วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2556

จุดไฟในใจคน : กตัญญู


กตัญญู รู้คุณท่าน เป็นฐานราก

มีค่ามาก กว่าทุกสิ่ง อย่าทิ้งขว้าง

ทำให้คน ได้เป็นคน ค้นพบทาง

ช่วยสรรค์สร้าง มรรคผล เป็นคนดี

กตัญญู ต่อผู้ได้ ให้กำเนิด

จักประเสริฐ ยิ่งนัก เสริมศักดิ์ศรี

ตอบแทนท่าน ที่กล่อมเกลี้ยง เลี้ยงชีวี

พระคุณนี้ มีแต่ปลื้ม ยากลืมเลือน

กตัญญู ต่อครูบา อาจารย์ท่าน

วิชาการ สั่งสอนให้ หาใดเหมือน

อุ้มชูช่วย ด้วยรัก คอยตักเตือน

ไม่เปรอะเปื้อน ลุ่มหลง เดินตรงทาง

กตัญญู ต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์

ปฏิบัติ ตนให้เห็น เป็นตัวอย่าง

อันความชั่ว ทั่วถ้วน ควรละวาง

หันมาสร้าง แต่กรรมดี มิเสื่อมคลาย

กตัญญู ผู้มีคุณ อุดหนุนท่าน

เป็นรากฐาน อันยิ่งใหญ่ ไม่เสียหาย

กตัญญู กตเวที ที่บรรยาย

เป็นเครื่องหมาย ของคนดี ที่โลกชม

*************************

คนเราทุกคนเมื่อเกิดมาแล้ว ต้องมีความ กตัญญูกตเวที เป็นที่ตั้ง เพราะความกตัญญูเป็นสิ่งที่มีคุณค่า มีความประเสริฐสูงสุดในชีวิตมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม ทุกชั้นวรรณะ ไม่ว่าจะยากดีมีจน ทุกคนสามารถสร้างสรรค์ด้วยความกตัญญูได้ตลอดเวลา โดยไม่เลือกสถานที่ ทำได้ในทุกโอกาส ทุกเวลา ล้วนเป็นสิ่งที่ดีทั้งสิ้น!!!


“ความกตัญญูกตเวที” มีหลักใหญ่ใจความและองค์ประกอบสำคัญอยู่ 4 ข้อด้วยกันคือ ความขยัน ความซื่อสัตย์ ความอดทน และการรู้บุญคุณคน

การเริ่มต้นของความกตัญญูนั้น ควรเริ่มจากเด็กๆ เยาวชนของเราก่อนเป็นอันดับแรก โดยสิ่งที่ควรปลูกฝังในข้อที่ 1 คือ ความขยัน ทุกคนต้องเริ่มจากการขยันในการทำงาน ขยันในการเรียนรู้ โดยเฉพาะเรื่องการศึกษาหาความรู้ เพราะความรู้คือปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้อนาคตดำเนินไปในทิศทางที่ดี และควรหมั่นเพียรมุ่งมั่น ด้วยความบริสุทธิ์ใจ มิใช่ขยันเพียงเพื่อเอาหน้า หรือให้ใครได้รับรู้เพียงเปลือกกระพี้เท่านั้น!!!

ขยันในที่นี้ต้องเกิดจากความตั้งใจจริง เมื่อตั้งใจจริงย่อมหมายถึงความกตัญญู ที่ไม่เสแสร้ง แกล้งทำ เป็นการบ่งบอกให้รู้ถึงธาตุแท้ของใจที่ใฝ่ดี และรักดีนั่นเอง!!!

