วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

คอลัมน์ : แวดวงมงคลพระ (กันยายน)


"รวบรวมทุกข่าวสาร แห่งวงการพระศาสนา" 

******************

นับเป็นประวัติศาสตร์อีกครั้งกับผลงานการสร้างสรรค์ "วัตถุมงคลรุ่นมรดกรัตนโกสินทร์" ของวัดอินทร์ ถิ่นบางขุนพรหม ต้นตำรับพระเครื่องยอดนิยมสาย สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ซึ่งมีศิษย์เอกนาม หลวงปู่ภู เป็นผู้สืบสานตำนานความขลัง ไม่ว่าจะสร้างกี่ครั้งก็ดังทุกรุ่น เปี่ยมด้วยพุทธคุณความศักดิ์สิทธิ์ 

มรดกรัตนโกสินทร์ รุ่นนี้ชื่อดี-พิธีดี-เจตนาการสร้างดี แถมเจ้าพิธีฝีมือดี จึงเป็นวัตถุมงคลมีดี ที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด เพราะแค่เพียงเปิดให้จับจองเป็นเจ้าของ ก็มีกระแสความศรัทธาอย่างล้นหลาม นักสะสมต่างถามถึง ผู้คนหลั่งไหลไปเช่าบูชาที่วัดไม่ขาดสาย 

พิธีมหาพุทธาภิเษกยิ่งใหญ่สไตล์วัดอินทร์ บางขุนพรหม โดยระดมพระมหาเถระ พระผู้ใหญ่ ครูบาเมืองเหนือ พ่อท่านเมืองใต้ หลวงพ่อ-หลวงปู่ เกจิอาจารย์ดังยุคปัจจุบัน รวมพลังกันนั่งปรกอธิษฐานจิตในวันแรง เสาร์ 5 วันที่ 5 เดือน 5 ปี 2555 ตรงกับวันฉัตรมงคล 5 พ.ค.2555 ณ มณฑลพิธีหน้าองค์หลวงพ่อโต พระพุทธรูปปางประทับยืนทรงบาตรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จโตดำเนินการก่อสร้างไว้เมื่อปีพุทธศักราช 2470 สร้าง 4 รูปแบบเท่านั้นคือ พระสมเด็จ, พระพิมพ์นางพญา, พระกริ่ง และพรหมพักตร์ (เศียรพระพรหม) บูชาได้แล้วที่วัดอินทรวิหาร และที่ทำการไปรษณีย์

******************

เมื่อเร็วๆ นี้ หลวงปู่บุญหนา ธัมมทินโน เจ้าอาวาสวัดป่าโสตถิผล อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร หนึ่งในพระคณาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐาน ศิษย์ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ได้อธิษฐานจิตปลุกเสก วัตถุมงคลรุ่นบูชาครู ได้อนุญาตให้ พระสมบูรณ์ ฐานสมฺปนฺโน (พระเต๋า) พระอุปัฏฐากและพระเลขาฯ เป็นผู้จัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นนี้ขึ้น เพื่อรำลึกถึงครูบาอาจารย์ และเป็นที่ระลึกในโอกาสเจริญอายุวัฒนมงคลครบ 81 ปี โดยมีคณะศิษย์ผู้มีจิตศรัทธาร่วมออกทุนในการจัดสร้าง

รูปแบบที่สร้างคือ พระนาคปรกใบมะขาม บุญทวี พระกริ่ง-ชัยวัฒน์ชินบัญชรฉลองอายุ 81 ปี สมเด็จสมปรารถนา ชุดเบญจภาคี พระขุนแผนทรงพลใหญ่ พระชินราชใบเสมา พระนาคปรก ว่าน 108 และ พระปิดตาปลดหนี้ ท่านท้าวมหาพรหม, แม่นางกวัก และ เหรียญเจ้าพ่อละเลิงหวาย 

วัตถุมงคลรุ่นนี้ถือว่ามีความชัดเจนในการจัดสร้าง ทั้งเจตนาของผู้สร้าง เจตนาของผู้ออกทุนร่วมสร้าง มีการระบุจำนวนการสร้างที่แน่นอน โดยทาง พระสมบูรณ์ ฐานสัมปันโน (พระอุปัฎฐากของหลวงตาบุญหนา) ได้ให้จัดพิมพ์หนังสือยืนยันจำนวนการจัดสร้าง แจกพร้อมกับวัตถุมงคลชุดนี้ เพื่อเป็นการยืนยันว่าเป็นรุ่นสุดท้ายที่ท่านอนุญาตให้จัดสร้าง

******************

ของดีที่ไม่ควรพลาด "พระกริ่งธรรมวงศานุวัตร" มงคลอายุ 3 รอบ 36 ปี พระครูปลัดธรรมวงศานุวัตร วัดแค อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ขนาดฐานกว้าง 1.5 เซนติเมตร สูง 3 เซนติเมตร เนื้อทองคำ, เนื้อเงิน, เนื้อนวโลหะเต็มสูตร, เนื้อทองทิพย์ ตอกโค้ด มีหมายเลขกำกับ สืบชนวนจาก พระกริ่งขุนแผน พระกริ่งนเรศวรยุทธหัตถี, พระกริ่งอู่ทอง, พระกริ่งบัวรอบวัดแค, แผ่นจารยันต์จากพระเกจิอาจารย์ อาทิ 
เจ้าคุณธงชัย วัดไตรมิตร, 
พระเทพสุวรรณโมลี วัดป่าเลไลยก์, 
หลวงพ่อรวย วัดตะโก, 
หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน, 
หลวงปู่นาม วัดน้อยชมพู่, 
หลวงปู่นิ่ม วัดพุทธมงคล เป็นต้น

อีกแบบคือ "เหรียญพระพิราพ" อสูรเทพผู้คุ้มครอง ขจัดภยันตราย สำเร็จ สมหวัง ขนาดบูชา เนื้อทองเหลืองรมดำ กว้าง 7 นิ้ว สูง 10 นิ้ว ใต้ฐานอุดผงฝังตะกรุดเงินมหาเศรษฐี มหาอำนาจ ตอกโค้ดและหมายเลข, เหรียญพระพิราพ ด้านหลังยันต์นะหน้าทองมหานิยม เนื้อทองคำ, เนื้อเงินรมดำ, เนื้อทองแดงรมดำ พิธีเทวาภิเษกในพิธีไหว้ครูประจำปี 2555 เมื่อวันที่ 14 ก.ค.2555

******************

ปี 2555 ถือว่าเป็นปีที่เป็นมงคล หลวงปู่บุญมา ปภากโร พระเกจิ อาจารย์ดังแห่งวัดถ้ำโพงพาง ต.หาดทรายรี อ.เมือง จ.ชุมพร มีอายุครบ 86 ปี ได้รวบรวมชนวนมวลสาร แผ่นยันต์ แผ่นจาร และโลหธาตุที่เป็นมงคล เครื่องใช้สำริด ทองคำโบราณ ฐานพระบูชา เหรียญพระเกจิอาจารย์เก่านำมาเททองหล่อหลอม และท่านได้อนุญาตให้ศิษย์สร้าง "วัตถุมงคลรุ่นเจริญพร" ขึ้น ประกอบด้วย รูปเหมือนปั๊ม, รูปหล่อโบราณ, เหรียญจอบ และ ปรกใบมะขาม

วัตถุมงคลทุกรายการจะตอกโค้ด และมีหมายเลขทุกองค์ จัดสร้างด้วยเนื้อทองคำ เงิน นวโลหะ สำริด พิธีพุทธาภิเษกเมื่อวันที่ 12 ก.ค.2555 ณ มณฑลพิธีวัดถ้ำโพงพาง จ.ชุมพร ร่วมบุญบูชาได้ที่วัดถ้ำโพงพาง รายได้สร้างพระอุโบสถ และปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุภายในวัด

******************

วัตถุมงคลสร้างใหม่กระแสสั่งจองมาแรงมาก "พระกริ่ง 155 ปี" สร้างขึ้นวาระครบ 155 ปี แห่งสมเด็จพระสังฆราช (แพ) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำปัจจัยรายได้มาบูรณปฏิสังขรณ์ ตำหนักสมเด็จพระสังฆราช (แพ) ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 200 ปี ที่มีสภาพชำรุดทรุดโทรม ต้องหางบฯมาปฏิสังขรณ์และจัดตั้งให้เป็น พิพิธภัณฑ์อริยเจ้าแห่งวัดสุทัศน์ อันจะเป็นประวัติจารึกคู่แผ่นดินตลอดไป ปัจจัยอีกส่วนหนึ่งนำไปพัฒนาความรู้การศึกษาปริยัติธรรม-บาลี ของพระภิกษุสามเณร ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 4 

สำหรับพิธีมหาพุทธาภิเษก พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ และพระพุทธชินราชอินโดจีนย้อนยุค 155 ปี ประสูติกาลเจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (แพ ติสสเทวมหาเถร) วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 ก.ค.2555 ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 8-8 ปี 2555 ณ มณฑลพิธีวัดสุทัศน์ สนใจสั่งจองบูชาวัตถุมงคล 155 ปี สมเด็จพระสังฆราช (แพ) ติดต่อได้ที่วัดสุทัศน์

******************

ตั้งแต่เปิดให้มีการบูชาวัตถุมงคลที่เซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขาทั่วประเทศ มีหลายรุ่นได้รับความนิยม อาทิ พระสมเด็จพิมพ์วัดระฆัง รุ่นมหาลาภ หลังหนุมาน ดำเนินการจัดสร้างโดย มูลนิธิอภิญญาจารย์ วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง สมทบทุนมูลนิธิอภิญญาจารย์ พิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดระฆังโฆสิตาราม มี พระธรรมธีรราชมหามุนี ประ ธานจุดเทียนชัย พระพรหมสุธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ประธานดับเทียนชัย

พระสมเด็จพิมพ์วัดระฆัง รุ่นมหาลาภ ถือว่าเป็นสุดยอดแห่งจักรพรรดิพระเครื่องเมืองไทย พระพิมพ์สมเด็จวัดระฆัง หลังประทับรูปสัตว์ รุ่นมหาลาภ จัดสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยได้รวบรวมผงพระสมเด็จเก่า วัดระฆังฯ, เกษไชโยและบางขุนพรหม ที่แตกหัก ชำรุด เสียหาย, ดินขี้กรุ, ดินกรุ, ผงวิเศษ 5 ประการ พระเก่า อิฐเก่า กำแพงเพชร และมวลสารมงคลอื่นๆ มี 6 พิมพ์ทรง คือ พระสมเด็จหลังครุฑ, พระสมเด็จหลังไก่, พระสมเด็จหลังปี่เซียะ, พระสมเด็จหลังหนุมาน, พระสมเด็จหลังน้ำเต้าคู่ และพระสมเด็จหลังลายกอบหมาก 

******************

"พระกริ่งสัมมาอะระหัง สตังค์มาเยอะๆ" รุ่นรวยทรัพย์ วัดนาคกลางวรวิหาร แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ วัตถุประสงค์เพื่อสมทบทุนในการเททองหล่อหลวงปู่ทวด เพื่อรวบรวมทุนในการบูรณะศาลาปฏิบัติธรรม เพื่อสมทบทุนในการเททองหล่อพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ผ่านพิธีมหาชัยมังคลาเทวาพุทธา ภิเษกสมโภช ณ พระอุโบสถวัดนาคกลางวรวิหาร

******************

เครื่องรางของขลัง "หยดน้ำมหานิยม" จัดสร้างโดย คณะกรรมการลงทุนพัฒนาวิปัสสนากรรมฐาน วัดหลวงสุมังคลาราม จ.ศรีสะเกษ วัตถุประสงค์เพื่อสมทบทุนสร้างกุฏิสำนักวิปัสสนาปภาโสวัดป่าบ้านหนองไฮ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ สมทบทุนสร้างกุฏิศาลาอเนกประสงค์สำนักปฏิบัติธรรม วัดป่าบ้านหนองโน อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ สมทบก่อสร้างวิหารหลวงปู่ศรีวัดหลวงสุมังคลาราม อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ตั้งกองทุนการศึกษาพระภิกษุ-สามเณร ผ่านพิธีพุทธาภิเษก-เทวาภิเษก ณ อุโบสถวัดเหนือ จ.ร้อยเอ็ด โดยมี "พระราชธรรมานุวัตร" ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานจุดเทียนชัย

******************

"เหรียญพุทธซ้อน" หลวงพ่อทวด-หลวงพ่อพรหม ฉลุลายยกองค์ รุ่นเจริญพรสรงน้ำ จัดสร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมสมทบทุนสร้างวิหารหลวงพ่อทวด วัดพลานุภาพ ต.ทุ่งพลา อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี รวมทั้งเป็นทุนช่วยเหลือสาธารณกุศลและมอบวัตถุมงคลใหเแก่ข้าราชการ ทหาร-ตำรวจ ที่ปฏิบัติภารกิจในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อความเป็นสิริมงคล

******************

เหรียญพิมพ์หยดน้ำ รุ่น "รักบ้านเกิด" หลวงปู่สรวง เจ้าอาวาสวัดถ้ำพรหมสวัสดิ์ ต.ช่องสาริกา อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี วัตถุประสงค์การจัดสร้างเพื่อบูรณปฏิสังขรณ์ วัดอำนาจ วัดเหล่าขวาว และวัดโคกเลาะ ใช้ในการประกอบกิจของสงฆ์และชาวบ้านต่อไป ดังคำกล่าวของหลวงปู่สรวงที่ว่า 'การได้เกิดเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนาถือว่าเป็นลาภอันประเสริฐ ฉะนั้นจงอาศัยร่างกายนี้ บำเพ็ญบุญกุศลให้มากๆ จะได้ไม่เสียทีที่เกิดเป็นมนุษย์และพบพระพุทธศาสนา'

