ความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบสถานการณ์ตั้ง วัดป่าขันติธรรม และสาขา ของหลวงปู่เณรคำ เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้สั่งการให้ นายวิรอด ไชยพรรณา พศจ.ศรีสะเกษ ให้ตรวจสอบสถานะสาขาของวัดป่าขันติธรรมทั้งที่อยู่ในประเทศและต่างประเทศ รวม 201 สาขา ว่ามีสถานะเป็นสำนักสงฆ์ที่ถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่ เนื่องจากขณะนี้ สถานะของวัดป่าขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ ยังต้องถูกตรวจสอบสถานะ เพราะมีการขอสร้างวัด แต่ไม่มีการสร้างเสนาสนะ และทำเรื่องขอตั้งวัดให้ถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้น การเปิดสาขาของวัดดังกล่าว จึงต้องมีสถานะที่ยังไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม หากวัดใดจะเปิดให้มีการจัดตั้งสาขา วัดดังกล่าว จะต้องมีใบจัดตั้งวัดอย่างถูกต้องและทำใบรับรองสาขานั้นๆ ด้วย แต่สาขาของวัดป่าขันติธรรม ไม่มีใบรับรองดังกล่าว จึงถือเรียกได้ว่า เป็นสำนักสงฆ์เถื่อน เรื่องนี้ไม่อาจละเว้นได้ เนื่องจากเป็นหน้าที่ของ พศ.โดยตรง หากมีการตรวจสอบแล้ว และมีหลักฐานแน่นอน ก็จะดำเนินการทางกฏหมายทันที
ทั้งนี้ สาขาของ วัดป่าขันติธรรม ที่มีการระบุว่า มีถึง 201 สาขา อาทิ 1.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 1 บ้านทรายมูล ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี พระวัฒนา เตชธโร ประธานสงฆ์ 2.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 2 บ้านตาเส็ด ต.บักดอง อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ พระยิน สันตจิตโต ประธานสงฆ์ 3.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 4 บ้านคำมันปลา ต.คำเขื่อนแก้ว อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี พระเสียน ติกขวีโร ประธานสงฆ์ 4.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 5 บ้านโนนคำพัฒนา ต.เจริญศิลป์ อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร พระอภิรักษ์ อภิฉันโท ประธานสงฆ์ 5.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 6 บ้านหนองฝาง ต.โพธิ์ใหญ่ อ.วารินชำราบ จ.อุบล ราชธานี พระเกษชัย โอภาโส ประธานสงฆ์ 6.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 8 บ้านห้วยเกตุ ต.วะตะแบก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ พระสุ่น กันตสีโล ประธานสงฆ์ 7.วัดป่าขันติบารม สาขาที่ 9 บ้านไร่ ต.บ้านไร่ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ พระจำรัส ถาวโร ประธานสงฆ์ 8.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 18 บ้านห้วยเป้า ต.ปากชม อ.ปากชม จ.เลย พระถวิล ยโสธโร ประธานสงฆ์ 9.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 19 บ.ตลาด ต.