ข้อที่ 2 คือ ความซื่อสัตย์ ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ ถ้ามีความซื่อสัตย์สุจริต ย่อมมีแต่คนสรรเสริญ ที่สำคัญต้องมุ่งกระทำโดยปราศจากกลโกงหรือเล่ห์เหลี่ยม

การงานทุกสิ่งจะเจริญก้าวหน้า มีความปรารถนาดี ไม่หลอกลวงต้มตุ๋นผู้อื่น งานในวิชาชีพดำเนินไปอย่างไร้ข้อกังขา สามารถตรวจสอบได้ ประเทศชาติบ้านเมืองหรือในองค์กร ก็จะราบรื่น ไม่มีข้อสะดุดสงสัยให้ต้องกังวลใจ ทำให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ เพราะเมื่อซื่อสัตย์จริงใจต่อกัน ก็ได้ชื่อว่ามีความกตัญญูรู้คุณต่อหน้าที่การงาน โดยเฉพาะในสิ่งที่ได้รับการมอบหมาย ทุกสิ่งทุกอย่างถูกต้องโปร่งใส ไร้มลทิน นี่คือความซื่อสัตย์อันก่อเกิดจากความกตัญญูรู้คุณอย่างแท้จริงนั่นเอง

ข้อที่ 3 คือ ความอดทน เมื่อมีความขยัน มีความซื่อสัตย์ ก็ต้องรู้จักอดทน เพราะความอดทนถือเป็นหัวใจสำคัญของความกตัญญู เพราะการจะทำความดีนั้น ต้องใช้เวลา และต้องเจอกับอุปสรรคปัญหาต่างๆมากมาย แม้เหนื่อยยากเพียงไร ถ้าใจมีความอดทน สิ่งที่ว่าหนักหรือยากที่สุด ก็จะกลายเป็นเรื่องง่าย เพราะใจและกายของเรามีความอดทน

ข้อที่ 4 คือ การรู้บุญคุณคน นั้น ถือเป็นข้อสุดท้ายที่รวมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ เพราะการรู้บุญคุณคน ต้องประกอบไปด้วย ความขยัน ความซื่อสัตย์ ความอดทน นี่คือสิ่งที่ต้องมีอยู่ในหัวใจ ต้องช่วยกันอบรมบ่มนิสัยเด็กๆเยาวชนให้เข้าใจและรู้ซึ้งถึงสิ่งต่างๆเหล่านี้

และให้จำไว้เลยว่าบุคคลที่สมควรแสดงความกตัญญูก่อนเป็นอันดับแรกก็คือ พ่อ แม่ เพราะไม่มีใครในโลกนี้เกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่ ลูกทุกคนต้องมีแม่เป็นผู้ให้กำเนิดด้วยกันทั้งสิ้น

“ลูกทุกคนเกิดขึ้นมา เป็นตัวตนได้ทุกวันนี้ ก็เพราะมีพ่อแม่”

สิ่งที่ลูกๆทุกคนควรประพฤติปฏิบัติต่อพ่อแม่ ก็คือ เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ควรช่วยเหลือกิจการงานของท่าน ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กหรืองานใหญ่ ควรเอาใจใส่ดูแล ขอให้ทำด้วยความตั้งใจ ไม่ใช่ทำแบบขอไปที หรือทำเพียงเพื่อเอาหน้า หวังเพียงคำชื่นชม หรือคำสรรเสริญเยินยอจากผู้อื่นเพียงเท่านั้น

ลูกทุกคนต้องดูแลพ่อแม่ ด้วยสติปัญญาที่มีแต่ความปรารถนาดี มีความเคารพในบุพการีอย่างแท้จริง การเลี้ยงดูท่านเมื่อยามเฒ่าชรา ปรนนิบัติรักษา หุงหาอาหารการกิน ดูแลเรื่องที่อยู่หลับนอนของท่านให้สะดวกสบาย และเอาใจใส่ช่วยเหลือเมื่อท่านเจ็บป่วย นี่คือประเด็นสำคัญ เพราะถ้าท่านชราแล้ว ย่อมต้องการ การดูแล เมื่อเรี่ยวแรงหมดไป อีกทั้งมีโรคภัยไข้เจ็บมาเยือน พ่อแม่จะหันหน้าไปพึ่งใคร ถ้าไม่ใช่ลูกของตนเอง!!!

