17 มิ.ย. 2556 ที่ วัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม พร้อมด้วยผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.นครปฐม พร้อมกรรมการมูลนิธิหลวงพ่อพูล คณะกรรมการวัด ไวยาวัจกรวัด พระสงฆ์ และลูกศิษย์ ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน กรณีที่มีผู้ร้องเรียนมีรถหรูไว้ในครอบครองหลายคัน โดยพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ได้นำรถยนต์ยี่ห้อ จากัวร์ เพ็นเทอร์โบราณ ปี 1970 ทะเบียน กท. กก 1177 สีดำ 1 คัน พร้อมด้วยรถยนต์ตู้ 4 คัน รถยนต์กระบะฟอร์ด 1 คัน รถยนต์เก๋งโฟล์กเต่าโบราณ 1 คัน รถยนต์แวนยกสูง 1 คัน รถสูบสิ่งปฏิกูล 1คัน และรถ 6 ล้อบรรทุกน้ำ 1 คันซึ่งมีอยู่ในวัดมาจอดโชว์แถลงข่าวด้วย
พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ กล่าวว่า จากข่าวที่ปรากฏนั้น ในฐานะที่อาตมาเองเป็น หัวหน้าพระวินยาธิการจังหวัดนครปฐม (หัวหน้าตำรวจพระ) ขอยืนยันว่าที่ที่วัดไม่มีรถหรู มีแต่เพียงรถหลายคันทั้งรถตู้ รถกระบะ รถบรรทุก 6 ล้อ เป็นรถวัดบ้าง เป็นรถของลูกศิษย์บ้าง ส่วนรถยนต์ยี่ห้อจาร์กัวร์เพ็นเทอร์โบราณ ปี 1970 ทะเบียน กท. กก 1177 สีดำ คันนี้เป็นของอาตมาเองที่ญาติโยมถวายให้มาจากประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นรถโบราณยี่ห้อจากัวร์ฯ ปี 1970 กรณีที่เกี่ยวกับรถจากัวร์ทำให้อาตมาไม่สามารถอยู่นิ่งเฉยได้ จึงได้ออกมาชี้แจงให้ญาติโยมและลูกศิษย์ได้ทราบความเป็นไปที่แท้จริง
"เรื่องมีอยู่ว่าตอนที่อาตมาเดินทางไปที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปีพ.ศ.2554 โยมคนหนึ่งมีจิตศรัทธา ถวายรถโบราณยี่ฮ้อจากัวร์เพ็นเทอร์ให้อาตมา เพื่อนำกลับประเทศไทย โดยมีจุดประสงค์ที่จะให้มาตั้งโชว์ไว้ที่วัดไผ่ล้อม จากนั้นโยมคนดังกล่าวได้แยกชิ้นส่วนโดยนำเครื่องยนต์ขึ้นเรือมาหนึ่งลำ ส่วนตัวถังนำมาขึ้นเรืออีกลำหนึ่ง" พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ กล่าวและว่า
สำหรับวิธีการนำรถเข้าสู่ประเทศไทย ในกรณีของรถจดประกอบต้องผ่านกระบวนการเสียภาษีนำเข้าแก่ศุลกากร รวมทั้งภาษีสรรพสามิต โดยมีบริษัทที่เป็นโรงงานรับจดประกอบเป็นผู้ดำเนินการให้อย่างถูกต้อ ฉะนั้นจึงอยากให้ญาติโยมทุกคนมองสิ่งพวกนี้เป็นสิ่งสมมุติ อย่าไปยึดติดหรือหลง “รถคันนี้” ดีแก่ชนรุ่นหลัง ที่พวกเขาจะได้ศึกษาหาความรู้อย่างถ่องแท้ ดูให้เกิดปัญญา เห็นสัมผัสให้มีสติ มิได้ให้เกิดความ โลภ โกรธ หรือหลง เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ยลเป็นความรู้ นี่อุตส่าห์ไปบิณฑบาตถึงต่างประเทศ คิดว่าจะได้เจอเนื้อคู่ ไฉนเลยถึงกลับตาลปัตรเยี่ยงนี้ นี่มันผิดวัตถุประสงค์ของผู้ถวาย และผู้รับถวายอย่างชัดเจน