กุดน้ำใส อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ พระอิสระชัย เมธิโก ประธานสงฆ์ 10.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 88 บ.เขาคีรี ต.หัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี พระสมใจ สุจิตโต ประธานสงฆ์ 11.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 89 อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก 12.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 101 บ้านเขาคีรี ต.หัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี พระไพบูลย์ ฐิตปุญโญ ประธานสงฆ์ 13.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 201 บ้านแสนสุข ต.ทุ่งมหาเจริญ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว พระสุทธิ ปัญญาธโร ประธานสงฆ์ 14.วัดป่าขันติบารมีสาขาเลคเอลซินอร์ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา พระสวอน บัตรประโคน ประธานสงฆ์
ทั้งนี้ สาขาของ วัดป่าขันติธรรม ที่มีการระบุว่า มีถึง 201 สาขา อาทิ 1.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 1 บ้านทรายมูล ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี พระวัฒนา เตชธโร ประธานสงฆ์ 2.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 2 บ้านตาเส็ด ต.บักดอง อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ พระยิน สันตจิตโต ประธานสงฆ์ 3.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 4 บ้านคำมันปลา ต.คำเขื่อนแก้ว อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี พระเสียน ติกขวีโร ประธานสงฆ์ 4.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 5 บ้านโนนคำพัฒนา ต.เจริญศิลป์ อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร พระอภิรักษ์ อภิฉันโท ประธานสงฆ์ 5.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 6 บ้านหนองฝาง ต.โพธิ์ใหญ่ อ.วารินชำราบ จ.อุบล ราชธานี พระเกษชัย โอภาโส ประธานสงฆ์ 6.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 8 บ้านห้วยเกตุ ต.วะตะแบก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ พระสุ่น กันตสีโล ประธานสงฆ์ 7.วัดป่าขันติบารม สาขาที่ 9 บ้านไร่ ต.บ้านไร่ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ พระจำรัส ถาวโร ประธานสงฆ์ 8.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 18 บ้านห้วยเป้า ต.ปากชม อ.ปากชม จ.เลย พระถวิล ยโสธโร ประธานสงฆ์ 9.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 19 บ.ตลาด ต.กุดน้ำใส อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ พระอิสระชัย เมธิโก ประธานสงฆ์ 10.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 88 บ.เขาคีรี ต.หัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี พระสมใจ สุจิตโต ประธานสงฆ์ 11.