ให้ลูกๆ คิดไว้เสมอว่า ยามเราเด็ก ท่านก็เลี้ยงดูเรา เมื่อท่านแก่ เราก็ต้องเลี้ยงดูท่าน เพราะคนแก่ก็เหมือนเด็ก ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ลูกทุกคนต้องมองมุมกลับ อย่าคิดเพียง ให้ผ่านพ้นไปวันๆ ต้องสร้างขวัญและกำลังใจให้ท่านสม่ำเสมอ เพราะคนแก่ไม่มีอะไรดีเท่ากับการสร้างกำลังใจให้ท่าน สร้างความสุขให้ท่าน วันเวลาเมื่อเหลือน้อยลงแล้ว ทุกคนต้องตาย แต่การตายด้วยความสุขใจนั้น เป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ทุกคนปรารถนา

ฉะนั้นลูกที่ดี จึงต้องมีความกตัญญูรู้คุณต่อ พ่อแม่ ผู้ให้กำเนิด เพราะถ้าเราไม่มีพ่อแม่ เราก็ไม่สามารถเกิดขึ้นมาได้ ลูกทุกคนต้องพึงสังวรและจดจำ ต้องคอยเตือนตนอยู่เสมอว่า ในหนึ่งชีวิตของเราที่เกิดขึ้นมาได้นั้น มีพ่อมีแม่ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น!?!

พ่อแม่ คือผู้ที่มีพระคุณสูงสุดในชีวิตของลูกทุกคน ลูกที่ดีต้องตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ เลี้ยงดูท่าน ในยามที่ท่านแก่ชรา ปลายทางของชีวิตคงไม่มีอะไรดีเท่ากับการได้อยู่ใกล้ชิดลูกหลาน ถ้าได้ลูกหลานดี ท่านก็นอนตายตาหลับ

เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ก็ควรจัดพิธีศพให้ท่าน และทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ท่านอย่างสม่ำเสมอ และในความเป็นจริงแม้เราจะตอบแทนพระคุณท่านถึงเพียงนี้แล้ว ก็ยังนับว่าเล็กน้อยมาก ถ้าเทียบกับพระคุณอันยิ่งใหญ่ที่ท่านมีต่อเรา

ความกตัญญูที่เรามีต่อพ่อแม่ สิ่งที่เห็นผลชัดเจนก็คือ ทำให้ชีวิตครอบครัวมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง กลายเป็นคนที่มีความอดทน มีสติรอบคอบ มีเหตุมีผล ทำให้พ้นจากทุกข์ภัย ลูกที่มีความกตัญญู ก็จะมีแต่โชคดี ทำกิจการงานใดมีลาภผลทวีคูณอย่างน่าอัศจรรย์!!!!

สิ่งที่เห็นผลชัดเจน คือได้รับการยกย่องสรรเสริญจากสังคม ใครพบเห็นก็จะเมตตาอุ้มชู เพราะการกระทำความดีต่อพ่อแม่นั้น ย่อมส่งผลสะท้อนภายในพริบตา เป็นความชัดเจนในเรื่องของกระทำ ที่มิได้หวังผลตอบแทน เป็นอานิสงส์ที่เกิดจากใจ ส่งผลให้พอมีลูก ก็จะได้ลูกที่ดี ครอบครัวที่มีแต่ความสุข อบอุ่น เกิดกำลังใจ และสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนรุ่นหลังได้ถือปฏิบัติตามอีกด้วย

บุคคลสำคัญคนต่อมาที่สมควรตอบแทนบุญคุณท่านเป็นอย่างยิ่งคือ ครูบาอาจารย์ เพราะท่านคือผู้ที่อบรมบ่มวิชา ให้ความรู้สั่งสอน เขียน อ่าน เพื่อให้รู้เท่าทันโลก เท่าทันคน สามารถนำวิชาความรู้ไปประกอบอาชีพได้สำเร็จ สามารถเลี้ยงตนเองและครอบครัว ได้อย่างตลอดรอดฝั่ง ครูคือผู้สร้างความฝัน สร้างอนาคต สร้างตำนานให้แก่ศิษย์ทุกคน

