วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2556

จุดไฟในใจคน : บุญไม่มีขาย ถ้าอยากได้ ต้องทำเอง

คำโบราณกล่าวไว้ว่า "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" หรือตนต้องพึ่งตน นั้นสำคัญที่สุด ในยุคนี้อย่าหวังให้ใครมาช่วยเหลือ โดยไม่หวังผลตอบแทน แม้แต่ญาติสนิทมิตรสหาย บางทีพี่น้องด้วยกันแท้ๆ ยังพึ่งไม่ได้... นี่ก็คือความจริง ที่ปรากฏในสังคมปัจจุบัน

ฉะนั้นถ้ามีโอกาสควรเร่งสะสมบุญ เพราะบุญไม่ใช่ของที่จะมาซื้อขายกันได้ง่ายๆ การสร้างบุญเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด “บุญนั้นคือแก่นแท้ในทางพระพุทธศาสนา”

“การทำบุญ” 
ทำให้เราเกิดความสบายใจ ทำแล้วเกิดประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม เกิดประโยชน์โดยตรงต่อผู้ที่ได้รับ และบุญนั้นไม่มีขาย ถ้าอยากได้ทุกคนต้องเร่งทำเอาเอง และที่สำคัญผู้คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า การทำบุญต้องใช้เงินทองเป็นตัวชี้นำ

แต่ในความเป็นจริงแล้ว เกิดจากแรงศรัทธา ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเพียงอย่างเดียว เราสามารถใช้การกระทำที่เป็นการแสดงออก ถึงการทำบุญได้เช่นกัน เพราะบุญคู่กับการกระทำทั้งทางกายและจิตใจ ต้องคิดดี ทำดี ทำสม่ำเสมอ โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ส่วนผลที่ได้รับกลับมานั้นแน่นอนที่สุดคือความสบายใจ



ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราเห็นคนแก่คนเฒ่า ร่างกายไม่แข็งแรง อายุขัยโรยราไปตามวัย เมื่อท่านรอจะเดินข้ามถนนด้วยท่าทางงกๆ เงิ่นๆ เมื่อเราเห็นก็ควรแสดงน้ำใจ โดยเข้าไปช่วยเหลือพยุงท่าน...พาเดินข้ามถนน การกระทำเช่นนี้ถือเป็นสิ่งที่ดีมากๆ ใครเห็นก็ชื่นชม และที่สำคัญควรทำด้วยจิตใจที่เคารพและเมตตา แสดงออกถึงความเป็นคนมีน้ำใจดี

สิ่งที่เห็นเป็นรูปธรรมในเบื้องต้นคือ คนแก่ก็จะให้ศีลให้พร ขอบอกขอบใจ อวยพรให้มีความเจริญรุ่งเรือง เช่น “ไอ้หนูเอ้ยขอให้มีความสุขความเจริญนะลูก ขอให้ร่ำรวย ขอให้การงานก้าวหน้า ขอให้ร่างกาย แข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วย”

เท่านี้บุญก็จะเกิดขึ้นในทันที!!! เพราะถือว่าผู้หลักผู้ใหญ่ได้ให้พร ถือเป็นพรอันประเสริฐ เราในฐานะผู้รับพรนั้นก็จะมีแต่ความสุขความเจริญยิ่งๆขึ้นไป

ประเด็นนี้เห็นผลชัดเจนว่า บุญนี้ปรากฏขึ้นโดยไม่ต้องใช้เงินหรือปัจจัยแม้แต่บาทเดียว การตั้งใจแม้เพียงการกระทำเท่านั้นก็จะสัมฤทธิ์ผลทันตาเห็น ที่สำคัญต้องทำจากจิตใจที่บริสุทธิ์ ซึ่งเกิดจากส่วนลึกจากข้างในเป็นอันดับแรก...ใจที่ดีเกิดจากการหมั่นทำ หมั่นสร้างให้เคยชิน ทำให้เป็นนิสัย ทำให้เป็นสันดานที่ดี ทำให้เกิดเป็นความเคยชินก็จะเกิดประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมอย่างมหาศาล

การสร้างบุญนั้นอย่าไปยึดติดหรือหลงงมงายและอย่าหวังผล โดยหวังให้บุญกุศลนั้นกลับคืนมา อย่าทำโดยหวังได้สิ่งตอบแทน อย่าหวังลมๆแล้งๆ และอย่างมงายกับสิ่งที่เรายังไม่เคยเห็น หรือสัมผัส โลกเราทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ตกต่ำตามสภาพจิตใจ...คนส่วนใหญ่มักถูกหลอกให้ทำบุญ ทั้งๆที่ไม่เคยรู้เลยว่า บุญจริงๆนั้นมีรูปร่างหน้าตาเป็นเช่นไร แต่ก็หลงใหลได้ปลื้มไปกับบุญจอมปลอม…โดยเชื่อว่าทำบุญแล้วจะได้ขึ้นสวรรค์ ไม่ตกนรก จะเจริญก้าวหน้า อยู่ดีมีสุข นี่คือความหวัง มิใช่บุญที่แท้จริง

บุญแท้ๆ นั้นควรเกิดจากการกระทำ อย่างเช่น เราไปปล่อยนกปล่อยปลา ก็ถือเป็นการให้อิสระกับสัตว์เหล่านั้น หรือถ้าคิดย้อนมาที่ตัวเรา ถ้าใครนำเราไปขัง นำไปทรมาน เราก็ไม่ชอบ ไม่มีความสุข มีแต่ความกังวลใจและไม่มีใครชอบเช่นกัน เพราะทำให้ทุกข์ทรมาน ขาดอิสรภาพ เกิดความลำบากยากแค้นทั้งทางกายและจิตใจ 