******************

ห้วงนี้มีวัตถุมงคลสร้างใหม่เปิดให้ร่วมบุญบูชา และสั่งจองกันอย่างคึกคัก หยิบมาแนะนำ เริ่มกันที่ ท้าวเวสสุวัณมหาราช รุ่น บันดาลทรัพย์ มหาราชแห่งสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ตำนานปฐมบทแห่งการบูชาเพื่อปกป้องคุ้มครองจากพิบัติภัยภยันตรายทั้งปวง และอีกหนึ่งตำนานของราชาแห่งโชคลาภ บันดาลทรัพย์ จัดสร้างโดย พระครูสังฆรักษ์กฤษณะ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ศรัทธาธรรม (วัดบางชัน) กรุงเทพฯ วัตถุประสงค์เพื่อทำนุบำรุงเสนาสนะ สมทบทุนการศึกษาพระภิกษุ-สามเณร

******************

เหรียญหล่อ และ รูปหล่อลอยองค์พระพุทธชินราช รุ่น จอมราชันย์ จัดสร้างโดย บริษัท สยามปุระ จำกัด ร่วมกับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุฯ สมทบทุนสร้างวัดใหม่ในการอุปถัมภ์ของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ และ โครงการเพชรยอดมงกุฎ แข่งขันทางวิชาการ

สำหรับ พระพุทธชินราช รุ่นที่มาตรฐานและรู้จักกันดีก็คือ รุ่น อินโดจีน ปี 2485 ที่สร้างถึง 84,000 องค์ ถือว่าเมื่อเปรียบเทียบกับคนไทยสมัยนั้นนับว่ามีจำนวนมาก แต่ปัจจุบันองค์สวยๆ ราคาหลายแสนบาท อย่างไม่สวยก็อย่างน้อยใกล้หมื่นบาท รุ่นอินโดจีนมีทั้งหล่อเดิมๆ และได้นำมาแต่งให้เรียบร้อยสวยงาม โดยยึดองค์พระพุทธชินราชองค์จริงเป็นต้นแบบ หากงานฝีมืองามระดับเทพราคาองค์ละไม่ต่ำกว่าสี่ห้าแสนบาท

จวบจนกระทั่งปี 2555 นับเป็นเวลา 70 ปีของรุ่นอินโดจีน จึงได้สร้าง พระพุทธชินราช รุ่น จอมราชันย์ พิมพ์แต่งฉลุลอยองค์ขึ้นมาใหม่ มีขนาดเท่ารุ่นอินโดจีน โดยทำต้นแบบพิมพ์ให้สวยที่สุด ให้ศิลปินออกแบบลายเส้นพระพุทธชินราช แล้วให้ช่างปั้นขึ้นแบบพิมพ์จากลายเส้นมาเป็นองค์พระซึ่งมีความพิเศษ คือ สามารถถอดประกอบแยกได้ถึง 4 ชิ้นส่วน มีองค์พระ ซุ้ม ฐานตัว และแผ่นปิด ทุกส่วนแยกจากกัน นำมาหล่อแล้วประกอบเข้าด้วยกันเป็นองค์พระที่สมบูรณ์ ฉลุลายซุ้มอย่างวิจิตรบรรจง ยากต่อการทำปลอมหรือเลียนแบบ เป็นงานพระพุทธชินราชที่ไม่ซ้ำแบบรุ่นใด ไม่เหมือนใคร มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น

******************

 สมเด็จโตทรงระฆังฉลุลาย 3 มิติ รุ่น เบญจบารมี พิธีมหาพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถ วัดระฆัง พิธีมหาพุทธาภิเษก ณ วิหารสมเด็จโต วัดไชโยวรวิหาร โดยพระเกจิอาจารย์ชื่อดังทั่วประเทศ จัดสร้างโดยชมรมไทยคู่ฟ้า วัตถุประสงค์เพื่อหาทุนด้านการศึกษาของเยาวชนเรียนดีแต่ยากจน และ งานการกุศลสงเคราะห์ทั่วไป

******************

พระพุทธรูปสมเด็จศิริราชร้อยปี ขนาดหน้าตัก 5 นิ้ว และ พระชุดเบญจภาคีมหามงคล (ยอดขุนพลเนื้อชิน) ผสมมวลสาร อัญมณีประจำวันเกิด, อัญมณีประจำเดือนเกิด, พระธาตุประจำปีเกิด, มวลสารจากวัดต้นกำเนิดทั้ง 5, มวลสารสมเด็จจิตรลดา (เก่า), มวลสารพระมหาเถราจารย์ และพระเกจิอาจารย์ ดำเนินการจัดสร้างโดยสมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช ในพระบรมราชูปถัมภ์ วัตถุประสงค์สืบสานพระราโชบายในด้านสุขภาพ และพลานามัยของประชาชนชาวไทย สมทบทุนกองทุนเพื่อสถาบันการแพทย์สยามินทราธิราช ผ่านศิริราชมูลนิธิ มอบเป็นกองทุนสมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช ในพระบรมราชูปถัมภ์

****************** 

ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างทางขึ้นวัด และอ่างเก็บน้ำ วัดดอยธรรมสถิต จ.เชียงใหม่ สามารถร่วมบุญได้โดยการโอนเข้าบัญชีวัดดอยธรรมสถิต ชื่อบัญชี พระธีระบูลย์ เพช็รเพ็ง ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 681-232857-7 บัญชีออมทรัพย์ สาขาสี่แยกสนามบินเชียงใหม่

******************

เครื่องรางของขลัง วัวธนู หรือ กระทิงเถื่อน วัตถุมงคลยอดนิยมของ หลวงปู่นิ่ม วัดพุทธมงคล จ.สุพรรณ บุรี จัดสร้างให้ลูกศิษย์ลูกหาบูชาได้ไม่นาน ก็มีกระแสมาแรงประดับวงการเครื่องราง ด้วยรูปลักษณ์ที่เป็นวัวชนปราดเปรียวดุดัน กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ แลทั้งสวยและเข้มขลังไปอีกแบบ 

หล่อจากแผ่นยันต์ มหากันทั้ง 5 ยันต์ (กันลม กันฝน กันภัย กันไฟ กันฟ้า), 
พระเจ้าห้ามอาวุธ (คมหอกดาบหลาวแหลนปืนมีดทู่หมด มนต์นี้พระเกจิลงก่อนลองของ), 
ยันต์พระเจ้า 16 พระองค์ (หรือยันต์โสฬส 16 กันมหากัน) 
ยันต์ห้ามธรณี (แม่พระธรณีคุ้มครองห้ามเรื่องไม่ดีเกิดกับเรา), 
ยันต์เกราะเพชร (กำแพงแก้วป้องกันเหตุเภทภัยนานา) 

วัวธนูโบราณมีความเชื่อมั่นว่าใช้ เฝ้าบ้านใช้ รักษาสมบัติ ใช้กันคุณไสย ไล่อัปมงคลอาถรรพ์ ยิ่งกว่านั้นคือถ้าดวงไม่ดีดวงตกต่ำ การที่มีวัวธนูอยู่ก็เหมือน มีเทวดาป้องกัน มีเกราะแก้วป้องตัว

******************

หลวงปู่บุญ วัดแสงน้อย จ.อุบลราช ธานี พระเกจิอาจารย์แดนอีสาน เข้าตำราพระดีที่รอเวลาดัง เหรียญรุ่นแรกของท่านสร้างเมื่อเกือบ 30 ปีผ่านมา ปัจจุบันเล่นหากันหลักหมื่น ส่วนเหรียญโภคทรัพย์ แมงมุมดักโชค ที่เพิ่งสร้างออกมาให้บูชา เป็นของดีมีอนาคตที่น่าจับตามอง สร้างจากวาจาสิทธิ์ของหลวงปู่บุญที่ชี้ทางให้ไปนำแมงมุมสีทอง มาให้ท่านลงอักขระแล้วมอบให้ศิษย์รุ่นเก่าไปบูชาจนร่ำรวย

เหรียญนี้ปลุกเสกครบสูตรเน้นให้ใครมีแล้วรวย มีโชคลาภ มีเงินมีทอง แคล้วคลาดปลอดภัยครบ เน้นที่เรียกเงินเรียกโชคลาภได้ นี่จึงเป็นเหรียญโภคทรัพย์หลังแมงมุงดักโชคดักลาภ 

หลวงปู่บุญ ท่านเป็นศิษย์ หลวงปู่รอด วัดทุ่งศรีเมือง พระกรรมฐานแพง และเคยเดินธุดงค์ร่วมกับหลวงปู่ญาท่านสวนอีกด้วย

******************

เครื่องรางแปลกตา "ลูกสวาท" ได้ชื่อว่าของทนสิทธิ์มีฤทธิ์ในตัว พระเกจิอาจารย์ที่สร้างลูกสวาทอยู่รูปเดียวในขณะนี้ หลวงตาช้วน วัดขวาง จ.สุพรรณบุรี วัดขวางส่งภาพลูกสวาทลูกไม้มงคลที่ผ่าพิสูจน์เนื้อในว่าประกอบด้วยลูกสวาทที่บรรจุด้านในสุด ลูกไม้มงคลที่ใช้ลงมนต์ เกี่ยวกับเสน่ห์ทางเมตตามหานิยม หอผ้าข้าวม้าลงยันต์ "นะมหาละลวย" ด้วยดินสอดำ และ ถักเชือกสีชมพู

******************

"มีดหมอโคตรเศรษฐี" หลวงปู่ทองย้อย วัดอัมพวัน จ.นนทบุรี พิเศษตรงที่ใส่ แร่เศรษฐี หรือ แร่บางม่วง ก่อนตอกใบมีดเข้าด้าม เพื่ออานุภาพทางด้านการเงินการงานคล่อง ทำให้ร่ำรวย เด็ดจริงๆ อยู่ตรงที่เมื่อ แร่โคตรเศรษฐีรวมกับอานุภาพของมีดหมอ จะเด่นไปในด้านทำให้เป็นเศรษฐี สามารถฟันฝ่า อุปสรรค์ เพื่อความสมบูรณ์พูนสุข มีดหมอโบราณบอกว่า สรรพคุณใช้แก้คุณไสย ป้องกันลมเพลมพัด ทำลายอาถรรพ์ต่างๆ ทำน้ำมนต์ดื่มกินรักษาโรคภัย มหาอุด และแคล้วคลาดจากภัยอันตรายต่างๆ ด้วยคุณวิเศษของแร่และสรรพคุณของมีดหมอ ทำให้มีดหมอรุ่นนี้หมดไปอย่างรวดเร็ว

******************

"สิงห์ 1 รุ่น 555" บูรณะศาลาวัดบางแพรก

วัดบางแพรก ต.บางรักใหญ่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เป็นวัดโบราณ ซึ่งปัจจุบันมี "พระครูปลัดธีรนันท์ ญาณเมธี" หรือ "พระอาจารย์ ตุ๊กเล็ก" ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์นักพัฒนาชุมชน ที่มีลูกศิษย์ลูกหาเลื่อมใสศรัทธามากมาย ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ

วัตถุมงคลของท่านปัจจุบันได้รับความนิยมอยู่หลายรุ่น โดยเฉพาะประเภทเครื่องรางของขลัง




ศิษย์ที่บูชาวัตถุมงคลของ พระอาจารย์ตุ๊กเล็ก มักกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าชื่นชอบ โดยตามความเชื่อโบราณระบุว่า การบูชา หรือพกพารูปสัตว์ต่างๆ ที่สร้างขึ้นเป็นเครื่องรางของขลังนั้น เป็นที่นิยมกันมานานหลายยุคหลายสมัย ครูบาอาจารย์ที่มีความเก่งกล้าด้านวิทยาคม มีความนิยมมักจะได้บรรจงจัดสร้างรูปสัตว์ทั้งหลายขึ้นมาแล้วปลุกเสกให้เครื่องรางนั้นมีคุณสมบัติ เช่นเดียวกับสัตว์นั้นๆ เพื่อปกป้องคุ้มครองผู้ที่เป็นเจ้าของให้แคล้วคลาดปลอดภัย

โดยเฉพาะเครื่องรางของขลัง ราชสีห์ หรือ สิงห์ เป็นเจ้าแห่งสัตว์ป่า เป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจ ความเป็นผู้นำที่น่าเกรงขาม เป็นที่ประหวั่นพรั่นพรึงของผู้ที่ได้พบเห็น การที่ใครได้พกพาหรือนำรูปเหมือนของพญาสิงห์ติดตัวไปด้วย เท่ากับได้นำพลังและอำนาจบารมีที่มีอยู่ประจำตัวสิงห์ติดตามไปด้วยนั่นเองประการหนึ่ง และถ้ายิ่งได้รับการปลุกเสก ประจุด้วยวิทยาคมเข้มขลังจากพระเกจิอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านไสยเวท จะยิ่งทรงคุณค่ามหาศาลทวีคูณสุดๆ

เมื่อเร็วๆ นี้ พระอาจารย์ตุ๊กเล็ก ได้จัดสร้างเครื่องรางของขลังขึ้นมารุ่นหนึ่ง เป็น "พญาสิงห์" เหมาะสำหรับการนำไปบูชาติดตัว ลักษณะเป็นสิงห์แกะชื่อ "สิงห์ 1 รุ่นตองห้า (555)" ของวัดบางแพรก เป็นสิงห์แกะที่งดงามด้วยพุทธศิลป์แบบไทย แกะขึ้นจากวัสดุอันทรงคุณค่าแห่งมวลสารมงคลทั้งสิ้น อาทิ งาช้าง ไม้พะยูง ไม้แก่นขาม เป็นต้น

สำหรับ งาช้างโบราณ ช่วยเพิ่มพลังแห่งพุทธคุณให้มากยิ่งขึ้น ให้ผู้บูชาเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่ การงาน ยศถาบรรดาศักดิ์ ดูงามสง่า และมีคุณทางแก้อาถรรพณ์ไสยศาสตร์มนต์ดำ กันการถูกกระทำได้ด้วย 