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 89 อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก 12.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 101 บ้านเขาคีรี ต.หัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี พระไพบูลย์ ฐิตปุญโญ ประธานสงฆ์ 13.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 201 บ้านแสนสุข ต.ทุ่งมหาเจริญ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว พระสุทธิ ปัญญาธโร ประธานสงฆ์ 14.วัดป่าขันติบารมีสาขาเลคเอลซินอร์ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา พระสวอน บัตรประโคน ประธานสงฆ์
ส่วนกรณีมีข้อสงสัยว่า หลวงปู่เณรคำ หรือนามเดิมว่า วิรพล สุขผล สังกัดวัดใดนั้น ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง พระธรรมสิทธิเวที วัดสังเวชวิศยาราม ในฐานะกรรมการศูนย์ควบคุมการไปต่างประเทศสำหรับพระภิกษุสามเณร (ศ.ต.ภ.) เกี่ยวกับ การไปต่างประเทศของหลวงปู่เณรคำว่า มีสังกัดวัดใด เนื่องจากการขอไปต่างประเทศต้องมีวัดสังกัดที่ชัดเจนไม่เช่นนั้นไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ ซึ่งพระธรรมสิทธิเวที กล่าว ปัจจุบันยังไม่ทราบว่า มีรายชื่อพระวิรพล หรือหลวงปู่เณรคำเดินทางหรือไม่ แต่หากเป็นก่อนหน้านี้ ให้ไปตรวจสอบในเว็บไซต์ www.sortorpor.org หากมีการเดินทางก็จะพบรายชื่อดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวจึงได้ไปตรวจสอบในเว็บไซต์ ศ.ต.ภ. พบว่า ในลำดับที่ 628 มีชื่อของ พระวิรพล สุขผล วัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ จ.อุบลราชธานี ได้ผ่านการอนุมัติเดินทางไปต่างประเทศ ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2556 ด้วย ซึ่งสอดคล้องกับกระแสข่าวว่า หลวงปู่เณรคำ สังกัดที่วัดใต้พระเจ้าองค์ตื้อ ที่มีการเผยแพร่ออกมาก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ ยังได้ปรากฏคลิปกัณฑ์เทศน์ของหลวงปู่เณรคำขณะเทศน์ในพิธีวางศิลาฤกษ์สร้างมหาวิหารครอบองค์พระแก้วมรกตที่วัดป่าขันติธรรม ระบุวันที่ 11 - 16 เม.ย. 2554 ถูกนำมาโพสต์เผยแพร่ทางยูทูป ชื่อ “พิธีวางศิลาฤกษ์สร้างมหาวิหาร” ความยาว 1 ชม. 24 นาที 30 วินาที รวมทั้งคลิปเทศน์อื่นๆ อีกหลายคลิป ทำให้ผู้เข้าชมคลิปโพสต์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมต่างๆ นานา เกี่ยวกับเนื้อหาการเทศน์ว่า เป็นการ อวดอุตริมนุสธรรม (คุณวิเศษซึ่งมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถมีหรือเป็นได้) หรือไม่
เนื่องจากการละเมิดพระธรรมวินัยในข้อนี้ มีโทษถึงขั้น อาบัติปาราชิก โดยเฉพาะการที่หลวงปู่เณรคำกล่าวในการเทศน์ว่า ความเป็นมาของการสร้างมหาวิหารครอบองค์พระแก้วมรกตจำลองนั้น ได้ทำสมาธิจิตพูดคุยกับจิตวิญญาณที่สื่อสารกันได้ ประกอบกับได้นิมิตเห็นพระอินทร์มานิมนต์ให้นำพาญาติโยมร่วมกันสร้างพระแก้วมรกตขึ้นมา และคืนต่อมาก็นิมิตเห็นท้าวสุริยามรรคเทวราชมานิมนต์ให้สร้างมหาวิหารด้วย โดยท่านจะบำเพ็ญบารมีอุทิศที่จะดลบันดานด้วยบุญฤทธิ์ให้วิหารหลังนี้สามารถสร้างสำเร็จอย่างราบรื่น