"อาตมาเป็นพระสงฆ์ และเป็นหัวหน้าตำรวจพระคงไม่กล้าเอาตำแหน่ง เอาชื่อเสียงที่ทำคุณประโยชน์ให้กับพระพุทธศาสนา สังคม การศึกษามาตลอกว่า 20 พรรษาที่บวชอยู่ในพระพุทธศาสนามาแลกกับสิ่งผิดทั้งกฎหมายและศีลธรรมแน่นอนทุกอย่างชี้แจงได้ แต่จนถึงวันนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดแจ้งมาให้นำเอกสารไปตรวจสอบ แต่หากจะมาขอรับเอกสารไปตรวจสอบก็พร้อมจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพราะไม่มีสิ่งผิดกฎหมายใดๆอยู่ในครอบครอง ส่วนการทรงเจ้าเข้าผีนั้นมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้วพระพุทธเจ้าบอกมาหลังพระพุทธเจ้าปรินิพานแล้วจะมีใครมาทำหน้าที่อะไรบ้าง 2,500 กว่าปีที่ผ่านมานี้ก็เป็นหน้าที่ของพุทธสานิกชน อุบาสถอุบาสิกา พระสงฆ์สามเณรทำนุบำรุงพระศาสนา และอีก 2,500 ปีต่อไปจะมีใครมาทำหน้าที่บ้าง ก็มีหมู่ทวยเทพเทวดาทั้งหลายที่ลงมา ตำหนักทรงอยู่ในวัดลูกศิษย์เป็นร่างทรงโดยกองทุนมูลนิธิหลวงพ่อพูล ไม่มีการเรียกร้องเงินทอง " พระครูปลัดสิทธิวัฒน์กล่าว
ขณะที่ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.นครปฐม กล่าวว่า การที่มีประชาชนร้องเรียนว่าพบพระสงฆ์ สะสมรถหรู ใช้ของแพง ๆ โดยมาจากการที่ลูกศิษย์จะเป็นผู้ซื้อถวาย ซึ่งตามหากพระสงฆ์รูปนั้นตั้งอยู่ในสมถะแล้ว มีรถหรูจอดอยู่ในกุฏิหลายสิบคัน ซึ่งหากพูดถึงวัดไผ่ล้อมก็อย่างที่เห็น พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ก็ตอบข้อสงสัยได้ชัดเจน รถแต่ละคันมีที่มาที่ไป โดยเฉพาะรถจากัวร์เพ็นเทอร์คันนี้
พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ กล่าวถึงกรณีที่มีพระสงฆ์ที่ทำตัวฟุ่มเฟือยว่า จะเข้าสุภาษิตที่ว่า จะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวทำ ถ้าหากพระสงฆ์ยังมีกิเลส มีความโลภ โกรธหลง สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือชาวโลกติเตียน เฉกเช่นอาตมาที่เป็นพระบวชมา 20 พรรษา สร้างวัด สร้างโรงเรียน สร้างโรงพยาบาลหมดเงินไป 400 ล้านบาทและยังมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนตลอดจนมอบอุปกรณ์การแพทย์ให้โรงพยาบาลและสิ่งก่อสร้างในวัด นี่เป็นสิ่งที่ชัดเจน ส่วนพระสงฆ์ที่ฟุ่มเฟือยนั้นต้องดูว่าเขาทำอะไรบ้าง โดยเฉพาะการฟุ่มเฟือยมี 2 ลักษณะคือการฟุ่มเฟือยเพื่อประโยชน์ส่วนรวม และฟุ่มเฟือยเพื่อประโยชน์ส่วนตน นี่คือสิ่งที่เห็นได้ชัดเจน แต่ทุกสิ่งทุกอย่างฟ้องด้วยภาพ อย่างเช่นตัวอาตมาถูกกล่าวหาว่ามีรถหรูหลายคัน ใครได้ยินได้ฟังก็ต้องว่าเป็นอย่างนั้นเลยแต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่
"ส่วนการเดินทางไปต่างประเทศนั้น อาตมาก็เป็นพระ อีกรูปหนึ่งที่ได้รับการนิมนต์ไปต่างประเทศบ่อย ซึ่งการเดินทางไปต่างประเทศนั้นต้องมีการได้รับการนิมนต์ก่อน ถ้าการเดินทางไปต่างประเทศโดยไม่ได้รับการกราบอารธนานิมนต์มา ถือว่าเป็นสิ่งไม่สมควร ซึ่งการเดินทางไปต่างประเทศแต่ละครั้งอาตมาจะเดินทางไปประกอบศาสนกิจให้กับผู้ที่กราบอารธนานิมนต์มา และแต่ละครั้งอาตมาก็ได้รับการถวายปัจจัยมาบูรณะและสร้างวัดไผ่ล้อมทีละมาก ๆ เลยทีเดียว ซึ่งไม่ใช่การเดินทางไปท่องเที่ยวหรือใช้จ่ายฟุ่มเฟือยแต่อย่างใด" พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ กล่าว
*************************
เรื่องโดย : คมชัดลึกออนไลน์
เรียบเรียงโดย : เต้ มงคลพระ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น