ไม้พะยูง หรือ พยุง ไม้มีชื่อที่เป็นมงคล ช่วยประคับประคอง ช่วยพยุงไม่ให้ล้ม ไม่ให้ตก มีแต่สุข มีแต่เจริญ
ไม้แก่นมะขาม คงทนเป็นเลิศ มีอำนาจในตัวสูง ใช้ป้องกันภูตผีปิศาจได้ มีชัยชนะเหนือศัตรูคู่แข่งขัน และบารมีเหนือลูกน้องบริวาร ช่วยขจัดปัดเป่าให้แคล้วคลาดปลอดภัย มีโชคมีลาภ



สิงห์ 1 รุ่นตองห้า (555) ยังได้รับความเมตตาจากพระเกจิอาจารย์สายอีสานผู้เปี่ยมด้วยบารมี ธรรม เข้มขลังด้วยวิทยาคมสุดลือลั่น สร้างตะกรุดให้เป็นมหาอุตม์ จนโด่งดังไปทั่วประเทศ โดยหลังจากแกะสลักด้วยมือเสร็จสิ้น ได้นำเครื่องรางสิงห์ 1 รุ่นตองห้า ให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อสังเวียน วัดอุดรนรเขต จ.ร้อย เอ็ด เมตตาอธิษฐานจิตปลุกเสก เป็นเวลา 1 เดือน ก่อนวันที่ 25 ก.พ.2555 วัดบางแพรก ได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษก สิงห์ 1 รุ่นตองห้า โดยหลวงพ่อสังเวียน นั่งอธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว ณ อุโบสถวัดบางแพรก

นอกจากนี้ ยังมีพระเกจิอาจารย์ที่มานั่งอธิษฐานจิตรอบโบสถ์อีก 555 รูป อาทิ 
หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน จ.ลพบุรี, 
หลวงพ่อเอื้อน วัดวังแดงใต้ จ.พระนครศรีอยุธยา, 
หลวงพ่ออ่าง วัดใหญ่สว่างอารมณ์ จ.นนทบุรี, 
หลวงพ่อรักษ์ วัดสุทธาวาสวิปัสสนา จ.พระนครศรีอยุธยา, 
หลวงพ่อเที่ยง วัดบางระโหง จ.นนทบุรี เป็นต้น

สำหรับสิงห์ทุกตัว วัดบางแพรกมีหมายเลขกำกับไว้ใต้ฐาน โดยทางวัดได้จัดสร้างไว้จำนวนจำกัด โดยปัจจัยที่ได้จะนำไปสมทบทุนยกศาลาการเปรียญ ที่ถูกอุทกภัยน้ำท่วมที่ผ่านมาให้สูงพ้นจากน้ำ

วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

แห่กราบ "พ่อคูณ" ไข้ขึ้นงดเยี่ยม

ความคืบหน้าอาการอาพาธของ พระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา 

ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรดาศิษยานุศิษย์ที่ต้องการเข้าเยี่ยมอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณ ภายหลังคณะแพทย์สั่งหยุดยาปฏิชีวนะได้เพียง 2 วัน แต่หลวงพ่อคูณกลับมามีไข้อีกครั้ง คณะแพทย์จึงสั่งงดเยี่ยมเด็ดขาด บรรดาศิษยานุศิษย์จึงกราบไหว้หุ่นขี้ผึ้งรูปเหมือนหลวงพ่อคูณในท่านั่งยองๆ สวมจีวร ที่ตั้งไว้ที่บริเวณหน้าห้องพักแทน

นายแพทย์พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า หลวงพ่อคูณเมื่อวานพบมีไข้อีก แต่เช้าวันนี้อาการไข้กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ดังนั้น ต่อจากนี้ไปต้องเฝ้าระวังอาการเป็นพิเศษ ซึ่งหากภายใน 1 อาทิตย์นี้หลวงพ่อคูณดีขึ้นอย่างต่อเนื่องก็จะประเมินร่างกายของหลวงพ่อคูณ เพื่ออนุญาตให้กลับวัดบ้านไร่ แต่หากยังคงมีไข้สลับกับไม่มีไข้ ก็ต้องให้หลวงพ่อคูณพักอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อรอดูอาการต่อไป

หลวงพ่อเคลือบ เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำสะแกกรัง

หลวงพ่อเคลือบ สังวรธัมโม วัดหนองกระดี่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี เป็นนามพระเถระที่รู้จักกันดีในหมู่ศรัทธาสาธุชนชาวเมืองอุทัยธานี ได้รับการขนานนามว่า "หลวงพ่อเคลือบ วาจาสิทธิ์" พูดอย่างไรเป็นอย่างนั้น อีกทั้งยังได้รับการยกย่องว่าเป็น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำสะแกกรัง

ท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ. 2432 ที่บ้านคลองชะโด ต.ทุ่งใหญ่ อ.เมือง จ.อุทัยธานี อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. 2453 ณ พัทธสีมาวัดหนองเต่า อ.เมืองอุทัยธานี มี พระครูอุทัยธรรมวินิฐ (หลวงพ่อสิน) เจ้าอาวาสวัดหนองเต่า เป็นพระอุปัชฌาย์

ร่ำเรียนวิทยาคมกับหลวงพ่อสินเป็นเวลานาน 3 พรรษา ได้วิชาวาจาสิทธิ์ และคงกระพันชาตรี จากนั้นได้ไปเรียนเพ่งกษิณกับ หลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา จ.ลพบุรี อีก 6 ปี ก่อนออกธุดงค์ไปทางภาคเหนือ และย้อนกลับมาที่เมืองอุทัยธานี นอกจากนี้ยังเรียนวิทยาคมกับ หลวงพ่อแสง วัดป่าช้า ตลอดจนพระอาจารย์ผู้เรืองวิทยาคมอีกหลายท่าน 

หลวงพ่อเคลือบมรณภาพเมื่อปี พ.ศ. 2497 สิริอายุ 65 ปี พรรษา 45
เดือนสิงหาคม 2539 สโมสรไลออนส์อุทัยธานี โดยนายสำราญ รัตนโชติธาดา ได้จัดสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อเคลือบ เพื่อนำรายได้ช่วยเหลือผู้ยากไร้และด้อยโอกาส วัตถุมงคลเป็นรูปหล่อหลวงพ่อเคลือบ เนื้อทองคำ, เหรียญหลวงพ่อเคลือบ เนื้อทองคำ, เหรียญหลวงพ่อเคลือบ เนื้อเงินลงยา และยังมีเหรียญหลวงพ่อเคลือบ เนื้อนวะ และเนื้อทองแดง

ส่วนเหรียญหลวงพ่อเคลือบ เนื้อเงินลงยา มีลงพื้นสีแดง, น้ำเงิน, เขียว, ฟ้า, ม่วง ลักษณะเป็นเหรียญกลมรี ไม่มีหูห่วง
ด้านหน้าเหรียญ เป็นเหรียญมีขอบ ตรงกลางมีรูปนูนหลวงพ่อเคลือบครึ่งองค์หันหน้าตรง ห่มจีวรสีเหลือง ด้านบนรูปเหมือน มีอักษรไทย เขียนคำว่า "หลวงพ่อเคลือบ" ส่วนพื้นเหรียญลงยาแต่ละเหรียญเป็นสีแดง, สีน้ำเงิน, สีเขียว, สีฟ้า และสีม่วง

ด้านหลังเหรียญมีขอบ ไม่ลงยาพื้นเหรียญ กลางเหรียญเป็นยันต์สี่ ที่มุมของยันต์มีอักขระขอม จะ พะ กะ สะ รอบยันต์สี่มีอักขระขอม นะ มะ พะ ทะ กลางยันต์กำกับด้วย 'นะ เศรษฐี' หรือ นะ สำเร็จ ยอดยันต์มีอุณาโลม เหนือขอบล่างมีอักษรไทย 'อุทัยธานี' มีโค้ดตัว L (แอล) อยู่ด้านขวาของ นะ เศรษฐี

วันที่ 8 กันยายน 2539 เวลา 13.39 น. ประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษก ณ อุโบสถวัดหนองกระดี่ (วัดเก่า) หมู่ที่ 3 ต.หนองยายดา อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี มีพระเกจิคณาจารย์ร่วมอธิษฐานจิตนั่งปรก ประกอบด้วย 

หลวงปู่ฉาบ วัดคลองจันทร์, 
หลวงปู่ตี๋ วัดหลวงราชาวาส, 
หลวงพ่อสมควร วัดถือน้ำ, 
หลวงพ่อนะ วัดปทุมธาราม, 
หลวงพ่ออั้น วัดโรงโค, 
หลวงพ่อสมศักดิ์ วัดสะพาน, 
หลวงพ่อสมจิตร วัดทุ่งนางาม, 
หลวงปู่บ๊ก วัดเนินพยอม, 
หลวงพ่อมหาโพธิ์ วัดคลองมอญ, 
หลวงพ่อรัง วัดอมฤตวารี 
และหลวงพ่อสมัย วัดหนองหญ้านาง

เหรียญหลวงพ่อเคลือบ จัดเป็นเหรียญที่มีพิธีการจัดสร้างดี พระเกจิดังปลุกเสก
ปัจจุบันเป็นเหรียญยอดนิยมอีกเหรียญหนึ่ง ที่บรรดานักสะสมนิยมพระเครื่องต่างแสวงหา

พิธีพุทธาภิเษก พระกริ่ง 155 ปี พระสังฆราช(แพ)


พระธรรมรัตนดิลก
เจ้าคณะภาค 4 วัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพฯ กล่าวว่า เนื่องในโอกาสแห่งการประสูติกาลครบ 155 ปีของ เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (แพ ติสสเทวมหาเถร) ในปี 2555 วัดสุทัศนเทพวราราม โดย สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เจ้าอาวาส อนุญาตให้จัดสร้างพระกริ่งขึ้นในวาระครบ 155 ปี แห่งสมเด็จพระสังฆราช (แพ) มีวัตถุประสงค์เพื่อนำปัจจัยรายได้มาบูรณปฏิสังขรณ์ตำหนักสมเด็จพระสังฆราช (แพ) ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 200 ปี ที่มีสภาพชำรุดทรุดโทรมเป็นอย่างมาก จึงจำเป็นต้องหางบฯ มาปฏิสังขรณ์ และจัดตั้งให้เป็น "พิพิธภัณฑ์อริยเจ้าแห่งวัดสุทัศน์" อันจะเป็นประวัติจารึกคู่แผ่นดินตลอดไป


สำหรับพิธีมหาพุทธาภิเษก พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ และ พระพุทธชินราชอินโดจีนย้อนยุค 155 ปี ประสูติกาลเจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (แพ ติสสเทวมหาเถร) นั้น กำหนดจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 26 ก.ค.2555 ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 8-8 ปี 2555 พิธีสำคัญเริ่มเวลา 

07.30 น. พิธีบวงสรวงพระตรีโลกเชฏฐ์ พระประธานในพระอุโบสถ วัดสุทัศน์ 
08.00 น. พิธีบวงสรวงเทพยดาและบูรพาจารย์ ด้านหน้าพระอุโบสถ วัดสุทัศน์
09.20 น. พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 32 รูป พร้อม ณ มณฑลพิธีพระอุโบสถ วัดสุทัศน์ พระธรรมรัตนดิลก เจ้าคณะภาค 4 เป็นประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ณ มณฑลพิธีพระอุโบสถวัดสุทัศน์ เจ้าหน้าที่กล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย-สมาทานศีล

จากนั้นเวลา 09.30 น. พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 32 รูป เจริญพระพุทธมนต์ธัมมจักกัปป วัตนสูตร พระธรรมรัตนดิลก เจ้าคณะภาค 4 พร้อมด้วยคณะสงฆ์ภาค 4 ถวายจตุปัจจัยไทยธรรม พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 32 รูป อนุโมทนา 
เวลา 11.00 น. ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ 
เวลา 13.29 น. เจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เป็นประธานจุดเทียนชัย (เทวีฤกษ์) พระเกจิคณาจารย์นั่งปลุกเสกอธิษฐานจิต วาระที่ 1 
เวลา 13.30-15.00 น. พระธรรมรัตนดิลก เจ้าคณะภาค 4 ถวายจตุปัจจัยไทยธรรม วาระที่ 2 
เวลา 15.00-16.39 น. พระธรรมรัตนดิลก เจ้าคณะภาค 4 ถวายจตุปัจจัยไทยธรรม 
เวลา 16.39 น. เจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศ เป็นประธานดับเทียนชัย (เป็นราชาฤกษ์)
เวลา 17.00 น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จมาทรงเป็นประธานในพิธีมหาพุทธาภิเษกพระกริ่ง - พระชัยวัฒน์ และ พระพุทธชินราชอินโดจีน ณ พระอุโบสถ วัดสุทัศน์

นางพญา

พระพิมพ์สามเหลี่ยม หนึ่งในชุดเบญจภาคีพระยอดนิยม เหมาะมากสำหรับอาราธนาขึ้นคอทั้งสุภาพบุรุษ สุภาพสตรี และเด็ก เพราะองค์มีขนาดเล็กกะทัดรัด วงการพระเรียกขาน "พระนางพญา"