หลวงปู่เณรคำเทศน์อีกตอนหนึ่งว่า “อาตมาก็นอนใจคอยดูเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นว่าจะเป็นจริงหรือเปล่าจนพระแก้วมรกตจำลองที่เราเห็นอยู่นี้ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์เหลือเพียงแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ และทองคำที่รับบริจาคก็เหลืออยู่อีกแค่พันกิโลเอง คือ เหลือไม่มาก รับบริจาคมา 2 ปีกว่าได้ 8,000 กิโลเศษๆ ฉะนั้นจึงเหลืออีกนิดเดียวก็จะครบ 9 พันกิโล อันนี้ก็ถือว่าเป็นมหาบารมีอันสูงสุด มีบางคนบอกว่าก็พระแก้วยังสร้างไม่เสร็จแล้วไปเปิดรับทองคำทำไม
ในแง่มุมความคิดของหลวงปู่ หลวงปู่จะมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลตั้งแต่เริ่มสร้างพระแก้วมรกตว่าถ้าเรารอให้สร้างเสร็จ เราไม่มีทองคำมาทำเครื่องทรงเรามัวมานั่งรอรับบริจาคอีกก็หลายปี แต่ถ้าเริ่มสร้างพระแก้วและรับบริจาคทองคำไปด้วยเลย เมื่อองค์พระเสร็จทองคำก็ครบพอดี สามารถทำเครื่องทรงให้เสร็จพร้อมกันได้ จากนั้นมาก็รับบริจาคทองคำจนได้ 8,000 กิโล ซึ่งปัจจุบันก็เหลืออีกแค่นิดเดียวก็จะครบ โดยเฉพาะในช่วงสงกรานต์นี้ได้รับถวายทั้งในกุฏิและในที่แห่งนี้ที่ญาติโยมได้ร่วมถวายกันตลอดก็ได้ 15 กิโลรวมทั้งหมด นี่ยังไม่ได้คัดของปลอมออก คาดว่าของปลอมน่าจะมี 2 กิโล”
ในคลิปเดียวกันหลวงปู่เณรคำเทศน์อีกว่า เมื่อเป็นดังนั้นแล้วท่านสิรุยามรรคผู้เป็นมหาราชจอมเทวดาที่สถิตอยู่ในสุคติภูมิโลกสวรรค์ชั้นยามา หรืออีกชื่อหนึ่งที่เรียกกันแต่หลวงปู่ชอบจะเรียกท่านว่าท้าวสุริยามรรค เรียกง่ายเพราะเวลาท่านมาฟังเทศน์ฟังธรรมก็จะเรียกอย่างนี้ ส่วนพระอินทร์ก็จะเรียกมหาราชจอมเทวดา เป็นอันว่า ผู้มานิมนต์ให้สร้างพระแก้วองค์นี้ไม่ใช่มนุษย์ เป็นมหาราชจอมเทวดา ก็คือพระอินทร์ หรือท้าวสักกะเทวราชมานิมนต์ในนิมิตขณะหลวงปู่อยู่ในกุสโลสมาธิจิตขั้นสูงสุด
แล้วเมื่อได้ดำเนินการสร้างมาท่านท้าวสุริยามรรคเทวราชมาเข้านิมิตอีกหลายๆ ครั้ง วันพระวันศีลที่หลวงปู่ไปที่ไหนเขาก็ตามไปฟังเทศน์ฟังธรรมแล้วนิมนต์ให้สร้างวิหารครอบองค์พระแก้ว เขาบอกมาเรียบร้อยเลยโยมบอกว่าวิหารหลังนี้พระคุณเจ้าผู้เจริญต้องให้มีความกว้างยาว 600 คูณ 600 เมตร อาตมาจึงเกิดความกังวลใจว่าแล้วรูปแบบเราจะทำอย่างไร ทั้งในแง่พุทธศิลป์และประติมากรรมร่วมสมัย
