วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556

อัพเกรด "หลักสูตรพุทธ" สู่สากล เตรียม "อาเซียน"

มหาวิทยาลัยสงฆ์ขยับนำไทยพร้อมสู่ “ประชาคมอาเซียน” ปี 2558 ระยะเวลา 2 ปี หากเป็นเวลาแห่งการรอคอยก็คงจะยาวนาน แต่หากเป็น 2 ปีที่ต้องเร่งเครื่องเตรียมความพร้อมของประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนแบบเต็มรูปแบบ คงเป็นเวลาที่สั้นนิดเดียว และไม่ใช่เรื่องง่ายนัก

ปี 2558 คือ ปีที่ประเทศไทยต้องมีการดำเนินงานตามผลการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 12 ณ เมืองเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ ผู้นำอาเซียนได้ลงนามใน “ปฏิญญาเซบู” ว่าด้วยการจัดตั้งประชาคมอาเซียนขึ้นภายในปี 2558 ประกอบด้วยความร่วมมือ 3 ด้าน ได้แก่ 

ประชาคมการเมืองและความมั่นคง (APSC) 
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) 
และประชาคมสังคมและวัฒนธรรม อาเซียน (ASCC)

นั่นหมายถึงจากนี้ไปประเทศไทยจะเหลือเวลาเพียงไม่ถึง 2 ปี ที่หน่วยงานต่างๆจะต้องเตรียมความพร้อมรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

เพราะผลของการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนจะส่งผลต่อประเทศไทยในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม

หน่วยงานด้านการศึกษาถือเป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่เป็นหัวใจสำคัญ ในการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยเฉพาะในส่วนของการพัฒนาหลักสูตรต่างๆให้มีความเป็นสากล และสามารถดึงดูดนักศึกษาในประเทศแถบอาเซียนให้เข้ามาศึกษาต่อในประเทศไทย

และก็คงไม่เว้นแม้กระทั่งมหาวิทยาลัยสงฆ์อย่าง มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) และ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร.) ที่จะต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้เช่นกัน

พระสุธีธรรมานุวัตร คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ กล่าวว่า ด้านสังคมและวัฒนธรรม ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญในการยึดโยงประชาชนชาวอาเซียนให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ซึ่งในด้านนี้ได้รวมเอาเรื่องการศึกษา ศาสนา และประเพณีวัฒนธรรมของชาวอาเซียนแต่ละประเทศเข้าไว้ด้วย โดยในส่วนของบัณฑิตวิทยาลัย มจร.ก็ได้มีการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนไว้แล้ว ประกอบด้วย

1.ด้านหลักสูตร จัดหลักสูตรให้ผู้เรียนเข้าถึงความเป็นพุทธในเชิงวัฒนธรรมของชาวอาเซียน

2.ด้านการวิจัย ส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัยทางพระพุทธศาสนาระหว่างอาเซียนด้วยกัน

3.ด้านบุคลากร ส่งเสริมความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนบุคลากรทางพระพุทธศาสนา

4.ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ส่งเสริมให้มีเทคโนโลยีสารสนเทศที่เชื่อมโยง ข้อมูลข่าวสารด้านพระพุทธศาสนาระหว่างกลุ่มประเทศอาเซียน มีแหล่งข้อมูลทางวิชาการด้านพระพุทธศาสนาที่เป็นภาษาอาเซียนทุกภาษา

5.ด้านนิสิตนักศึกษา ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนนิสิตระหว่างสถาบันที่จัดการเรียนการสอนทางด้านพระพุทธศาสนา และส่งเสริมกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาร่วมกันระหว่างนิสิตภายในกลุ่มประเทศอาเซียน

ขณะที่ในส่วนของ มหาวิทยาลัยมหามกุฏฯ ก็เดินหน้าเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนแล้วเช่นกัน เริ่มจากการประชุม สมาคมมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาเถรวาทนานาชาติ ครั้งที่ 3 เมื่อช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการหารือเพื่อการพัฒนาหลักสูตรแกนกลางพระพุทธศาสนาเพื่อให้นำไปใช้ทำการเรียนการสอนในสถาบันอุดมศึกษาต่างๆในอาเซียนด้วย


พระอนิลมาน ธมฺมสากิโย รองอธิการบดีฝ่ายกิจการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยมหามกุฏฯ เล่าว่า ที่ประชุมดังกล่าวลงมติตรงกันว่าหลักสูตรแกนกลางของพระพุทธศาสนาควรประกอบด้วย 7 สาขาวิชา คือ

1.ประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนา 
2.ไตรปิฎกศึกษา 
3.กรรมฐานศึกษา 
4.ภาษาศาสตร์ศึกษา 
5.พุทธศาสนาของนิกายต่างๆ 
6.วิทยาศาสตร์ จิตวิทยา สังคมวิทยา 
7.พุทธศาสนาเพื่อสังคม 

โดยหลังจากนี้สถาบันการศึกษาด้านพระพุทธศาสนาจะต้องนำแนวทางของหลักสูตรนี้ไปพัฒนาเป็นหลักสูตรการเรียนการสอนด้านพระพุทธศาสนาของแต่ละสถาบันต่อไป ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของโลกที่มีการพัฒนาหลักสูตรแกนกลางพระพุทธศาสนาขึ้นมา

ทีมข่าวศาสนา มองว่า นับเป็นมิติใหม่ของการศึกษาพระพุทธศาสนา ที่มหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่งลุกขึ้นมาเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ทั้งยังพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนด้านพระพุทธศาสนาขึ้นใหม่ด้วย

และนับว่าเป็นโอกาสอันดีของมหาวิทยาลัยสงฆ์ในการเผยแผ่หลักสูตรทางด้านพระพุทธศาสนาไปยังชาวพุทธที่อยู่ในกลุ่มประเทศอาเซียนได้มากขึ้น

แต่สิ่งที่เราในฐานะพุทธศาสนิกชนอดห่วงไม่ได้ คือ หลักสูตรทางพระพุทธศาสนาที่ทางมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่งจะมีการพัฒนาขึ้น อาจจะมองและมุ่งเน้นความเป็นสากลรวมถึงการแข่งขันมากเกินไป โดยเฉพาะการมองแต่ด้านการตลาด ด้วยการหวังเพิ่มยอดผู้ใช้บริการหรือผู้เข้าเรียนจำนวนมากเป็นหลัก จนทำให้หลงลืมแก่นแท้ในการเรียนการสอนพระพุทธศาสนาที่มีเป้าหมายในการนำหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์มาสู่การเรียนรู้เพื่อให้เกิดสติและปัญญา ในการครองตนและอยู่ในสังคมโลกอย่างมีความสุข

ดั่งคำสอนของพระพุทธองค์ที่ว่า “มัชฌิมาปฏิปทา” การเดินสายกลาง ไม่สุดโต่งจนกู่ไม่กลับ คือสิ่งที่จะนำมาซึ่งปัญญาของพุทธศาสนิกชนโดยแท้


*************************

เรื่องโดย : ไทยรัฐออนไลน์
เรียบเรียงโดย : เต้ มงคลพระ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น