พระนางพญา เป็นพระกรุพระเก่าเนื้อดินเผามีอยู่ด้วยกันหลายพิมพ์ พิมพ์ที่นิยมที่สุดก็คือ พิมพ์เข่าโค้ง รองมาก็พิมพ์เข่าตรง, พิมพ์อกนูนใหญ่, พิมพ์สังฆาฏิ, พิมพ์เทวดาหรือพิมพ์อกแฟบ และพิมพ์อกนูนเล็ก
หากจะเอ่ยถึงพระนางพญา ต้องไล่ที่ต้นกำเนิดก่อน "วัดนางพญา" ตั้งอยู่หลังวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก ต่อจากวัดราชบูรณะ ไปทางด้านทิศตะวันออกและอยู่ในพื้นที่อาณาเขตต่อเชื่อมกัน จะว่าทั้งสองวัดนี้สร้างในพื้นที่เดียวกันก็ว่าได้
วัดราชบูรณะ มีอาณาเขตกว้างขวาง ส่วนวัดนางพญาอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของวัดราชบูรณะ ซึ่งเป็นวัดที่มีอาณาเขตเล็กกว่าวัดราชบูรณะ โบราณวัตถุต่างๆ ไม่ปรากฏเหลืออยู่ นอกจากวิหาร ซึ่งเข้าใจว่าซ่อมแซมขึ้นใหม่ และตัววัดก็เป็นสิ่งก่อสร้างขึ้นมาใหม่ทั้งสิ้น วัดนางพญา เป็นวัดที่สำคัญขึ้นมา และเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น ตอนที่ พระกรุวัดนางพญา แตกกรุออกมา สันนิษฐานว่าเป็นวัด และพระเครื่องที่สร้างมาในสมัยกรุงศรีอยุธยา และเป็นวัดที่พระมเหสีของพระมหากษัตริย์เป็นผู้สร้างวัดนี้ไว้คู่กับวัดราชบูรณะ โดยจะเห็นว่ามีวัดราชบูรณะซึ่งเป็นวัดที่พระมหากษัตริย์สร้างอยู่ติดกัน 

จากประวัติศาสตร์พระมหากษัตริย์ที่ครองกรุงศรีอยุธยา และเคยประทับอยู่ที่เมืองพิษณุโลกนั้นก็มีอยู่หลายพระองค์ แต่พระมหากษัตริย์ที่ทรงสร้างวัดราชบูรณะนั้นน่าจะเป็น พระมหาธรรมราชา เพราะทรงครองเมืองพิษณุโลกอยู่เป็นเวลา 21 ปี คือตั้งแต่ต้นรัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ 

ถ้าพระมหาธรรมราชา ทรงสร้างวัดราชบูรณะ 
ผู้ที่สร้างวัดนางพญาก็ต้องเป็น "พระวิสุทธิกษัตรีย์อัครมเหสี"

ถ้าเคยดูหนังเรื่องพระศรีสุริโยทัย คงจะรู้ว่าพระวิสุทธิกษัตรีย์ ก็คือพระราชธิดาของสมเด็จพระศรีสุริโยทัย และทรงเป็นพระราชมารดาของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ

พระเครื่องที่พบในกรุวัดนางพญา เท่าที่พบมีอย่างเดียวคือ 'พระนางพญา' และเป็นพระที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากเป็นที่นิยมอยู่ในชุดเบญจภาคี การขุดพบพระครั้งแรกเมื่อปี 2444 กรุพระนางพญา เป็นซากปรักหักพังฝังจมดินอยู่บริเวณด้านหน้าของวัด การที่พบก็เพราะเหตุที่ทางวัดดำริจะปลูกสร้างศาลาเล็กๆ ขึ้นตรงบริเวณนั้น ครั้นพอขุดหลุมจะลงเสาศาล ก็ได้พบพระนางพญาจำนวนมากฝังจมดินอยู่กับซากกรุ และได้เก็บรวบรวมไว้ที่วัดนางพญานั่นเอง

ต่อมาได้มีการขุดพบพระนางพญาอีกเมื่อปี 2487 แต่ก็มีจำนวนไม่มากนัก
พระนางพญาพิษณุโลก พิมพ์ที่นิยมกันมากๆ ก็คือพิมพ์เข่าโค้งและพิมพ์เข่าตรง พระทั้งสองพิมพ์นี้มีขนาดไล่เลี่ยกัน และสำหรับพิมพ์เข่าตรงเองก็ยังจำแนกออกเป็นสองพิมพ์ คือพิมพ์เข่าตรง และพิมพ์เข่าตรง (มือตกเข่า) ซึ่งมีลักษณะและขนาดใกล้เคียงกันอีกด้วย

เหรียญชี้นิ้วเพชร หลวงพ่อสุพจน์ ปากน้ำโพ


พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองปากน้ำโพ หลวงพ่อสุพจน์ วัดศรีทรงธรรม ชื่อเสียงของท่านโด่งดังไปทั่วนครสวรรค์ วัตถุมงคลของท่านสร้างมากี่รุ่นลูกศิษย์ลูกหาตามเก็บหมด

ท่านเรียนวิชามหาอุดแคล้วคลาด ด้วยอำนาจเสือสมิงจาก หลวงปู่รอด (เสือ) วัดหนองกระทิง เรียนวิชาเมตตามหานิยมจาก ปู่อินทร์เทวดา เรียนวิชาปืนปัดปืนปิดพิชิตชัยสงครามจาก หลวงพ่อเย่อ วัดอาษาสงคราม เรียนวิชามหาอุดมหากันกำบังปืนจาก พ่อเฒ่ามืด ขุนเขาเก้าลูก เรียนวิชากำบังจิตเสกหุ่นพยนต์ล่องหนหายตัวจาก พ่อเฒ่าโชติ เมืองอู่ทอง

หลวงพ่อสุพจน์ออกธุดงค์เรียนวิชาอยู่ตามป่าเขาตามถ้ำ จนได้มาสร้าง "วัดศรีทรงธรรม" ช่วงมาอยู่นครสวรรค์ใหม่ๆ เคยฝากตัวเรียนวิชาสายเจ้าถิ่นนครสวรรค์ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ กับ หลวงปู่ฮวด วัดหัวถนนใต้ วิชาบางอย่างในสายหลวงพ่อเดิม จาก หลวงปู่พิมพา วัดหนองตางู และเรียนวิชากับพระเกจิอาจารย์ยุคเก่าอีกหลายรูป

ล่าสุดหลวงพ่อสุพจน์ สร้างวัตถุมงคล "เหรียญชี้นิ้วเพชร" ขึ้นอีกครั้ง

ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีที่แล้ว เหรียญชี้นิ้วเพชรรุ่นแรก ของหลวงพ่อสุพจน์ ใครมีก็หวงเพราะมีประสบการณ์เพียบ ศิษย์ใกล้ชิดระบุว่า "ตอนเหรียญออกใหม่ๆ ใครเห็นก็หัวเราะ ให้ใครเขาก็ไม่อยากได้ ไม่เอา เรียกว่าต้องล็อกคอให้กันเลย"


"เหรียญชี้นิ้วเพชร" รุ่นนี้สร้างในปี 2555 เพราะเป็นปีแรง ศิษย์มั่นใจว่าหลวงพ่ออายุมากขึ้นอารมณ์ไม่ร้อนเหมือนเก่า แต่ทว่าอาคมกลับขลังยิ่งกว่าเก่า จิตทรงพลังกว่าเก่า ตบะ เดชะกล้าแข็ง

หลายคนถามว่า ทำไมหลวงพ่อจึงต้องชี้นิ้ว ท่านบอกว่า ชี้นิ้ว ชี้ให้รวย ชี้ให้มีเสน่ห์ ชี้ให้ปลอดภัย ชี้ให้เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง ใครเจ็บไข้ได้ป่วย ก็ชี้ให้หายป่วย ศิษย์รุ่นเก่าต่างรู้กันดี หลวงพ่อสุพจน์ท่านศึกษาวิชาจากครูบาอาจารย์สำเร็จวิชา "นิ้วเพชรอิศวร"

วิชานี้ส่วนใหญ่พระเกจิอาจารย์ที่สำเร็จ มักเอามาทำไม้เท้าต้นชี้ตาย ปลายชี้เป็น ทำพระขรรค์ เช่น หลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย, ท่านอาจารย์ชุม ไชยคีรี เป็นต้น แต่หลวงพ่อพจน์ทำเป็นเหรียญ ซึ่งมีอานุภาพไม่ต่างอะไรกับ พระขรรค์เพชร เท่ากับ ไม้เท้าต้นชี้ตายปลายชี้เป็น แต่เพิ่มพลังคุณพระเข้าไปด้วย จึงเป็นเหรียญแปลก และเป็นยอดเหรียญที่มีพุทธศิลป์สวยโดดเด่นเหนือใครในยุคนี้ อีกทั้งยังน่าเก็บสะสมยิ่งอีกรุ่นหนึ่ง

สนใจร่วมบุญบูชาได้ที่วัดศรีทรงธรรม อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ และ ศูนย์พระเครื่องชั้นนำทั่วไป

ข้อที่ “คนดี” ไม่ควรประพฤติ

ผู้หวังความเจริญ ควรประพฤติปฏิบัติให้เป็นไปในทางที่ชอบ มีปัญญาพิจารณาว่า อะไรเป็นทางเสื่อมก็พึงละเว้น มุ่งหาแต่ทางที่เจริญ ทางที่ชอบประกอบด้วยประโยชน์ มีสติสัมปชัญญะ ตรวจตราให้รอบคอบประกอบด้วยเหตุผล ทำความเห็นให้เที่ยงตรง ทำความประพฤติปฏิบัติให้เป็นเครื่องนำประโยชน์มาให้แก่ตนและผู้อื่น ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ใดกล่าวล่วงเกินว่า เป็นผู้บกพร่องในความประพฤติ

พระพุทธเจ้าทรงแสดงข้อที่ไม่ควรประพฤติ 2 ประการ คือ

1. ไม่พึงเสพธรรมอันเลว 

ธรรมที่เลวในปัจจุบันนี้มีมากมาย 
เช่น ทุจริต 3 ประการ คือ 
ประพฤติชั่วทางกาย ประพฤติชั่วทางวาจา 
และ ประพฤติชั่วทางใจ







- ประพฤติชั่วทางกาย แบ่งออกเป็น 3 ประการ คือ 
เบียดเบียนชีวิต และความสุขของผู้อื่น เบียดเบียนเอาทรัพย์สมบัติ เบียดเบียนเชื้อสายสกุลวงศ์

- ประพฤติชั่วทางวาจา แบ่งออกเป็น 4 ประการ คือ 
กล่าวเท็จหักราญประโยชน์ผู้อื่น พูดทำลายความสามัคคี 
กล่าวคำเสียดสีให้ช้ำใจ กล่าวคำเหลวไหลไม่เป็นประโยชน์

- ประพฤติชั่วทางใจ แบ่งออกเป็น 3 ประการ คือ 
อยากได้ของผู้อื่นมาเป็นของตน ผูกใจเจ็บอาฆาตพยาบาท เห็นทางที่ผิดคิดว่าชอบ

2. ธรรมของคนพาล 

จัดว่าเป็นธรรมที่เลว เพราะเป็นธรรมของคนโง่เขลา 
ไม่ประกอบด้วยปัญญาวิจารณญาณที่หยั่งรู้ถึงความผิดชอบชั่วดี เช่น

ความไม่รู้จักเหตุ ว่าเหตุนี้เป็นทางนำไปสู่สุข เหตุนี้เป็นทางนำไปสู่ทุกข์
ความไม่รู้จักผล เห็นตนว่ามีค่ากว่าฐานะที่เป็นอยู่
ความไม่รู้จักตน ไม่รู้จักสถานภาพของตนเองในด้านความรู้ความสามารถและคุณธรรม
ความไม่รู้จักประมาณในการแสวงหาหรือบริโภคใช้สอยทรัพย์สมบัติ
ความไม่รู้จักกาละที่จะประกอบกิจให้เหมาะสมกับกาลสมัย
ความไม่รู้จักประชุมชนซึ่งตนเองจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง
ความไม่รู้จักเลือกคบหาสมาคมแต่คนดี

เมื่อรู้ข้อที่ไม่รู้ควรประพฤติ 2 ประการนี้แล้ว จึงทรงแสดงข้อที่ควรประพฤติ 2 ประการ คือ

1. ควรประพฤติธรรมที่ดี ที่เป็นประโยชน์เกื้อกูลความสุขทั้งแก่ตน และผู้อื่น ได้แก่ 
สุจริต คือ ความประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ

2. ควรประพฤติธรรมที่คนดีประพฤติกัน เรียกว่า สัปปุริสธรรม ได้แก่ 
ความเป็นผู้รู้จักเหตุ ความเป็นผู้รู้จักผล ความเป็นผู้รู้จักตน ความเป็นผู้รู้จักประมาณ ความเป็นผู้รู้จักกาลเวลา ความเป็นผู้รู้จักประชุมชนบริษัทที่เกี่ยวข้อง ความเป็นผู้รู้จักเลือกคบหาสมาคมแต่คนดี

ด้วยเหตุนี้ ผู้หวังความสุขความเจริญก้าว หน้าในชีวิต 
พึงหลีกเลี่ยงข้อที่ไม่ควรประพฤติ และเลือกปฏิบัติแต่ข้อที่ควรประพฤติ

วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สุราพาทุกข์ จริงหรือ?