ท่านท้าวสุริยามรรคเทวราชก็บอกว่า พระคุณเจ้าไม่ต้องกังวลเลยเดี๋ยวข้าพเจ้าจะพาไปดูวิมานเก่าที่พระคุณเจ้าเคยมาสถิตอยู่ในยามาภูมินี้ อาตมาก็เลยอยากไปเห็นที่เคยมาเกิดในสุคติภูมิโลกสวรรค์ว่าเป็นอย่างไรบ้าง จึงรับปากรับคำว่าไปก็ไป เขาก็บอกว่าหลวงปู่เข้าไปจำวัตรในกฏิซิเดี๋ยวข้าพเจ้าจะพาไป เมื่ออาตมาไปนอนพักผ่อนแล้วก็ออกจากร่างลอยไปในอากาศแล้วมีราชรถทองคำวิ่งมาเร็วมากเหมือนเครื่องบิน แล้วเบรกลากล้อเอี๊ยด (เสียงญาติโยมหัวเราะ) อาตมาตกใจเลย แล้วนิมนต์ให้หลวงปู่นั่งบนราชรถทองคำโดยมีท่านท้าวสุริยามรรคเทวราชนั่งอยู่ด้านล่าง อาตมานั่งอยู่บนธรรมมาสน์ ท่านบอกให้หลับตาลงพอลืมตาขึ้นถึงแล้ว ถึงหน้าวิมานแล้ว โอ้อลังการโยมเอ๊ย ทำไมถึงวิจิตรพิสดารงดงามมาก
หลวงปู่ก็ถามว่า นี่หรือที่อาตมาเคยมาเกิดและตายอีกแห่งหนึ่ง ท่านตอบว่าใช่แล้วพระคุณเจ้า นี่แหละที่ท่านเคยมาเสวยทิพย์สมบัติที่นี่แม้ท่านจะไปเกิดที่ภพอื่นแต่วิมานยังอยู่ที่นี่ พวกข้าพเจ้ายังคอยมาสักการบูชาเฉกเช่นพุทธศาสนิกชนที่ไปวัดป่าขันติธรรมนั้นด้วย นอกจากนี้หลวงปู่เณรคำยังกล่าวถึงเด็กชายคนหนึ่งที่อยู่ในบริเวณพิธีนั้นว่า เด็กคนนี้เป็นเทวดามาเกิด เป็นเทวดาที่นำมาตนเข้ามาอยู่ในบ้านยางแห่งนี้จุติมาเกิดใหม่ พร้อมกับชี้มือให้ญาติโยมที่นั่งฟังเทศน์ได้หันไปดูเด็กชายดังกล่าว และยังชี้มือไปที่ นางลอน มนัส เจ้าของที่ดินที่บริจาคให้สร้างวัดขันติธรรม บอกให้ลุกขึ้นแสดงตัวว่าเป็นโยมอุปถัมภ์มาแต่ต้นอีกด้วย
เนื่องจากการละเมิดพระธรรมวินัยในข้อนี้ มีโทษถึงขั้น อาบัติปาราชิก โดยเฉพาะการที่หลวงปู่เณรคำกล่าวในการเทศน์ว่า ความเป็นมาของการสร้างมหาวิหารครอบองค์พระแก้วมรกตจำลองนั้น ได้ทำสมาธิจิตพูดคุยกับจิตวิญญาณที่สื่อสารกันได้ ประกอบกับได้นิมิตเห็นพระอินทร์มานิมนต์ให้นำพาญาติโยมร่วมกันสร้างพระแก้วมรกตขึ้นมา และคืนต่อมาก็นิมิตเห็นท้าวสุริยามรรคเทวราชมานิมนต์ให้สร้างมหาวิหารด้วย โดยท่านจะบำเพ็ญบารมีอุทิศที่จะดลบันดานด้วยบุญฤทธิ์ให้วิหารหลังนี้สามารถสร้างสำเร็จอย่างราบรื่น
หลวงปู่เณรคำเทศน์อีกตอนหนึ่งว่า “อาตมาก็นอนใจคอยดูเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นว่าจะเป็นจริงหรือเปล่าจนพระแก้วมรกตจำลองที่เราเห็นอยู่นี้ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์เหลือเพียงแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ และทองคำที่รับบริจาคก็เหลืออยู่อีกแค่พันกิโลเอง คือ เหลือไม่มาก รับบริจาคมา 2 ปีกว่าได้ 8,000 กิโลเศษๆ ฉะนั้นจึงเหลืออีกนิดเดียวก็จะครบ 9 พันกิโล อันนี้ก็ถือว่าเป็นมหาบารมีอันสูงสุด มีบางคนบอกว่าก็พระแก้วยังสร้างไม่เสร็จแล้วไปเปิดรับทองคำทำไม
ในแง่มุมความคิดของหลวงปู่ หลวงปู่จะมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลตั้งแต่เริ่มสร้างพระแก้วมรกตว่าถ้าเรารอให้สร้างเสร็จ เราไม่มีทองคำมาทำเครื่องทรงเรามัวมานั่งรอรับบริจาคอีกก็หลายปี แต่ถ้าเริ่มสร้างพระแก้วและรับบริจาคทองคำไปด้วยเลย เมื่อองค์พระเสร็จทองคำก็ครบพอดี สามารถทำเครื่องทรงให้เสร็จพร้อมกันได้ จากนั้นมาก็รับบริจาคทองคำจนได้ 8,000 กิโล ซึ่งปัจจุบันก็เหลืออีกแค่นิดเดียวก็จะครบ โดยเฉพาะในช่วงสงกรานต์นี้ได้รับถวายทั้งในกุฏิและในที่แห่งนี้ที่ญาติโยมได้ร่วมถวายกันตลอดก็ได้ 15 กิโลรวมทั้งหมด นี่ยังไม่ได้คัดของปลอมออก คาดว่าของปลอมน่าจะมี 2 กิโล”