ครู คือผู้ที่มีพระคุณรองลงมาจากพ่อแม่

ครู คือผู้ที่สานต่อจากพ่อแม่ ในด้านการอบรมสั่งสอน เพาะบ่มให้เป็นคนดี

และลูกศิษย์ที่ดี ก็ควรนึกถึงครูบาอาจารย์ ไปเยี่ยมไปหา ดูแลปรนนิบัติบ้างถ้ามีโอกาส ถ้ามีโอกาสตอบแทนบุญคุณท่าน ไม่ว่าจะเป็นทางใดก็แล้วแต่ล้วนเป็นสิ่งที่ดีงามทั้งสิ้น หรืออย่างน้อยควรเริ่มต้นจากการตั้งใจเรียน อยู่ในห้องเรียนก็ควรเชื่อฟังท่าน เพราะสิ่งที่ท่านสอนสั่งเรานั้น ล้วนเป็นวิชาความรู้ที่ดีและมีประโยชน์ต่ออนาคตของเราทั้งสิ้น

ความกตัญญูที่ศิษย์ ควรมีต่อครูบาอาจารย์นั้น ทำได้หลากหลายกรณีด้วยกัน โดยเฉพาะการประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดี ไม่เกเร เป็นคนดีของสังคม สร้างคุณประโยชน์ด้วยความเสียสละ

เมื่อเรารู้จักตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ครูบาอาจารย์แล้ว มีอีกสิ่งหนึ่งที่ถือว่าสำคัญไม่แพ้สิ่งอื่นใดคือ ประเทศชาติ คนเราเมื่อเกิดขึ้นมาพอเติบใหญ่มีการมีงานทำ สิ่งที่ควรปฏิบัติคือ ต้องเสียภาษีให้กับรัฐบาล เพราะนี่คือหน้าที่ของพลเมืองดี ที่ควรมีต่อประเทศชาติ การเป็นพลเมืองดี ไม่ทำผิดกฎหมาย อุทิศตนสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์ ต่อสังคมชุมชนท้องถิ่น ช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อม รักษาความสะอาดบ้านเรือน ก็ถือว่าเป็นการกตัญญูต่อประเทศชาติได้แล้วเช่นกัน

ทุกวันนี้คนเราชอบเลี่ยงภาษี ชอบทำผิดกฎหมายบ้านเมือง นี่คือจิตสำนึกของความกตัญญูที่ไม่มีอยู่ในหัวใจ ยังไม่ถ่องแท้ในความรักชาติ การรู้จักหน้าที่ถือเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าชาติอยู่รอด เราก็อยู่รอด ถ้าชาติเจริญ เราก็ย่อมเจริญไปด้วย นี่คือหลักคิดง่ายๆของความกตัญญูที่ควรมีต่อประเทศชาติ

และอีกหนึ่งความกตัญญูที่อยู่คู่กับคนไทยมานานแสนนาน คือ ความกตัญญูต่อพระพุทธศาสนา

ในฐานะที่พวกเราเป็นคนไทย เป็นชาวพุทธโดยกำเนิด ควรแสดงความนับถือศรัทธา ตั้งมั่นอยู่ในศีลในธรรม โดยเฉพาะศีล 5 ควรปฏิบัติให้ได้ ถึงแม้จะไม่ครบ แต่ก็ควรทำให้ได้มากที่สุด

หัวใจสำคัญของศาสนาทุกศาสนา ล้วนสอนให้ทุกคนเป็นคนดี มีความตั้งมั่นในการทำความดีที่อยู่ในกรอบของศีลธรรมความเชื่อ ที่เห็นผลจากการกระทำทั้งสิ้น!!!

สุดท้ายมหามงคลสูงสุดแก่ชีวิตทุกคน คือ ความกตัญญูต่อองค์พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งทุกพระองค์ล้วนมีพระมหากรุณาทุกคนต่อพวกเราเป็นอย่างมาก

สิ่งที่พสกนิกรสมควรปฏิบัติคือ การแสดงความจงรักภักดี ต่อพระองค์ท่าน จะด้วยทางใดก็ตาม ล้วนมีคุณค่าและประเสริฐสุด ความกตัญญูต่อพระมหากษัตริย์ หรือในหลวงของเรานั้น มีความหมาย เป็นมงคลสูงสุดแก่ชีวิต และมีประโยชน์ต่อชีวิตของพวกเราเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องของความรู้รักสมัครสามัคคี