พระพุทธศาสนาระบุไว้ชัดเจนว่า คนที่ชอบดื่มสุราเป็นประจำ ทำให้ไม่สามารถครองเรือนได้ เพราะการดื่มสุราเป็นเหตุให้เกิดทุกข์มากมาย

พระพุทธศาสนา กล่าวโทษการดื่มสุราไว้ว่า 

- เป็นเหตุให้เสียทรัพย์ทันตาเห็น

เรียกว่า หมดทรัพย์ไปโดยไม่จำเป็น คนที่ดื่มสุราโดยมากจะดื่มเพียงคนเดียว ไม่ได้ดื่มทั้งครอบครัว แต่คนที่เดือดร้อนไปด้วยก็คือครอบครัว ส่วนทรัพย์ที่หามาได้ก็ร่วมกันหาทั้งครอบครัว แต่พอนำไปใช้ในการดื่มสุรา ย่อมนำไปใช้เพียงคนเดียว ทำให้ครอบครัวต้องอดอยากไปด้วย


- เป็นเหตุให้ก่อการทะเลาะวิวาทกัน

สุราเป็นของย้อมใจของผู้ดื่มให้กล้า และหน้าด้าน ไม่ให้กลัวในสิ่งที่ควรกลัว แม้แต่สิ่งที่ตนเคยกลัว พอเมาแล้วกลับไม่กลัว ความไม่กลัวนี่แหละเป็นเหตุให้เกิดการทะเลาะวิวาท เพราะต่างคนต่างก็ไม่กลัวกัน เมื่อเริ่มทะเลาะกันทางวาจา แล้วก็จะลุกลามถึงกับทำร้ายร่างกายกัน แล้วแต่ว่าในขณะนั้นใครมีอาวุธอะไร สุดท้ายก็บาดเจ็บล้มตาย หรือไม่ก็พิการติดคุกติดตะราง และที่สุดก็เดือดร้อนครอบครัว

- เป็นบ่อเกิดแห่งโรคต่างๆ

สุราทำให้เกิดโรคมากมาย ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม โดยตรงก็คือโรคตับแข็ง โรคพิษสุราเรื้อรังทำให้เสียชีวิตเร็วกว่าที่ควรจะเป็น และโรคโดยอ้อม ก็คือ โรคที่เกิดจากเมื่อเมาสุราแล้วก็เกิดความประมาท ไม่ได้ระวังป้องกัน ทำให้เกิดโรคต่างๆ มากมาย

- เป็นเหตุให้เสียชื่อเสียง หรือถูกติเตียน 

ผู้ที่ดื่มสุราจนเมาแล้วควบคุมตัวเองไม่ได้ จะทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ เช่น ทำร้ายคนอื่น ทำร้ายลูกเมีย หรือหนักมากถึงกับทำร้ายพ่อแม่ของตน หรือทำ พูด คิดในสิ่งที่ตนเองไม่ควรทำ ไม่ควรพูด ไม่ควรคิด ชื่อเสียงที่ตนเองเคยทำ หรือพ่อแม่ทำไว้ ก็จะเสียหายไปหมด

- เป็นเหตุให้หมดความอาย

ผู้ที่เมาเพราะการดื่มสุราไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง จะเป็นเหมือนกันก็คือไม่รู้จักอาย กล้าแม้กระทั่งเปิดอวัยวะที่ควรปกปิดของตนเองให้ผู้อื่นดู หรือเปิดเผยความลับที่น่าอับอายของตนเองให้คนอื่นรู้ ยิ่งเป็นหญิง ยิ่งน่าอับอายยิ่งนัก

- เป็นเหตุให้บั่นทอนปัญญา 

ปัญญาของคนเราจะใช้ได้ดีก็ต่อเมื่อทั้งกายและใจเป็นปกติ เมื่อดื่มสุราเข้าไปจนเมาแล้วก็ควบคุมตัวไม่ได้ ปัญญาก็จะไม่ได้ถูกใช้ จะลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็หมดปัญญา ให้เก่งแค่ไหนเมื่อเจอพิษสุราเข้าไปแล้วก็เอาตัวไม่รอด

เพราะฉะนั้น โทษของการดื่มสุรามีมากมายขนาดไหน เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า น้ำเปลี่ยนนิสัยคน คือ ทำคนปกติให้เป็นคนผิดปกติ ทำคนนิสัยดีให้เป็นคนนิสัยเสีย จากคนดี เป็นคนใจดำ จากคนใจสูง เป็นคนใจต่ำ เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาเหล่านั้นจึงไม่สามารถครองเรือนครองชีพตนเองได้

และที่สำคัญ ผู้หวังความเจริญ จึงไม่ควรดื่มสุรา อันเป็นเหตุแห่งความทุกข์ อย่างหาที่สุดมิได้

เหรียญ "หนุมานมนต์" พุทธคุณอมตะไม่มีวันตาย


"หนุมาน" 
เป็นลิงเผือก จึงมีสีขาวเป็นสีประจำกาย เมื่อสำแดงฤทธิ์จะมี 4 หน้า 8 กร ลักษณะประจำกาย สวมกุณฑล มีขนเพชร มีเขี้ยวเป็นแก้ว และหาวเป็นดาวเป็นเดือน
หนุมานเป็นลิงที่มีฤทธิ์มาก สำแดงเดชต่างๆ ได้หลายประการ เช่น การขยายร่างกายให้ใหญ่โต การยืดหางให้ยาว เป็นต้น นอกจากนี้ หนุมานยังได้ชื่อว่าเป็นอมตะ คือ ไม่มีวันตาย เนื่องจากเป็นบุตรของพระพาย (ลม) กับนางสวาหะ เหตุนี้เมื่อหนุมานมีอันตรายถึงตาย เพียงแค่มีลมพัดมาหนุมานก็จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ ด้วยอำนาจของพระพาย ผู้เป็นบิดา

เมื่อเสร็จศึกกรุงลงกาแล้วพระรามได้สถาปนาให้หนุมานเป็นพระยาจักรกฤษณ์พิพรรธพงศา และยกกรุงอยุธยาให้ครองกึ่งหนึ่ง แต่หนุมานได้ถวายคืนพระราม เพราะสำนึกว่าตนไม่สูงศักดิ์พอ พระรามจึงยกเมืองนพบุรีให้ครอง
พระเกจิอาจารย์โบราณมักสร้างเครื่องรางของขลังบ้างรอยสักบ้าง เป็นรูปหนุมาน ด้วยความวิเศษอิทธิฤทธิ์ของหนุมานที่โดดเด่นทำให้หนุมานเป็นเครื่องรางของขลังที่ครองใจคนไทยมานานแสนนาน


หลวงพ่อชำนาญ วัดบางกุฎีทอง จ.ปทุมธานี พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ได้จัดสร้าง "เหรียญหนุมานมนต์" ด้วยการนำเอาแผ่นยันต์ที่เขียนแก้ดวงไว้ในฤกษ์ต่างๆ ทั้งราชาฤกษ์ ฤกษ์แห่งความยิ่งใหญ่ฤกษ์บารมี, ภูมิปาโลฤกษ์ ฤกษ์มั่นคงหนักแน่น, มหัทธโนฤกษ์ ฤกษ์เศรษฐี มีทรัพย์ รวมทั้งดึงดวงวัน-ดวงราศี-ดวงชะตาปีนักษัตร ให้ครอบคลุมทั้งหมด นำมาหลอมเป็นแผ่นปลุกเสก จากนั้นจึงให้ปั๊มเป็นเหรียญหนุมานร่ายเวทย์ หรือหนุมานมนต์
เหรียญดังกล่าวมีจำนวนการจัดสร้างเป็นเหรียญทองคำ จำนวน 1 เหรียญ เหรียญเงิน จำนวน 45 เหรียญ เนื้ออัลปาก้า 2,000 เหรียญ เนื้อตะกั่ว เนื้อทองเหลือง และเนื้อทองแดงอย่างละ 2,555 เหรียญ เท่ากับจำนวนปี พ.ศ. (ตอกโค้ดลับไว้กันปลอม)

บนเหรียญด้านหน้ามีรูปหนุมานองค์เดียว ไม่มีอักขระเลขยันต์หรือเขียนข้อความปรากฏ
หลวงพ่อชำนาญปลุกเสกเหรียญหนุมานมนต์ ประกอบพิธีปลุกเสกในกุฎิ ในวันเพ็ญเดือน 12 พระจันทร์ก็เต็มดวง ตามพิธีกรรมที่สืบทอดมาแต่โบราณ ทำให้วัตถุมงคลชุดนี้ มีความเข้มขลังเปี่ยมด้วยอิทธิคุณรอบด้าน ผู้สนใจติดต่อบูชาได้ที่วัดบางกุฎีทอง ต.บางกะดี อ.เมือง จ.ปทุมธานี 12000

ไหว้ขอพร พระพรหมใหญ่ วัดบางกุฎีทอง


วัดบางกุฎีทอง
ตั้งอยู่ตรงข้ามนิคมอุตสาหกรรมบางกะดี ถนนติวานนท์ ต.บางกะดี อ.เมืองปทุมธานี เดิมเรียกว่า "วัดมอญกลางทุ่ง" เพราะตั้งอยู่กลางทุ่งนาข้าวที่เขียวชอุ่ม การเดินทางมาวัดของพุทธศาสนิกชนแต่ละครั้ง ต้องเดินตัดคันนากว่าจะถึงวัด และก็ต้องเลอะเลนโคลน
ด้วยวัดอยู่กลางทุ่งนาเช่นนี้ ทำให้เหมาะกับการเจริญสมาธิสมณธรรม

ปัจจุบันวัดแห่งนี้มีพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง พระครูปทุมวรกิจ หรือ หลวงพ่อชำนาญ อุตตมปัญโญ เป็นเจ้าอาวาส ที่ผ่านมาวัดบางกุฎีทองจึงไม่ขาดพระเกจิอาจารย์ที่เก่งกล้าเป็นที่พึ่งของชาวบ้านตั้งแต่ หลวงปู่ชาญ, หลวงปู่โต๊ะ, หลวงปู่แทน, หลวงปู่สุรินทร์ เรวโต ผู้เป็นอาจารย์ของหลวงพ่อชำนาญ เป็นต้น

ตอนที่หลวงปู่สุรินทร์ยังดำรงขันธ์อยู่ ท่านได้สอน วิชาพรหมสี่หน้า ให้แก่หลวงพ่อชำนาญ ตลอดจนแนะนำให้ไปเรียนวิชาพรหมสี่หน้าจากพระ และฆราวาสอีกหลายท่าน อาทิ ครูอู๋, ครูเรือแจว ศิษย์อาจารย์เฮง ไพรวัลย์ ที่ลอยเรือจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยามาผูกเรือคลองทางทิศตะวันตกของวัดบางกุฎีทอง และ ครูช่อ ศิษย์พระปลัดทุ่ง วัดเทียนถวาย

หลวงพ่อชำนาญได้ศึกษาวิชาพรหมสี่หน้าเพิ่มเติมในกรรมฐาน และพอที่จะบอกได้ว่า องค์ที่สืบวิชาพรหมสี่หน้ามาเป็นลำดับนั้นมาจากหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ, เจ้าคุณสว่าง วัดเทียนถวาย, เจ้าคุณรามัญมุนี วัดบางหลวง และได้ทำพิธีเป่ายันต์พรหมสี่หน้าให้พุทธศาสนิกชน ตั้งแต่ปี 2544 ถึงปัจจุบัน รวมเป็นเวลา 12 ปี 12 ครั้งมาแล้ว



ขณะนี้หลวงพ่อชำนาญได้จัดสร้าง พระพรหมองค์ใหญ่ ประดิษฐานบนวิหารแก้วจัตุรมุขมูลค่า 40 ล้านบาท และทำพิธีเปิดให้พุทธศาสนิกชน กราบไหว้บูชา ปรากฏว่ามีศิษยานุศิษย์ และประชาชนทั่วไปเข้ากราบขอพรจำนวนมากทุกวัน พร้อมทั้งตั้งมูลนิธิพระพรหมหลวงพ่อชำนาญ เพื่อบริหารจัดการประโยชน์ให้เกิดกับพระพุทธศาสนา พระสงฆ์ เยาวชน และสาธารณชน

วิหารพระพรหม เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชน เพื่อให้เกิด ประโยชน์สูงสุด จึงเป็นสถานที่พัฒนาอบรมจิตใจพุทธศาสนิกชนด้วย หลวงพ่อชำนาญจึงจัดพิธีเจริญพระกรรมฐาน ถวายสังฆทาน และอธิษฐานขอเงินจากพระพรหม เป็นประจำทุกวันเสาร์ต้นเดือน ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป 

กำหนดการมีดังนี้ เริ่มจากหลวงพ่อชำนาญจะให้ทุกท่านรับศีล เพราะศีลเป็นพื้นฐานทำให้คนเป็นคนดี จากนั้นจะกล่าวนำบูชาพระรัตนตรัย กล่าวสมาทานพระกรรมฐาน สอนการเจริญพระกรรมฐานเพื่อให้ทุกคนสงบจิตใจ หยุดทุกอย่างให้ใจสงบ ตรวจดูจิตตนเองว่ากล่าวล่วงกิเลส บาป กรรมอย่างไรบ้าง จากนั้นเปิดให้ถวายสังฆทาน จากนั้นก็ให้โอวาท และประพรมน้ำพระพุทธมนต์เป็นเสร็จพิธี 

สำหรับปฏิทินพิธีเจริญพระกรรมฐาน ถวายสังฆทาน และอธิษฐานขอพรจากพระพรหม กำหนดจัดขึ้นวันที่ 4 ส.ค.2555, วันที่ 8 ก.ย.2555, วันที่ 6 ต.ค.2555, วันที่ 10 พ.ย. 2555, และวันที่ 8 ธ.ค.2555 นี้

ศน.ร่วมคณะสงฆ์ภาคเหนือ ตั้งศูนย์ศึกษาพุทธศาสนา

นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า วัดพระธาตุดอยสะเก็ด อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ จัดประชุมเชิงปฏิบัติการผู้บริหารศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ เพื่อเฉลิมฉลองพุทธชยันตี 2600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า มี พระเทพโกศล เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนศึกษาเรียนรู้หลักธรรมในพระพุทธศาสนา เพื่อช่วยเผยแพร่ สนับสนุน และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างวัด บ้าน และสถานศึกษา ให้ผูกพันกลมเกลียว อันเป็นเอกลักษณ์ของวิถีไทย มีการร่วมแสดงความคิดเห็นในการพัฒนาการดำเนินงานของศูนย์เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ในปี 2558 





โดยในปี 2555 ได้กำหนดการประชุมรวม 8 ครั้ง 

- ครั้งที่ 1 เขตภาคเหนือ 6 จังหวัด ณ วัดพระธาตุดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ 
- ครั้งที่ 2 เขตภาคเหนือ 11 จังหวัด ณ วิทยาลัยสงฆ์พุทธชินราช ม.มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จ.พิษณุโลก 
- ครั้งที่ 3 เขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 จังหวัด ณ วัดพระธาตุนาดูน จ.มหาสารคาม 
- ครั้งที่ 4 เขต ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 จังหวัด ณ วัดสุทธจินดา จ.นครราชสีมา 
- ครั้งที่ 5 เขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 จังหวัด ณ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตอุบลราชธานี 
- ครั้งที่ 6 เขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 จังหวัด ณ วัดโพธิ์ชัย จ.หนองคาย 
- ครั้งที่ 7 เขตภาคใต้ 16 จังหวัด ณ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช
- ครั้งที่ 8 เขตภาคกลาง อีก 24 จังหวัด