ในคลิปเดียวกันหลวงปู่เณรคำเทศน์อีกว่า เมื่อเป็นดังนั้นแล้วท่านสิรุยามรรคผู้เป็นมหาราชจอมเทวดาที่สถิตอยู่ในสุคติภูมิโลกสวรรค์ชั้นยามา หรืออีกชื่อหนึ่งที่เรียกกันแต่หลวงปู่ชอบจะเรียกท่านว่าท้าวสุริยามรรค เรียกง่ายเพราะเวลาท่านมาฟังเทศน์ฟังธรรมก็จะเรียกอย่างนี้ ส่วนพระอินทร์ก็จะเรียกมหาราชจอมเทวดา เป็นอันว่า ผู้มานิมนต์ให้สร้างพระแก้วองค์นี้ไม่ใช่มนุษย์ เป็นมหาราชจอมเทวดา ก็คือพระอินทร์ หรือท้าวสักกะเทวราชมานิมนต์ในนิมิตขณะหลวงปู่อยู่ในกุสโลสมาธิจิตขั้นสูงสุด
แล้วเมื่อได้ดำเนินการสร้างมาท่านท้าวสุริยามรรคเทวราชมาเข้านิมิตอีกหลายๆ ครั้ง วันพระวันศีลที่หลวงปู่ไปที่ไหนเขาก็ตามไปฟังเทศน์ฟังธรรมแล้วนิมนต์ให้สร้างวิหารครอบองค์พระแก้ว เขาบอกมาเรียบร้อยเลยโยมบอกว่าวิหารหลังนี้พระคุณเจ้าผู้เจริญต้องให้มีความกว้างยาว 600 คูณ 600 เมตร อาตมาจึงเกิดความกังวลใจว่าแล้วรูปแบบเราจะทำอย่างไร ทั้งในแง่พุทธศิลป์และประติมากรรมร่วมสมัย
ท่านท้าวสุริยามรรคเทวราชก็บอกว่า พระคุณเจ้าไม่ต้องกังวลเลยเดี๋ยวข้าพเจ้าจะพาไปดูวิมานเก่าที่พระคุณเจ้าเคยมาสถิตอยู่ในยามาภูมินี้ อาตมาก็เลยอยากไปเห็นที่เคยมาเกิดในสุคติภูมิโลกสวรรค์ว่าเป็นอย่างไรบ้าง จึงรับปากรับคำว่าไปก็ไป เขาก็บอกว่าหลวงปู่เข้าไปจำวัตรในกฏิซิเดี๋ยวข้าพเจ้าจะพาไป เมื่ออาตมาไปนอนพักผ่อนแล้วก็ออกจากร่างลอยไปในอากาศแล้วมีราชรถทองคำวิ่งมาเร็วมากเหมือนเครื่องบิน แล้วเบรกลากล้อเอี๊ยด (เสียงญาติโยมหัวเราะ) อาตมาตกใจเลย แล้วนิมนต์ให้หลวงปู่นั่งบนราชรถทองคำโดยมีท่านท้าวสุริยามรรคเทวราชนั่งอยู่ด้านล่าง อาตมานั่งอยู่บนธรรมมาสน์ ท่านบอกให้หลับตาลงพอลืมตาขึ้นถึงแล้ว ถึงหน้าวิมานแล้ว โอ้อลังการโยมเอ๊ย ทำไมถึงวิจิตรพิสดารงดงามมาก
หลวงปู่ก็ถามว่า นี่หรือที่อาตมาเคยมาเกิดและตายอีกแห่งหนึ่ง ท่านตอบว่าใช่แล้วพระคุณเจ้า นี่แหละที่ท่านเคยมาเสวยทิพย์สมบัติที่นี่แม้ท่านจะไปเกิดที่ภพอื่นแต่วิมานยังอยู่ที่นี่ พวกข้าพเจ้ายังคอยมาสักการบูชาเฉกเช่นพุทธศาสนิกชนที่ไปวัดป่าขันติธรรมนั้นด้วย นอกจากนี้หลวงปู่เณรคำยังกล่าวถึงเด็กชายคนหนึ่งที่อยู่ในบริเวณพิธีนั้นว่า เด็กคนนี้เป็นเทวดามาเกิด เป็นเทวดาที่นำมาตนเข้ามาอยู่ในบ้านยางแห่งนี้จุติมาเกิดใหม่ พร้อมกับชี้มือให้ญาติโยมที่นั่งฟังเทศน์ได้หันไปดูเด็กชายดังกล่าว และยังชี้มือไปที่ นางลอน มนัส เจ้าของที่ดินที่บริจาคให้สร้างวัดขันติธรรม บอกให้ลุกขึ้นแสดงตัวว่าเป็นโยมอุปถัมภ์มาแต่ต้นอีกด้วย
*************************
เรื่องโดย : คมชัดลึกออนไลน์
เรียบเรียงโดย : เต้ มงคลพระ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น