ และที่ใจมันทุกข์เพราะมันไม่ยอมรับความจริง อยากฝืนความจริง เช่น อยากมีความสุขถาวร อยากสงบถาวร อยากดีถาวร อะไรดีๆ อยากจะให้ถาวร อะไรไม่ดีก็ไม่อยากให้มีถาวร อยากถาวรเหมือนกันแต่ถาวรในเชิงลบคือไม่มี
ถ้าโยมต้องการลดความอยาก โยมต้องหันมาหัดสวดมนต์ จะได้เกิดสมาธิ เกิดสติปัญญา ไม่ใช่เพื่อจะไม่ต้องพบความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพราก ความไม่สมหวัง แต่อาตมาให้โยมสวดมนต์ เพื่อให้เห็นความจริง
ความจริงในโลกนี้มันบกพร่องอยู่ตลอดเวลา มันไม่สมอยากเสมอไป มีแต่ความไม่สมอยากเกิดขึ้นตลอดเวลา อยากอย่างนี้มันไม่ได้ มันได้แป๊ปเดียว เดี๋ยวก็หายไปอยากอย่างอื่นอีก ในโลกนี้บกพร่องอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยเต็ม ไม่เคยอิ่ม
“ความสุข” มันเป็นของ “ชั่วคราว” แล้วเราจะไปเสียแรงรักษามันไว้ทำไม
“ความทุกข์” มันก็เป็นของ “ชั่วคราว” แล้วเราจะไปเสียแรงกำจัดมันทำไม
เมื่อเห็นความจริงอย่างนี้ แล้วเรายังจะแสวงหาความสุขถาวรที่ไม่มีจริงอยู่อีกหรือ จงใช้ชีวิตอย่างที่มันเป็น???
ในการดำเนินชีวิต จงจำไว้ว่า ต้องรู้จักพอ แม้เรื่องความรัก ก็ต้องทำใจให้รู้จักพอเช่นเดียวกัน เพราะโลกใบนี้ ไม่มีรักนี้ชั่วนิจนิรันดร์อย่างแน่นอน มีแต่พบเพื่อจาก เพื่อรอ Converse เพื่อรอปิดตำนาน วันที่ตายจากกัน ...ขอเจริญพร
นี่คือเหตุผลที่แท้จริงของฝ่ายชาย แต่ฝ่ายหญิงรู้สึกหดหู่ใจ เธออยากร้องไห้ เธอเสียใจ เธออยากมีลูกน้อยไว้อุ้มเล่นแก้เหงา เธออยากมีทายาท อยากมีเพื่อนในยามทุกข์ อยากให้ลูกเลี้ยงดูเธอยามแก่เฒ่า
ทั้งที่ความรักไม่มีอุปสรรคอะไร แต่แนวทางในอนาคต มันออกมาคนละมุม ทั้งคู่ก็เสียใจ สุดท้ายก็ต้องเลิกรา ห่างเหินกันไป ตามวันเวลา
ฝ่ายชายยืนยัน “ผมยังรอให้เธอพบคนใหม่ อยากเห็นเธอสมหวังในความรัก สมหวังในความปรารถนาที่อยากจะมีลูก ผมจะรอจนกว่าเธอพบคนใหม่ แล้วถึงค่อยมองหาคนใหม่เช่นกัน”
"หลวงพี่ครับ ผมทำอย่างนี้ คิดอย่างนี้ ผิดหรือไม่"
อาตมาตอบ...โยมทำถูกแล้ว การบอกฝ่ายหญิงไปตามตรงว่าไม่อยากมีลูก คือ การตัดสินใจถูกต้อง ดีกว่าแต่งงานแต่งการไปแล้ว ถึงไปบอกว่าไม่อยากมีลูก สุดท้ายก็ต้องเลิกรา กลายเป็นปมปัญหา อาจถึงขั้นทะเลาะเบาะแว้ง ต้องอย่าร้างเลิกรา พาลให้เสียเวลา เสียใจในภายหลัง
และการที่โยมยังรอให้เขาพบคนใหม่ แล้วค่อยมองหาคนใหม่ นี่คือสปิริตที่แท้จริงของลูกผู้ชาย
แต่วันนี้โยมยังมีหน้าตาที่อมทุกข์ โยมทุกข์เพราะเรื่องที่ยังรักเขาอยู่ ทุกข์เกิดขึ้นเพราะเราไม่ยอมรับความจริง
ควรทำใจให้สุข อะไรก็เกิดขึ้นได้ในชีวิต เราไม่รู้หรอก ยกตัวอย่างเช่น ความตาย ซึ่งมันจะมาถึงเมื่อไรเราก็ไม่รู้ ถึงเราไม่ตายคนใกล้ตัวเราอาจจะตายก็ได้