หล่อรูปเหมือนพระนางจามเทวี

พระมหาจำนงค์ ภัททมโน วัดปฐมบุตรอิศราราม แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า ชมรมเสด็จย่าจามเทวี ซึ่งตั้งอยู่ในวัดปฐมบุตรอิศราราม มีความประสงค์จะหล่อรูปเหมือนพระนางจามเทวี ความสูงขนาด 1.8 เมตร ขนาดเท่าองค์จริง ซึ่งช่างผู้ทำการหล่อคิดค่าดำเนินการ 170,000 บาท คณะผู้ดำเนินการจึงขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมพิธีเททองหล่อรูปเหมือนพระนางจามเทวีโดยพร้อมเพรียงกัน ในวันที่ 2 ส.ค. 2555 โดยมีกำหนดการดังนี้

เวลา 18.00 น. พระสงฆ์จำนวน 9 รูป เจริญพระพุทธมนต์ธัมมจักกัปปวัตนสูตร 
เวลา 19.00 น. เวียนเทียนวันอาสาฬหบูชา 
เวลา 20.09 น. ประกอบพิธีเททองหล่อรูปเหมือนพระนางจามเทวี

สำหรับวัดปฐมบุตรอิศราราม สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2314 หลังเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งสุดท้าย 4 ปี มีอายุประมาณ 300 ปี เดิมคนจีนเป็นผู้สร้าง เนื่องจากโล้เรือสําเภามาค้าขายจนร่ำรวย จึงได้สร้างวัดขึ้นมา แต่เดิมวัดนี้มีชื่อว่า วัดยี่ส่าย ประมาณในช่วงสมัยรัชกาลที่ 4-5 เจ้าชอุ่ม อิศรางกูร ณ อยุธยา ได้ขอพระราชทานนามจากวัดยี่ส่าย เป็นวัดปฐมบุตรอิศราราม แล้วบูรณปฏิสังขรณ์ปูชนียวัตถุ และปูชนียสถาน มีพระประธานในพระอุโบสถ คือ หลวงพ่อแดง ทําด้วยศิลาแลงสีแดง

เร่งตั้งธนาคารพุทธฯ รับฝากเงินวัด


นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์
รมช.การคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังมีแนวคิดที่จะก่อตั้ง ธนาคารพระพุทธศาสนา ขึ้น เบื้องต้นจะเปิดหน้าต่างการให้บริการ และดำเนินงานของธนาคารดังกล่าวภายใต้ธนาคารออมสิน 

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ก่อนช่วงออกพรรษา ธนาคารดังกล่าวถือเป็นธนาคารเฉพาะกิจของรัฐแห่งหนึ่ง เพื่อทำหน้าที่รับฝากเงินจากวัดต่างๆ ที่พุทธศาสนิกชนได้ทำบุญให้กับวัด ไม่ว่าจะเป็นการทอดผ้าป่า-กฐิน ซึ่งทางวัดสามารถนำเงินมาฝากไว้กับธนาคารแห่งนี้ได้ และหากวัดใดที่อยากจะบูรณะวัดวาอาราม สร้างโบสถ์ หรืออื่นๆ ที่เข้าข่ายเป็นการพัฒนาวัด แต่ไม่มีทุนพอในการดำเนินการ
สามารถขอกู้จากธนาคารพระพุทธศาสนาได้เช่นเดียวกัน โดยให้มัคนายกของวัดนั้นๆ เป็นผู้ดำเนินการขอกู้ เนื่องจากพระสงฆ์ไม่สามารถดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับธุรกรรม อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเสนอร่างพระราชบัญญัติธนาคารพุทธศาสนา เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมรัฐสภา เพื่อจัดตั้งธนาคารอย่างเป็นทางการต่อไป

จัดงานเฉลิมพระเกียรติพระราชินี

นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า วันที่ 12 สิงหาคม ตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมควรที่จะได้แสดงออกซึ่งความจงรักภักดี และ เนื่องในปีพ.ศ.2555 เป็นปีมหามงคลที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติกำหนดจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมพระเกียรติ และถวายเป็นพระราชกุศล ระหว่างวันที่ 10-14 ส.ค.2555 ณ พุทธมณฑล อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม 

- วันที่ 10 ส.ค. 
เวลา 08.30-18.00 น. ลงทะเบียนนักเรียนที่เข้าร่วมปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติที่โดมสวนธรรม ด้านข้างอาคารพิพิธภัณฑ์ 

- วันที่ 11 ส.ค. 
เวลา 09.30 น. พิธีเปิดการปฏิบัติธรรมโดยมีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ 






- วันที่ 12 ส.ค. 
เวลา 07.30 น. พิธีถวายสังฆทานและตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 180 รูป ณ โดมสวนธรรม พุทธมณฑล 
เวลา 08.30 น. บรรยายธรรมเรื่อง "พรหมของลูก" โดยพระมหาชาญชัย ชยาภิภู
เวลา 13.30 น. บรรยายธรรมเรื่อง 'สำรวมจิตอย่างไรจึงจะชนะมาร' โดยพระเทพสิทธิมุนี รองเจ้าคณะภาค 16 
เวลา 19.00 น. พิธีอาศิรวาท ถวายราชสดุดี จุดเทียนชัย ถวายพระพร 

- วันที่ 13 ส.ค. 
เวลา 08.00 น. บรรยายธรรมเรื่อง พระแม่ของแผ่นดิน โดย พระมหาไพเราะ ฐิตสีโล วัดสระแก้ว จ.อ่างทอง 

- วันที่ 14 ส.ค. 
เวลา 10.00 น. พิธีปิดการปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติฯ และมอบเกียรติบัตรแก่ผู้เข้ารับการปฏิบัติธรรม โดยมีพระธรรมปริยัติเวที เจ้าคณะภาค 15 เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ 

สำนักพุทธฯ ขอเชิญพุทธศาสนิกชนที่สนใจเข้าร่วมปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ และ ร่วมตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 180 รูป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ส่วนกิจกรรมและการเรียนรู้ สำนักงานพุทธมณฑล โทร.0-2441-9012, 0-2441-0902

วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555

หลวงพี่น้ำฝน - พลพล รับโล่สร้างสรรค์ เพลงศีล 5

นายทัศดนัย ประมาณ ฝ่ายประสานงานกระทรวงวัฒนธรรม แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กทม เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดทำโครงการหนังสั้นศีล5 และจะมีการแถลงข่าวภาพยนตร์ ในวันศุกร์ที่ 31 ส.ค. 55 เวลา 14.00 – 17.00 น.
ณ โรงภาพยนตร์ SF CINEMA CENTRAL WORLD (เอสเอฟซีเนม่า เซ็นทรัลเวิล)

โดยในวันดังกล่าว ทางกระทรวงวัฒนธรรมได้เชิญ
คุณสุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวง วัฒนธรรม คุณพลพล พลกองเส็ง และ พรเดชพระคุณ พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม ร่วมเป็นวิทยากรในการรณรงค์ให้คนไทยนับถือศีล 5 และพร้อมกันนี้จะมีพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ให้กับคุณพลพล พลกองเส็ง ในฐานะที่เป็นนักแสดงตัวอย่าง ที่ทำคุณความดีให้กับสังคม โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นผู้มอบโล่ 




โดยกิจกรรมถายในงานมีดังนี้
13.00 น. ลงทะเบียนหน้างาน 
14.00 น. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมกล่าวเปิดงาน 
14.30 น. เชิญชมงานแสดงประกอบเพลงเกี่ยวกับการทำความดี "สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ" คุณพลพล พลกองเส็ง ร้องเพลงศีล 5 แต่งโดย พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ หลวงพี่น้ำฝน 
14.35 น. ฉายภาพยนตร์ตัวอย่าง 5 เรื่อง 
15.00 น. มอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้นักแสดงศีล 5 
15.30 น. คุณพลพล พลกองเส็ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และพระเดชพระคุณ พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝนให้สัมภาษณ์ และ รณรงค์ให้ประชาชนหันมานับถือศีล 5 จากนั้นเป็นการฉายภาพยนตร์ ศีล 5

วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วัดใหม่ท่าศิริ สร้างพระประธานมารวิชัย ฉลองปีพุทธชยันตี

พระครูใบฎีกาสนิท ฐานวุฑโฒ เจ้าอาวาสวัดใหม่ท่าศิริ ต.ต้นมะม่วง อ.เมือง จ.เพชรบุรี เปิดเผยว่า วัดใหม่ท่าศิริดำเนินการสร้างพระประธานฉลองปีพุทธชยันตี ประจำพระอุโบสถวัดใหม่ท่าศิริ โดยมี ครอบครัวสุขพานิช เป็นเจ้าภาพใหญ่ แต่ก็เปิดให้พุทธศาสนิกชนทั่วไปร่วมทำบุญในการสร้างพระประธานครั้งนี้ พระประธานที่สร้างเป็นพระพุทธรูปประธานปางมารวิชัย สมัยสุโขทัย ขนาดหน้าตัก 59 นิ้ว และ จะมีพิธีเททอง ณ มณฑลพิธีวัดใหม่ท่าศิริ ระหว่างวันที่ 29-30 ก.ค.2555 มี พระราชสุวรรณมุนี ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรี เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์, และ นางสงอม สุขพานิช เป็นประธานฝ่ายฆราวาส สำหรับกำหนดการพิธีเททองพระประธานปางมารวิชัย มีดังนี้

วันที่ 29 ก.ค. เวลา 17.00 น. พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ธัมมจักกัปปวัตนสูตร 
และวันที่ 30 ก.ค. เวลา 09.49 น. พิธีบวงสรวง 
เวลา 09.49 น. พิธีเททองหล่อพระประธาน 
พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา พระเกจิอาจารย์นั่งอธิษฐานจิต 4 ทิศ 
เวลา 11.00 น. ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ 
เวลา 12.00 น. ผู้มาร่วมในพิธีรับประทานอาหารร่วมกัน 

จึงขอเชิญพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมในพิธีเททองในครั้งนี้ และร่วมบริจาคทรัพย์ และแผ่นทอง เพื่อหล่อพระประธาน ปางมารวิชัย สมัยสุโขทัย ในครั้งนี้โดยพร้อมเพรียงกัน

นางสุวรรณา สุขพานิช ผู้พิพากษาสมทบศาลเยาวชน และครอบครัวจังหวัดเพชรบุรี กล่าวว่า ตนพร้อมครอบครัวตั้งใจว่าจะทำบุญสร้างพระพุทธรูปประธาน ในเบื้องต้นตั้งงบประมาณไว้ประมาณ 1 ล้านบาท ขณะเดียวกัน พบว่าที่วัดใหม่ท่าศิริ มีพระพุทธรูปขนาดเล็กเป็นพระประธานในอุโบสถ จึงได้ตัดสินใจสร้างพระประธานให้วัดแห่งนี้ จากนั้นได้ปรึกษาพระราชสุวรรณมุนี ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรี และเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุวรวิหาร ซึ่งท่านให้คำแนะนำว่า ไม่ควรจัดสร้างเพียงลำพัง ด้วยการสร้างพระพุทธรูปประธานได้บุญกุศลใหญ่ ควรให้พุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธาเข้าร่วมด้วย 

จึงได้เปิดให้พุทธศาสนิกชนทั่วไป เข้าร่วมบริจาคทรัพย์ และกำลังกายในการหล่อพระพุทธรูปประธาน ส่วนครอบครัวสุขพานิช พร้อมเป็นเจ้าภาพออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด หลังจากจัดงานแล้วหากมีเงินเหลือทั้งหมด จะนำไปบูรณะอุโบสถให้สวยงามต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สมเด็จปากน้ำเตรียมงานใหญ่ สมโภชพระเจดีย์มหารัชมงคล

รายงานข่าวจาก วัดปากน้ำภาษีเจริญ แจ้งว่า ขณะนี้การก่อสร้าง "พระมหาเจดีย์มหารัชมงคล" ที่สร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ รวมทั้งเพื่อเป็นอนุสรณ์ทางพระพุทธศาสนาให้พุทธศาสนิกชนรุ่นหลังได้เห็นถึงความงดงามของสถาปัตยกรรมไทย ใกล้ที่จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว 

กำหนดให้เสร็จในเดือน ต.ค.นี้ จากนั้นจะจัดพิธีเปิดในวันที่ 22 ธ.ค. และ จัดพิธีสมโภช ระหว่างวันที่ 23-31 ธ.ค. ซึ่งในการจัดงานสมโภชจะงดงานรื่นเริงทุกชนิด จะให้มีแต่การปฏิบัติธรรมเท่านั้น
ทั้งนี้ การจัดสร้างพระมหาเจดีย์ฯ ใช้งบฯ ทั้งสิ้น 300 ล้านบาท ได้รูปแบบมาจากเจดีย์ของวัดโลกโมฬี ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยสร้างเป็นเจดีย์สถาปัตยกรรมไทย ฐานสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง ประยุกต์ผสมผสานระหว่างศิลปะยุครัตนโกสินทร์กับศิลปะล้านนา มีความสูงจากฐานถึงยอด 80 เมตร กว้าง 52 เมตร สูง 52 เมตร มี 5 ชั้น 