“คนไทยที่รักเคารพเทิดทูนในหลวง ต้องมีความสมานฉันท์” มิใช่ทำเพียงแต่ปาก หรือเพียงคำพูดเท่านั้น ต้องลงปฏิบัติอย่างจริงจัง และมุ่งทำให้สัมฤทธิ์ผล เพราะความรักใคร่ปองดองของคนในชาตินั้น มีความสำคัญสูงสุดต่อประเทศของเรา คนไทยถ้าไม่รักประเทศชาติเสียแล้ว จะให้ใครมารักมาสนใจ พวกเราต้องเตือนใจไว้เสมอว่า พวกเราต้องเป็นคนดีที่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ด้วยความสัตย์จริง

ด้วยการนำกระแสพระราชดำรัสมาประพฤติปฏิบัติให้ได้ โดยเฉพาะเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดี ในการดำรงชีวิตของคนไทยเป็นอย่างมาก และเหมาะสมกับประเทศไทยของเรา นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

“ความกตัญญู คือเครื่องหมายของคนดี”

เป็นภาพตัวอย่างของความดี ที่ทุกคนสามารถทำได้ ไม่ใช่เรื่องยากแต่ประการใด เพียงขอให้ใจมุ่งมั่น รู้จักผิดชอบชั่วดี เข้าถึงแก่นแท้ของความเสียสละ ไม่ยึดประโยชน์ส่วนตน!!!

“โดยอุทิศแรงกายแรงใจในการช่วยเหลือผู้คน นี่ก็ถือเป็นความกตัญญู”

การดูแลช่วยเหลือซึ่งกันและกันนั้น ต้องทำอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเราคิดที่จะสงสารหรือเมตตาใคร จะทำด้วยสติปัญญา หรือกำลังทรัพย์ก็ตาม นั่นย่อมถือเป็นการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีไว้ในสังคม

การดูแลเอาใจใส่ด้วยความเมตตา นั่นก็คือความกตัญญู แม้จะดูไม่มากมาย แต่ก็เป็นเครื่องหมายแห่งการให้ใจ ที่แลกด้วยน้ำใสใจจริง ไม่อิงผลประโยชน์ ไม่หวัง ไม่มุ่งให้ต้องมาตอบแทน เป็นการทำทุกอย่าง ทุกเรื่องอย่างเข้าถึงจิตใจผู้อื่น

“ผลพวงจากจุดนี้ย่อมเกิดเป็นความสุขใจ ทั้งผู้ให้และผู้รับค่อนข้างชัดเจน”

การเป็นผู้ให้โดยไม่หวังผลตอบแทนนั้นคือความกตัญญู ที่รู้ด้วยตัวเราเอง โดยไม่ต้องให้ใครมาสรรเสริญเยินยอ เป็นการรังสรรค์ที่เกิดมาจากจิตสำนึก โดยไม่ต้องการชื่อเสียง ไม่ต้องการประกาศให้ใครได้รับรู้ แต่รู้ด้วยตัวของเราเอง เป็นการสอนตัวเองด้วยธาตุแท้แห่งใจที่มุ่งมั่นกระทำแต่สิ่งที่ดีงาม

“ผลสะท้อนจากจุดนี้ คือความสบายใจที่ได้กตัญญู”

สรุปคือ หัวใจสำคัญของความกตัญญู เป็นบ่อเกิดทำให้คนเป็นคนดี มีความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน ไม่คิดทำร้ายใคร ซื่อสัตย์สุจริต ขยันหมั่นเพียร อดทนจริงใจ

ถ้าประพฤติปฏิบัติอย่างต่อเนื่องแล้ว ชีวิตก็จะมีแต่ความสุข มีกำลังใจที่ดี เป็นคนที่มีคุณภาพที่ดีต่อสังคม และเมื่อเรามีความกตัญญูแล้ว ก็ควรรู้ซึ้งถึงความพอดี ในการดำเนินชีวิต ถ้าชีวิตมีความพอดี วิถีแห่งอนาคตย่อมสดใส ชีวิตของทุกคนย่อมเดินหน้าสู่ความสำเร็จสมประสงค์ ในการประกอบอาชีพการงาน อีกทั้งยังเป็นการสานต่ออนาคตให้เจริญรุ่งเรืองได้ดีตลอดไปอีกด้วย

*************************



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น