วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2555


พระเสาร์ คู่มิตร




วัดในประเทศไทยส่วนใหญ่มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ 

สำหรับวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม ก็มีอยู่หลายองค์ รวมถึงรูปเหมือนองค์เทพต่างๆ ด้วย ล่าสุดทางวัดได้จัดสร้างพระพุทธรูปเพิ่มอีก 1 องค์ นั่นก็คือ "พระปรก 9 เศียร" เพื่อให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บุญวัด

"พระครูปลัดสิทธิวัฒน์" เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อมกล่าวว่า วัดไผ่ล้อมได้ดำเนินการสร้างพระปรก 9 เศียรฉลองปีพุทธชยันตี มีศิษยานุศิษย์พระเดชพระคุณหลวงพ่อพูล เป็นเจ้าภาพใหญ่ แต่ก็เปิดให้พุทธศาสนิกชนทั่วไปได้ร่วมพิธีเททองในการสร้างครั้งนี้

พระที่สร้างเป็นพระพุทธรูปประธานปางนาคปรก 9 เศียร สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ขนาดหน้าตัก 29 นิ้ว สูง 2 เมตร เพื่อนำมาประดิษ ฐานไว้ ณ สวนอายุวัฒนมงคล 90 ปี หลวงพ่อพูลโดยมีพิธีเททองอย่างยิ่งใหญ่ไปแล้วเมื่อเร็วๆ นี้
สำหรับ "พระปรก 9 เศียร" นั้น ในหนังสือปฐมสมโพธิกถาของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโน รส ก็ดี หนังสือพุทธานุพุทธประวัติของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ก็ดี หนังสือพุทธประวัติทัศนศึกษาของพระธรรมโกศาจารย์ (ชอบ อนุจารีเถระ) ก็ดี และพระคันถรจนาจารย์อีกหลายท่านได้บรรยายเนื้อหาภาพพุทธประวัติในปางนี้เนื้อหาใจความใกล้เคียงกันว่า ในต้นสัปดาห์ที่ 6 หลังจากทรงตรัสรู้ พระพุทธองค์ทรงเสวยวิมุติสุข ณ มุจลินทพฤกษ์ (ไม้จิก) อันประดิษฐานทางปรา จีนทิศแห่งมหาโพธิพฤกษ์ประทับกระทำสมาธิอยู่ภายใต้ร่มไม้นั้นเป็นเวลา 7 วัน

ในกาลนั้นฝนได้ตกพรำอยู่ตลอด 7 วัน พญา นาคมีนามว่า "มุจลินทนาคราช" มีอานุภาพมากอยู่ในสระโบกขรณี ใกล้ต้นมุจลินท์นั้น มีความเลื่อมใสในพระศิริวิลาส พร้อมทั้งพระฉัพพรรณรังสีของพระพุทธองค์ เกรงว่าพระพุทธองค์จะเปียกฝน จึงขนดกายเป็น 7 รอบ แวดวงองค์พระศาสดาแล้วแผ่พังพานอันใหญ่ ปกป้องเบื้องบนพระอุตมังคศิโรตม์ หวังประโยชน์จะไม่ให้ฝนมากระทบต้องพระวรกาย

ครั้นล่วง 7 วันแล้ว ฝนหายขาด พญานาคก็คลายขนด จำแลงกายเป็นมาณพเข้าไปถวายอัญชลีเฉพาะพระพักตร์ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเปล่งอุทานว่า "ความสงัดเป็นสุข สำหรับบุคคลผู้มีธรรมอันเห็นแล้วยินดีอยู่ในที่อันสงัด รู้เห็นตามความเป็นจริง ความไม่เบียดเบียน ความสำรวมในเหล่าสัตว์ทั้งหลาย ความไม่พยาบาทปราศจากราคาทิกิเลส เหตุล่วงเสียซึ่งกามสุขในโลกนี้ และขจัดเสียซึ่งราคี คือ อัสมิมานะ ละขาดจากสันดานและสุขอันนั้น ก็จะได้รับบรมสุขเกษมสันต์ประเสริฐโดยแท้"

เมื่อเปล่งวาจาดังนี้แล้วก็ลุกจากโคนต้นมุจลินท์ไปสู่โคนไม้เกด

ข้อพิจารณาในเนื้อหานั้นนาคราชขนดกายรอบองค์พระศาสดา 7 รอบ และแผ่พังพานใหญ่ปกป้องเบื้องบนพระอุตมังคศิโรตม์ (ศีรษะ) (หากพิจารณาข้อความดังกล่าว แสดงว่าพระวรกายของพระพุทธเจ้าจะถูกบังด้วยขนด คงมองเห็นเพียงพระวรกายส่วนพระอุระ (อก) ขึ้นไปเท่านั้น แต่ภาพที่ปรากฏพระพุทธองค์จะนั่งบนขนดนาคราช สำหรับเศียรที่แผ่พังพานนั้น มีเพียงเศียรเดียวเท่านั้นภายหลังนักจิตรกรหรือประติมากรมักวาดหรือปั้น ให้เป็น 7 เศียรบ้าง 9 เศียรบ้าง

เข้าใจว่าน่าจะเป็นการวาดหรือปั้นให้เป็นธรรมา ธิษฐานดังนี้ 7 เศียร อาจเกิดมาจากความเชื่อที่ว่าเลข 7 มีส่วนเกี่ยวข้องกับพระ พุทธเจ้าในวาระสำคัญ เช่น วันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน เช่น ในวันประสูติ พระพุทธเจ้าทรงดำเนินได้ 7 ก้าว เมื่อเสด็จออกผนวชแสวงหาทางพ้นทุกข์ ได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ในปีที่ 7 หลังตรัสรู้แล้วทรงใช้เวลา 7 สัปดาห์ เสวยวิมุตติสุขบริเวณอัสสัตถโพธิ์พฤกษ์ที่ตรัสรู้ทั้งหมด 7 แห่ง แห่งละ 7 วัน

เมื่อมีพระชนมายุ 80 พรรษา ได้เสด็จดับขันธปรินิพพาน และเมื่อประมุขเจ้ามัลละจะทรงพยายามจุดไฟที่จิตกาธานเพื่อถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ แต่ไม่อาจจุดไฟให้ติดได้ แต่ทันทีที่พระมหากัสสปะได้เดินทางมาถึงและได้ถวายอภิวาทพระยุคลบาทพระพุทธเจ้าด้วยเศียรเกล้าเรียบร้อย จิตกาธานก็ติดไฟลุกโพลงขึ้นเองอย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งวันนั้นนับเป็นวันเสด็จดับขันธปรินิพพาน ครบ 7 วันบริบูรณ์ เป็นต้น

พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ กล่าวว่า ศิษยานุศิษย์พระเดชพระคุณหลวง พ่อพูลตั้งใจว่าจะทำบุญสร้างพระพุทธปรก 9 เศียร เพื่อฉลอง 2600 ปีพุทธชยันตี และเพื่อเป็นพระประธานในสวนอายุวัฒนมงคล 90 ปี หลวงพ่อพูลจึงได้ตัดสินใจสร้างพระประธานไว้ให้วัดไผ่ล้อมของเรา ทุกคน และที่สำคัญเพื่อให้ญาติโยมทั่วประเทศที่เดินทางมาท่องแดนธรรมวัดไผ่ล้อม ได้สักการบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลเพื่อสร้างขวัญกำลังใจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น