ซึ่งจุดเด่นนอกจากเจดีย์แก้วที่ประดิษฐานอยู่บนชั้น 5 ซึ่งเป็นเจดีย์แก้วที่มีความสูง 8 เมตร สร้างจากกระจกที่มีความหนา 1 เซนติเมตร ซ้อนกัน 800 ชั้น ที่มีอยู่หนึ่งเดียวในประเทศไทยแล้ว อีกจุดเด่นหนึ่งของพระมหาเจดีย์ฯ ก็คือ บานประตูทางเข้าบริเวณชั้น 2 ของพระมหาเจดีย์ฯ จำนวน 4 บานประตูที่มีมูลค่าบานประตูละ 2 ล้านบาท สำหรับบานประตูดังกล่าวมีขนาดกว้าง 1.87 เมตร สูง 2.20 เมตร รวม 4 บาน ทำจากไม้สักทอง และแกะสลักเป็นรูปท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ประกอบด้วย ท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักษ์ และท้าวกุเวร หรือ ท้าวเวสสุวัณ ซึ่งตามความเชื่อในพระพุทธศาสนา เพื่อคอยให้ความคุ้มครอง และคอยดูแลรักษา โดยมีการลงรักปิดทองอย่างสวยงามจากทองคำเปลว 1 แสนแผ่น พร้อมทั้งประดับด้วยคริสตัล คิดเป็นมูลค่าบานประตูละ 2 ล้านบาท
ขณะเดียวกันในส่วนของชั้นอื่นๆ ของพระมหาเจดีย์ฯ คือ 
ชั้นที่ 4 จะเป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนหลวงพ่อสดองค์ใหญ่ 
ชั้นที่ 3 เป็นพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ 
ชั้นที่ 2 เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม 
และชั้นที่ 1 เป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน 

ขณะนี้ประชาชนสามารถเข้าชมความงดงามของพระมหาเจดีย์ฯ เจดีย์แก้ว 
และบานประตูแกะสลักท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ได้แล้ว


ด้าน พระวิเชียรกวี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ กล่าวว่า เนื่องจากทางเข้าชั้น 2 อยู่ด้านหน้าของพระมหาเจดีย์ฯ จึงเสนอไปยังสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ว่าควรที่จะสร้างประตูทางเข้าชั้น 2 ให้เป็นจุดเด่นและสะดุดตา จึงเกิดแนวคิดในการสร้างเป็นบานประตูไม้สักทองแกะสลักขึ้น ส่วนเหตุที่แกะสลักเป็นท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 เพื่อขอให้คอยคุ้มครองพระมหาเจดีย์ฯ เพราะตามความเชื่อตามหลักของพระพุทธศาสนาแล้ว คือ ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 เป็นผู้รักษาคุ้มครองโลกทั้ง 4 ทิศ

ทูลเกล้าฯ ถวายเสาเสมาธรรมจักรทองคำ "สมเด็จพระบรมฯ"

กรมการศาสนา (ศน.) ทูลเกล้าฯ ถวายเสาเสมาธรรมจักรทองคำ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ พระนาม "มหาวชิราลงกรณอุบาสกรัตน" ในฐานะผู้ทรงคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา รมว.วัฒนธรรม เผยใช้ทองคำรวม 61 บาท ประดับเพชรและพลอย

นางสุกุมล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา ในวันที่ 28 ก.ค. 2555 วธ. โดยกรมการศาสนา (ศน.) ได้จัดสร้างเสาเสมาธรรมจักรทองคำ พระนาม “มหาวชิราลงกรณอุบาสกรัตน” อันเป็นสัญลักษณ์ของผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในฐานะที่ทรงเป็นองค์ศาสนูปถัมภก ด้านพระพุทธศาสนา และทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในด้านการส่งเสริมพระศาสนาของไทยมาอย่างต่อเนื่อง 





โดยเสาเสมาธรรมจักรทองคำที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ นี้ จะใช้ทองคำทั้งหมด 61 บาท 
มีขนาดความสูง 36 เซนติเมตร ด้านบนเป็นธรรมจักรประดับด้วยเพชร และพลอยสีชมพู 
มีความหนา 1.5 เซนติเมตร หัวเสาลงยา ส่วนกลางของเสาเสมาฯ ประดับด้วยลวดลายพระปรมาภิไธยย่อ ม.ว.ก.

รมว.วัฒนธรรม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ กรมการศาสนายังได้จัดทำโครงการเจริญพระพุทธมนต์นพเคราะห์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในวันที่ 27 ก.ค. 2555 โดยในส่วนกลางจัดขึ้นที่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร และวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร และในส่วนภูมิภาคจะมีการจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ตามวัดต่างๆ จังหวัดละ 1 แห่ง ในเวลา 09.09 น. โดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ

“การสวดนพเคราะห์ เป็นความเชื่อตั้งแต่สมัยโบราณ ที่ยึดถือปฏิบัติมา
ตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 
เชื่อกันว่า เทวดา หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน จะช่วยดลบันดาลให้ผู้ที่คิดร้ายต่อประเทศชาติ 
หรือสถาบัน พ่ายแพ้พินาศไป รวมทั้งปกป้องภัยพิบัติ และกำจัดภัยอันตรายทั้งปวง 
ให้มีแต่ความสุข ความเจริญรุ่งเรือง เป็นสิริมงคล ที่สำคัญจะดลบันดาลให้ความร้าย
กลับกลายมาเป็นความดี” นางสุกุมล กล่าว 


นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า ในโอกาสมหามงคล สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา กรมการศาสนาได้พิจารณาเห็นว่า พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีของพสกนิกร ในด้านการพระศาสนา โดยทรงแสดงพระองค์เป็นพุทธมามกะ ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2509 ก่อนเสด็จพระราชดำเนินไปศึกษาที่ประเทศอังกฤษ และมีพระราชศรัทธาทรงออกผนวชในพระบวรพระพุทธศาสนา เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2521 ระหว่างทรงผนวช ทรงศึกษา และปฏิบัติพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด นอกจากนั้น ยังได้เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจทางศาสนาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเสด็จฯ ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และถวายกฐินหลวงตามอารามต่างๆ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาและทรงประเคนสัญญาบัตร พัดยศ แด่พระสงฆ์ ที่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ใหม่ อีกทั้งยังทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันเป็นคุณูปการอันยิ่งใหญ่ต่อพระพุทธศาสนาอย่างอเนกอนันต์ ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน ปรากฏให้เห็นเป็นประจักษ์แก่พระพุทธศาสนิกชนทั่วไป

สร้างภูเขาทองจำลองวัดสระเกศฯ วัดไทยในจีน

สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าคณะใหญ่หนกลาง เป็นประธานประกอบพิธีผูกพัทธสีมา ฝังลูกนิมิต อุโบสถวัดเหมอัศวาราม เมืองลั่วหยาง มณฑลเหอหนาน ซึ่งเป็นวัดไทยแห่งแรกในสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่ผ่านมา มีพระเถระชั้นผู้ใหญ่เดินทางมาร่วมพิธี อาทิ พระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา พระพรหมสิทธิ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ เป็นต้น


ซึ่งมีพระสงฆ์จากประเทศไทยเดินทางไปร่วมพิธีครั้งนี้ถึง 160 รูป มี นายวัฒนา อัศวเหม เป็นประธานฝ่ายฆราวาส และ มีพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยชาวจีนเข้าร่วมพิธีจำนวนมาก
ทั้งนี้ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ กล่าวว่า วัดเหมอัศวราราม ถือว่าเป็นวัดไทยวัดแรกในพื้นที่ของจีน และยังถือเป็นวัดพระพุทธศาสนาเถรวาท วัดแรกบนพื้นที่ที่มีแต่พระพุทธศาสนามหายานด้วย วัตถุประสงค์ในการสร้างวัดนี้เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และที่สำคัญการที่วัดนี้เป็นวัดที่สมบูรณ์ในปีนี้ยังเป็นการร่วมเฉลิมพระเกียรติในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนม พรรษา 85 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และเฉลิมพระชนมพรรษา 60 พรรษา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ด้วย


พระอาจารย์ยิ่นเล่อ เจ้าอาวาสวัดไป๋หม่าซื่อ (วัดม้าขาว) กล่าวว่า วัดได้มอบพื้นที่ของวัดให้กับสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เพื่อดำเนินการสร้างวัดไทย ซึ่งเป็นวัดทางพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท โดยสร้างขึ้นภายในพื้นที่ของวัดไป๋หม่าซื่อซึ่งเป็นวัดทางพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ทั้งนี้ได้มีการเริ่มสร้างวัดดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2552 และมีชื่อว่า "วัดเหมอัศวราราม" ใช้เวลาในการก่อสร้างกว่า 2 ปี จนขณะนี้ใกล้จะแล้วเสร็จ และถือว่าเป็นวัดทางพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทแห่งแรกในจีน โดยมีศาสนสถานที่สำคัญคือ อุโบสถ ศาลาราย หอกลอง หอระฆัง พระเจดีย์ ศาลพระพรหม ขณะที่ด้านหน้าอุโบสถจะมีรูปปั้นม้าสีทองอยู่ด้านหน้าเป็นเอกลักษณ์ของวัด และจุดเด่นอีกหนึ่งแห่งก็คือ พระพุทธเจดีย์ ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่ โดยพระพุทธเจดีย์นี่จะเป็นการจำลองภูเขาทองจาก วัดสระเกศฯ กรุงเทพฯ มาประดิษฐานไว้ที่นี่ด้วย


พระพรหมสิทธิ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ในฐานะที่ปรึกษาสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตต่างประเทศ กล่าวว่า พื้นที่ที่ทางวัดไป๋หม่าซื่อมีทั้งสิ้น 7 ไร่ ในส่วนของภูเขาทองจำลองนั้นจะมีความสูงขนาด 29 เมตร ซึ่งจะจำลองภูเขาทองจากวัดสระเกศฯ ประเทศไทย และจะมีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุบางส่วนจากที่ประดิษฐานบนภูเขาทองมาประดิษฐานเป็นการถาวรที่ภูเขาทองจำลองด้วย 

ทั้งนี้การจำลองภูเขาทองไปไว้ที่จีน ถือเป็นแห่งแรกในโลก โดยจะใช้งบประมาณในการสร้างภูเขาทองจำลองทั้งสิ้น 45 ล้านบาท ส่วนการจัดสร้างวัดไทยในพื้นที่วัดไป๋หม่าซื่อ ก็ถือเป็นครั้งแรกของโลกเช่นกันที่มีวัดในสังกัดพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน และวัดในสังกัดพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทอยู่ในพื้นที่เดียวกัน เพื่อสร้างสัมพันธ์ทางพระพุทธศาสนาระหว่างนิกาย

พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ "รุ่นเจริญพร 55"

วัดพระธาตุน้อย (วัดจันดี) ทุ่งปอน อ.ช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช เป็นวัดที่ในอดีตมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังจำพรรษาอยู่ นั่นก็คือ หลวงพ่อคล้าย หรือ พระครูพิศิษฐ์อรรถการ ซึ่งท่านได้ชื่อว่าเป็น "เทพเจ้าแห่งวาจาสิทธิ์" แห่งแดนใต้ ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านได้รับความนิยมอย่างมาก

ล่าสุดคณะศิษย์ได้มีการจัดสร้างวัตถุมงคล ย้อนยุคขึ้น "รุ่นเจริญพร 55" ซึ่งนำเทพเจ้าแห่งแดนใต้ 2 พระสงฆ์ผู้เกรียงไกร ตำนานความศักดิ์สิทธิ์ตลอดกาล มารวมไว้ด้วยกัน นั่นก็คือ หลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด และ พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ วัตถุประสงค์เพื่อสมทบทุนบูรณะเสนาสนะวัดจันดี จ.นครศรีธรรมราช

ในสมัยที่หลวงพ่อคล้ายยังดำรงขันธ์อยู่ ว่ากันว่าน้ำมนต์ของท่านมีความศักดิ์สิทธิ์มาก บุคคลที่เจ็บป่วยด้วยโรคาพยาธิต่างๆ ถ้าได้รดน้ำมนต์ของหลวงพ่อคล้าย โรคร้ายเหล่านั้นก็จะหาย จนเป็นที่โจษจันกันทั่วทุกจังหวัดภาคใต้ และกล่าวกันว่าเป็นน้ำมนต์ทิพย์




นอกจากน้ำมนต์ทิพย์แล้ว น้ำลายน้ำหมากของท่านก็กลายเป็นน้ำลายทิพย์ น้ำหมากทิพย์ไปด้วย
เหตุการที่แสดงให้เห็นถึงอำนาจอิทธิปาฏิหาริย์ดังกล่าวนี้ก็คือครั้งหนึ่งได้เกิดไฟไหม้ขึ้นในจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งถือว่าเป็นครั้งใหญ่ และครั้งนี้ที่พบเหตุอัศจรรย์ผ้าน้ำลายหลวงพ่อคล้ายไม่ไหม้ไฟ ข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่วจังหวัดภาคใต้ จนถึงกล่าวกันว่าผ้าน้ำหมากของหลวงพ่อคล้ายมีความศักดิ์สิทธิ์ป้องกันอัคคีภัยได้ จึงพากันเอาผ้าบ้วนน้ำหมากนี้แขวนไว้บูชา แล้วอธิษฐานให้ปลอดภัยจากอัคคีภัย 

ทุกวันนี้ สรีระสังขารพ่อท่านคล้าย ได้กลายเป็นหินและไม่เน่าเปื่อย ถูกบรรจุอยู่ในโลงแก้ว ให้คณะศิษย์จากทั่วสารทิศได้นมัสการ ภายในพระเจดีย์ วัดพระธาตุน้อย ตลาดคลองจันดี วัตถุมงคลพ่อท่านคล้าย ล้วนแต่ได้รับความนิยมหลายรุ่น