ฉันใดก็ฉันนั้นสัตว์เมื่อโดนกักขัง หน่วงเหนี่ยว หรือทำให้ทรมาน ย่อมมีแต่ความเศร้าหมอง เจ็บปวด ร้าวราน แต่ถ้าเรานำสัตว์ไปปล่อยให้อยู่ตามธรรมชาติ ชีวิตเขาก็จะมีความสุขตามที่ต้องการ และที่สำคัญเราในฐานะคนปล่อยเขาให้เป็นอิสระ ก็จะเกิดความสุขใจ จิตใจสบาย มีแต่ความอิ่มเอม มีใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส อย่างที่หลายคนชอบพูดว่า หน้าตาอิ่มบุญนั่นเอง

นี่เป็นหลักคิด หลักปฏิบัติง่ายๆ ที่ไม่แฝงอะไรให้ซับซ้อน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ควรเกิดขึ้นกับทุกครอบครัว และควรเริ่มจากที่บ้าน ถ้าบ้านดี ครอบครัวดี ชีวิตประจำวันดี ครอบครัวก็มีความสุข อย่างเช่น ในบ้านของเราถ้ามีคนแก่ มีผู้สูงอายุ มีพ่อแม่ปู่ย่าตายาย เราก็ควรให้การดูแลปรนนิบัติรับใช้ท่านด้วยความเต็มใจ เพราะท่านอายุมากแล้ว ร่างกายย่อมไม่แข็งแรง ด้วยอ่อนแอไปตามวัย เราในฐานะที่ยังหนุ่มสาว ร่างกายแข็งแรงมีกำลังวังชามากกว่า ควรช่วยเหลือดูแล ป้อนข้าวป้อนน้ำให้อาหารท่าน โดยไม่แสดงความรังเกียจ เพราะตอนเด็กๆ ท่านก็เคยดูแลเราในลักษณะนี้เช่นกัน

ฉะนั้นควรดูแลเลี้ยงดูพ่อแม่ปู่ย่าตายายด้วยความเคารพ แสดงความกตัญญูด้วยความจริงใจ ชีวิตจะเกิดความสุข มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง อานิสงส์ของ “กำลังใจ กำลังบุญ” จะบังเกิดขึ้นได้นั้น ต้องทำด้วยความเต็มใจเป็นสำคัญ ปัญหาสังคมทุกวันนี้ผู้คนส่วนใหญ่ มักโดนหลอกให้เชื่อในเรื่องของการทำบุญกันมาก ถูกให้ทำโดยไม่เต็มใจและหลงไปกับการกระทำแบบผิดๆ

หลายคนเสียเงินเสียทองแต่ไม่เกิดประโยชน์อะไร??? แทนที่จะได้ความสบายใจ กลับได้ความทุกข์กลับไป ยิ่งคนที่มีจิตใจอ่อนแออยู่แล้ว เมื่อมีปัญหาชีวิตก็มักจะเกิดอาการสับสน และเมื่อถูกหลอกให้ไปทำบุญแบบผิดๆ อย่างเช่นการทรงเจ้าเข้าผี ก็ยิ่งทำให้แย่ไปกันใหญ่ พาให้ทุกข์หนักเพิ่มขึ้น ครอบครัวเสียหาย ผัวเมียทะเลาะกัน บางบ้านจนอยู่แล้วกลับทำให้จนหนักยิ่งขึ้น เพราะถูกหลอกให้ทำในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร

ฉะนั้นการทำบุญนั้น ควรทำด้วยความเต็มใจ ทำอย่างถูกต้อง ถูกที่ถูกทาง โดยการช่วยเหลือผู้คนที่ตกทุกข์ได้ยาก ช่วยเหลือดูแลคนเฒ่าคนแก่ เลี้ยงดูพ่อแม่ ปล่อยนกปล่อยปลา ช่วยเหลือสัตว์ให้เป็นอิสรภาพ และประพฤติปฏิบัติทำแต่สิ่งที่ดี คิดแต่สิ่งที่ดี ซึ่งนับเป็นวิธีการง่ายๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปทำที่ไหน เริ่มทำที่บ้าน ทำกับคนในครอบครัวทำกับ พ่อแม่ อานิสงส์นี้จะบังเกิดเป็นรูปธรรม แค่นี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับคำว่า “บุญ”

นี่คือตัวอย่างของการทำบุญ ซึ่งจริงๆ แล้วยังมีอีกมากมายที่ทุกคน สามารถเลือกทำได้ ทุกวาระโอกาส บุญทำได้ตลอดเวลา ไม่เลือกเวลาและสถานที่ 

ท้ายสุดนี้ขอให้ทุกคนหมั่นสร้างความดี อะไรที่เราคิดว่าทำดีแล้ว ก็จะก่อเกิดเป็นบุญขึ้นมาและจะพาให้เรามีแต่ความสุขทั้งกายและจิตใจ สมกับคำว่า “บุญไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง”

การทำบุญที่ดีนั้น ควรทำให้ใจสบาย และต้องใช้วิจารณญาณบวกกับความพยายามอยู่บ้าง เสมือนหนึ่งการ “ฝนทั่งให้เป็นเข็ม” ที่ต้องอาศัยความมุมานะ ตั้งอกตั้งใจ วางกรอบชีวิตให้ดีอย่างมีระบบระเบียบแบบแผน มีวินัย ชีวิตก็จะมีแต่ความสุขสมหวัง อันเป็นอานิสงส์ผลบุญที่ทำด้วยใจที่มานะ เพราะความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่นอย่างแน่นอน

*************************





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น