วันพุธที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2555

"พระวินยาธิการ" มือปราบมารศาสนา!!

"บ้าน" จะดี ต้องมีแม่พ่อ สอนสั่ง
"คน" จะดี เพราะมีผู้ใหญ่ สั่งสอน
"เมือง" จะงาม ต้องมีกฎหมาย เป็นครรลอง
"ศาสนา" จะเรืองรอง เพราะคงไว้ซึ่ง "พระวินัย"

"ตำรวจ" เป็น ผู้ดูแลความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง
ผู้ที่คอยตรวจตรา และตักเตือน พระภิกษุสามเณร คือ "พระวินยาธิการ"

วินยาธิการ คือ "เจ้าการพระวินัย" หรือภาษาปากว่า "ตำรวจพระ" หมายถึง พระภิกษุผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการตามพระวินัย เรียกเต็มว่า "พระวินยาธิการ"

พระวินยาธิการ ได้รับแต่งตั้งจากเจ้าคณะจังหวัด ให้มีหน้าที่ช่วยเหลือด้านการปกครองคณะสงฆ์ในจังหวัด โดยเฉพาะหน้าที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ด้านการปฏิบัติวินัยของพระภิกษุสามเณร

พระวินยาธิการ มีหน้าที่ตรวจตรา แนะนำ ชี้แจงระเบียบปฏิบัติ แก่พระภิกษุสามเณรในจังหวัด หรือที่เข้ามาในจังหวัด และ ตักเตือนบรรดาพระภิกษุสามเณร ที่มีความประพฤติไม่เรียบร้อย

การทำงานของ พระวินยาธิการ จะต้องประสานกับ 2 หน่วยงาน คือ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ การปฏิบัติหน้าที่ของพระวินยาธิการนั้น เปรียบเสมือน "แนวหน้า"ออกไปพบกับปัญหาก่อน ต้องออกไปตรวจดูพื้นที่อย่างน้อย 3-4 วันต่อสัปดาห์ หรือออกตรวจทุกวันได้ยิ่งดี โดยไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้นมาก่อน

เมื่อออกไปตรวจพื้นที่ หรือ พบพระผู้ประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้องในเขตใด จะต้องนำพระรูปนั้นไปพบเจ้าคณะผู้ปกครองเขตนั้น ๆ เพื่อให้เจ้าคณะเขตได้สอบสวนว่ามาจากที่ไหนอย่างไร เมื่อได้ข้อเท็จจริงแล้ว ก็อยู่ในดุลพินิจของเจ้าคณะเขตจะพิจารณาลงโทษต่อไป

จังหวัดนครปฐม ดินแดนที่เปรียบเสมือน 
"เมืองหลวง แห่ง พระพุทธศาสนา" นั้น

ผู้ปฏิบัติหน้าที่ หัวหน้าพระวินยาธิการ คือ "พระครูปลัดสิทธิวัฒน์" หรือ "หลวงพี่น้ำฝน" เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ผู้มีความมุ่งมั่นที่จะขจัดเหล่ามารศาสนาให้สิ้นไป

นอกจากการดูแลตรวจตราตามปกติ ที่ท่านถือปฏิบัติอยุ่เป็นประจำแล้ว หลายครั้งที่ท่านจะต้องออกไปปฏิบัติหน้าที่อย่าง "ถึงลูกถึงคน" จนเป็นที่รู้กันดีทั่วทั้งนครปฐมว่า ท่านเปี่ยมด้วยเมตตา แก่พระภิกษุผู้ปฏิบัติดี แต่ท่านจะไร้ซึ่งปราณี ต่อพระเก๊ที่ไร้วินัย

สาเหตุที่ท่านต้องดุดัน และจริงจังในการปฏิบัติหน้าที่ "หัวหน้าพระวินยาธิการ" นั้น 
ก็เพื่อหวังผลให้พระศาสนาสืบดำรง และคงไว้ซึ่งพระวินัย

เรียกได้ว่า หากใครคิดร้ายต่อพระศาสนา ต้องได้เจอดีจากหลวงพี่แน่นอน!!

ไม่ว่า "มารในคราบสงฆ์" นั้น จะหลบลี้หนีไกลสักเพียงไหน
แต่ก็ไม่เคยมีรายใด จะรอดพ้นจาก "มือปราบสงฆ์" นาม "หลวงพี่น้ำฝน" ไปได้สักราย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น