เพราะฉะนั้นชีวิตจึงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เรื่องความรักก็ไม่แน่นอน มันคล้ายโรคระบาด มันกระจายความทุกข์ไปทั่ว มันกระเพื่อมไหวตลอดเวลา สิ่งที่จะช่วยให้โยมมีความสุขได้ก็คือ ธรรมะ เพราะจะช่วยให้จิตใจของโยมมั่นคง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
โดยเฉพาะยามมีความทุกข์ มีความรัก อกหัก ใจขาดปัญญา คิดไม่ออกว่าจะเอาอย่างไรดีในชีวิต ธรรมะช่วยได้
กรณีของโยม เข้าข่าย ยังห่วงเขา ยังตัดไม่ลง ลึกๆยังคิดถึงอยู่ตลอดเวลา
และนี่ล่ะคือความทุกข์ มันมาได้เพราะใจเรายอมรับสภาวะที่กำลังปรากฏต่อหน้าต่อตาไม่ได้
เช่น คิดถึงมากมาย จนกลายเป็นความทุกข์ทางใจ โยมต้องยอมรับสภาพ การพบ การจาก การแยกทาง
ควรปล่อยวาง ไม่แบก ถ้าแบกรักไว้ ก็เท่ากับแบกความทุกข์ทางจิตใจไว้เต็มๆ
โยมจะต้องยอมรับความทุกข์ให้ได้ อย่าทุกข์ซ้ำอีก ยอมรับว่าจะต้องพลัดพรากจากคนที่รัก
และจะต้องเจอสิ่งที่ไม่รัก ให้คิดแบบนี้ ยอมรับความจริงว่าจะต้องผิดหวังในชีวิตบ้าง
ถ้าเรายอมรับความจริงได้ว่า ชีวิตมันเป็นเช่นนี้ ใจก็จะร่ม หน้าตาก็จะหายหม่นหมอง ให้คิดเสียว่า ทุกอย่างผ่านมาแล้วผ่านไปตลอดเวลา
เมื่อยอมรับความจริงตรงนี้ได้ ก็จะไม่ทุกข์ และที่ใจมันทุกข์เพราะมันไม่ยอมรับความจริง อยากฝืนความจริง เช่น อยากมีความสุขถาวร อยากสงบถาวร อยากดีถาวร อะไรดีๆ อยากจะให้ถาวร อะไรไม่ดีก็ไม่อยากให้มีถาวร อยากถาวรเหมือนกันแต่ถาวรในเชิงลบคือไม่มี
ถ้าโยมต้องการลดความอยาก โยมต้องหันมาหัดสวดมนต์ จะได้เกิดสมาธิ เกิดสติปัญญา ไม่ใช่เพื่อจะไม่ต้องพบความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพราก ความไม่สมหวัง แต่อาตมาให้โยมสวดมนต์ เพื่อให้เห็นความจริง
ความจริงในโลกนี้มันบกพร่องอยู่ตลอดเวลา มันไม่สมอยากเสมอไป มีแต่ความไม่สมอยากเกิดขึ้นตลอดเวลา อยากอย่างนี้มันไม่ได้ มันได้แป๊ปเดียว เดี๋ยวก็หายไปอยากอย่างอื่นอีก ในโลกนี้บกพร่องอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยเต็ม ไม่เคยอิ่ม
“ความสุข” มันเป็นของ “ชั่วคราว” แล้วเราจะไปเสียแรงรักษามันไว้ทำไม
“ความทุกข์” มันก็เป็นของ “ชั่วคราว” แล้วเราจะไปเสียแรงกำจัดมันทำไม
เมื่อเห็นความจริงอย่างนี้ แล้วเรายังจะแสวงหาความสุขถาวรที่ไม่มีจริงอยู่อีกหรือ จงใช้ชีวิตอย่างที่มันเป็น???
ในการดำเนินชีวิต จงจำไว้ว่า ต้องรู้จักพอ แม้เรื่องความรัก ก็ต้องทำใจให้รู้จักพอเช่นเดียวกัน เพราะโลกใบนี้ ไม่มีรักนี้ชั่วนิจนิรันดร์อย่างแน่นอน มีแต่พบเพื่อจาก เพื่อรอ Converse เพื่อรอปิดตำนาน วันที่ตายจากกัน ...ขอเจริญพร
*************************
เรื่องโดย : พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน)
เรียบเรียงโดย : บก.ไก่ วีรพล และทีมงานมงคลพระ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น