ล่าสุดกำลังเปิดให้บูชา วัตถุมงคล พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ รุ่นเจริญพร 55 
ทุกรายการมีส่วนผสมชานหมากพ่อท่านคล้าย 
ชนวนมวลสารปี 2505 พ่อท่านคล้ายทองชนวนก้นเบ้า 
หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน 
แผ่นเงินทองนากที่พ่อท่านคล้ายลงอักขระยันต์และปลุกเสกเมื่อปี 2508 
ผงยาว่านพิเศษ 108 ของพ่อท่านคล้าย 
ผ้าจีวร พ่อท่านคล้าย เยื่อไม้ไผ่กระบอกเท้าพ่อท่านคล้าย 
กระเบื้องหลังคาพระอุโบสถ วัดจันดี วัดธาตุน้อย 
ไม้เสาเอกกุฏิพ่อท่านคล้าย วัดจันดี ชนวนพระบูชา 6 นิ้ว ฐานเขียงรุ่นแรก 
ชนวนพระกริ่งพ่อท่านคล้ายพิมพ์หลวงพ่อคล้ายปี 2503 วัดจันดี มีพล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นประธานเททอง 
พระว่าน ส.ข.1 วัดสวนขันที่แตกหักชำรุด ผงชินบัญชรพ่อท่านไข่ วัดลำเนา 
ลูกอมชานหมากพ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง 
ชนวนเก่าพระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา 
ลูกอมชานหมากหลวงพ่อมุ่ย ผงว่านเก่าปี 2497 วัดช้างให้ จ.ปัตตานี 
ชนวนเหรียญรุ่นแรก ปี 2500 (เหรียญหัวโต) วัดช้างให้ 
ผงว่านหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง 
มวลสารวัดห้วยมงคล ชนวนมวลสารวัดเขาอ้อ มวลสารพ่อท่านนวล วัดไสหร้า 
ชนวนมวลสารหลวงพ่อคูณ หลวงพ่อรวย หลวงพ่อเพิ่ม 
หลวงพ่อพูล หลวงพ่อพรหม หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง
แผ่นยันต์จารอักขระของพระเกจิอาจารย์ 199 องค์ทั่วประเทศ เป็นต้น

พระเถราจารย์ผู้ทรงวิทยาคม เมตตาอธิษฐานจิตเดี่ยว 
วาระที่ 1 อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวโดย พ่อท่านไข่ วัดลำเนา เมื่อวันเสาร์ 5 เดือน 5 ปี 2555 
วาระที่ 2 อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวโดยพระเกจิ อาจารย์สายเขาอ้อ หลวงพ่อผล วัดทุ่งนารี นานถึง 2 ชั่วโมง เมื่อวันศุกร์ที่ 16 เดือน 5 ปี 2555 
วาระที่ 3 อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวโดยจอมขมังเวทเขาอ้อ หลวงพ่อเงิน วัดโพรงงู เมื่อวันเสาร์ที่ 16 เดือน 5 ปี 2555 
วาระที่ 4 อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวโดย หลวงพ่อพรหม วัดบ้านสวน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 เดือน 5 ปี 2555 
วาระที่ 5 อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวโดย หลวงพ่อคล้อย วัดภูเขาทอง เมื่อวันจันทร์ที่ 18 เดือน 5 ปี 2555 

วัตถุมงคลที่จัดสร้าง อาทิ เหรียญหลวงปู่ทวด-พ่อท่านคล้าย พิมพ์ทรงรูปไข่ย้อนยุค ปี 2506 
เหรียญพ่อท่านคล้าย พิมพ์ทรงรูปไข่ย้อนยุคยันต์หลังปี 2498 
เหรียญหลวงปู่ทวด-พ่อท่านคล้าย พิมพ์เสมาหน้าหัวโต 
พระสมเด็จ-หลังพ่อท่านคล้าย เนื้อว่านมวลสารเก่า และ พระบูชาพ่อท่านคล้ายชนวนเก่า 

สนใจร่วมบุญบูชาได้ที่ เซเว่นอีเลฟเว่น ทุกสาขาทั่วประเทศ

สังฆราชประทานไฟฤกษ์ หลวงพ่อเงิน "รุ่นแทนคุณ"


นายสุวิทย์ วัชโรทยางกูร
ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เผยว่า ตามที่ชาวบางคลานได้ร่วมกับชาวจังหวัดพิจิตร ร่วมใจกันจัดสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน เพื่อสมทบทุนหารายได้บูรณปฏิสังขรณ์ศาสนสถาน อาทิ โบสถ์ วิหารไม้เก่า พระเจดีย์โบราณ ศาลาพักช้างเก่า ที่หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ ได้เคยสร้างไว้ตาม พระอารามต่างๆ ในเมืองพิจิตรที่ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา


สำหรับการจัดสร้างวัตถุมงคลครั้งนี้ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา จึงเฉลิมพระนามว่า "รุ่นแทนคุณ" ประกอบด้วย 
- รูปหล่อโบราณพิมพ์นิยม (ถอดพิมพ์จากองค์แชมป์ องค์พระมหาเม่า วัดแหลมยาง) 
- พระหลวงพ่อเงิน พิมพ์หลังเบี้ย 
- เหรียญหลวงพ่อเงินพิมพ์ใบพุทรา 
- พระพิมพ์พระเจ้าห้าพระองค์
- เหรียญเสมาหลวงพ่อเงิน หลังยันต์มหารูด ถอดลายมือจารหลวงพ่อเงิน จากตะกรุดเงินโบราณ ที่หลวงพ่อมอบให้อดีตเจ้าคณะหมวดหัวดง 
- พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า หลังพระมาลาพระเจ้าตาก 
- พระกริ่งบางคลาน รุ่นแรก 

โดยประกอบพุทธาภิเษก ชนวนตะกรุดเก่าหลวงพ่อเงิน และตะกรุดเก่าเกจิดังเมืองพิจิตร และชนวนวัตถุมงคลหลวงพ่อเงิน ที่วัดบางคลานเคยจัดสร้างมา นับแต่ปี พ.ศ.2515 เพื่อเป็นชนวนศักดิ์สิทธิ์ในการเททองหล่อนำฤกษ์ที่วัดบางคลาน มาตุภูมิหลวงพ่อเงิน เมื่อวันที่ 5 พ.ค.2555 และประกอบพิธีพุทธาภิเษกเป็นครั้งแรกของวัตถุมงคลหลวงพ่อเงิน ในรอบ 38 ปี ที่วัดชนะสงคราม หรือวัดตองปุ ที่หลวงพ่อเงินได้มาบวชเรียนพระธรรมวินัย และวิปัสสนากรรมฐานก่อนกลับสู่เมืองพิจิตร 

อนุญาตใช้พระอุโบสถซึ่งเคยเป็นสถานที่ปลุกเสก ผ้าประเจียดแจกทหารไทยจนมีชัยชนะในครั้งสงครามเก้าทัพ ศึกทุ่งลาดหญ้า กาญจนบุรี ประกอบพิธีพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2555
กำหนดประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษก ครั้งสุดท้ายที่อุโบสถมหาอุดสมัยสุโขทัย หลังเดียวในจังหวัดพิจิตร เดิมเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อเพชร ก่อนอัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดท่าหลวง ณ วัดนครชุม เมืองเก่า จ.พิจิตร ในวันที่ 9 ส.ค.2555 

เวลา 08.09 น. พิธีถวายเครื่องสักการบูชาพระรัตนตรัยและดวงวิญญาณหลวงพ่อเงิน 
เวลา 09.19 น. พิธีบวงสรวงเทวดาบูชาฤกษ์ 
เวลา 10.09 น. พระสงฆ์สมณศักดิ์เจริญพระพุทธมนต์ 
วลา 13.09 น. เจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศวิหาร กทม. จุดเทียนชัยด้วยไฟพระฤกษ์ที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ มีพระเมตตาจุดประทานให้ 

จากนั้นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง 16 รูป อาทิ 
หลวงพ่อแขก วัดสุนทรประดิษฐ์ จ.พิษณุโลก, 
หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน จ.ลพบุรี 
หลวงพ่อสมชาย วัดปริวาศ กรุงเทพฯ 
ครูบาสายทอง วัดท่าไม้แดง จ.ตาก 
หลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก จ.พระนครศรีอยุธยา 
หลวงพ่อชำนาญ วัดบางกุฎีทอง จ.ปทุมธานี, 
หลวงพ่อทุเรียน วัดท่าดินแดง จ.สุโขทัย 
หลวงพ่อสะอาด วัดเขาแก้ว จ.นครสวรรค์, 
หลวงพ่อพยนต์ วัดหล่ายหนองหมี 
หลวงพ่อหวั่น วัดคลองคูณ จ.พิจิตร 
และพระวิปัสสนาจารย์สายอีสาน ร่วมนั่งปรก ไปจนถึงเวลา 15.45 น. ประกอบพิธีดับเทียนชัย

วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วัดโดเรมอน

หลังข่าวสารเผยแพร่ออกไป มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาทำบุญที่วัดเพิ่มขึ้นเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ จากที่แทบไม่มีใครมาเลย ยกเว้นหน้าเทศกาล กลายเป็นแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวไม่เคยขาด โดยเฉพาะช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ บางคณะมากันนับร้อยชีวิต!!

ที่น่าแปลกใจอีกอย่าง คือกลายเป็นเด็กๆ ที่ชวนพ่อแม่มาเข้าวัด ถือเป็นโอกาสดีให้คนทุกเพศ ทุกวัย ใกล้ชิดวัดวา และได้สนทนาธรรมกับพระสงฆ์มากขึ้น

เดิม จ.สุพรรณบุรี มีโปรแกรมท่องเที่ยวไหว้พระ 9 วัดอยู่แล้ว แต่จะเน้นไปที่วัดซึ่งอยู่ฝั่งขวาของแม่น้ำท่าจีน ต่อมา ททท.เห็นว่าฝั่งโน้นคึกคักแล้ว จึงรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวมาไหว้พระฝั่งนี้บ้าง

โดยจัดโครงการ Classic Route ชวนเที่ยว 5 วัด ตามรอยสมเด็จพระนเรศวร มีวัดสำปะซิวเป็นจุดเริ่มต้น ก่อนจะต่อไปยังวัดปู่บัว วัดโพธิ์เจริญ วัดวรจันทร์ และ วัดพร้าว


วัดสำปะซิว
ตั้งอยู่ที่ ต.สนามชัย อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ตามประวัติของวัดระบุว่า สร้างมาตั้งแต่พ.ศ.1857 หรือ สมัยอยุธยาตอนต้น เดิมเป็นสถานที่ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และกองทัพมาหยุดพักรบ เพื่อตรวจสอบบัญชีจำนวนทหารในกองทัพว่าสูญหายไปจากการทำศึกเท่าใด และคงเหลืออยู่เท่าใด

ประชาชนในสมัยนั้นเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า "สางบัญชี" จึงตั้งชื่อว่า "วัดสางบัญชี" ก่อนจะเพี้ยนเป็น "วัดสำปะซิว" ในปัจจุบัน แม้แต่ในโคลงนิราศเมืองสุพรรณของกวีเอกสุนทรภู่ ก็ยังมีตอนหนึ่งระบุถึงย่าน นี้ด้วย



นอกจาก "จิตรกรรมฝาผนังรูปโดเรมอน" อันเป็นที่ฮือฮาแล้ว วัดสำปะซิวยังมีอีกหลายอย่างให้นักท่องเที่ยวแวะชม และสักการะ โดยตลอดเส้นทางก่อนถึงวัด นักท่องเที่ยวจะสะดุดตากับป้ายเชิญชวนให้มากราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 9 มหามงคล ที่รวมอยู่ในวัดนี้วัดเดียว

สิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างแรก คือ "พระพุทธรูปหลวงพ่อทองสัมฤทธิ์" พระพุทธรูปเก่าแก่สมัยทวารวดี อายุกว่า 1,000 ปี ผู้ใดมากราบไหว้บูชาขอสิ่งใด จะสำเร็จในสิ่งนั้นสมดังชื่อ

พระครูปลัดกันตพัฒน์เล่าว่า พระพุทธรูปองค์นี้ชาวบ้านขุดพบที่ จ.ลพบุรี ก่อนอัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดสำปะซิว พ.ศ.2495 ครั้งหนึ่งมีคนคิดจะขโมยไป โดยใช้วิธีวางยานอนหลับเจ้าอาวาส แต่ปรากฏว่าพยายามยกเท่าไหร่ก็ไม่สามารถยกไปได้ เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจมาก

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประการต่อมา คือ "พระบรมสารีริกธาตุ" ที่อดีตเจ้าอาวาสเก็บรักษาไว้กว่าครึ่งศตวรรษ ผู้ใดได้มากราบไหว้บูชา ถวายผ้าไตร ถือว่าเป็นมงคลอันสูงสุดในชีวิต

บริเวณใกล้กันประดิษฐาน "พระพิฆเณศ ปางหมอยา" ถือเป็นพระพิฆเณศองค์เดียวใน จ.สุพรรณบุรี ที่ถือถ้วยยา ไม่ใช่ศาสตราวุธ เชื่อว่าผู้ใดกราบไหว้จะหายจากโรคภัยไข้เจ็บ เล่ากันว่าก่อนหน้านี้มีคนมาขโมยไป แต่เอาไปได้เพียง 2 วัน ก็ต้องนำมาวางคืนไว้ริมทางหน้าวัด เนื่องจากป่วยเป็นไข้จับสั่น และฝันว่าถูกช้างไล่เหยียบ

มหามงคลอย่างที่ 4 คือ รูปปั้น "พระสีวลี" พระผู้เป็นเลิศด้านมีลาภมาก เชื่อว่าผู้ใดกราบไหว้บูชา มีไว้สักการะที่บ้านหรือติดตัว จะมีกินมีใช้ตลอด


มหามงคลอย่างที่ 5

"อุโบสถ 698 ปี" ภายในนอกจากมีจิตรกรรมฝาผนังแสดงภาพพุทธประวัติที่สวยงาม และสอดแทรกตัวการ์ตูนหลายอย่าง ทั้งโดเรมอน เบ็นเท็น แองกรี้เบิร์ด แล้ว ยังมีภาพจิตรกรรมฝีพระหัตถ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ด้วย







โบสถ์หลังนี้ยังประดิษฐาน "หลวงพ่อสมปรารถนา" เป็นพระประธานอุโบสถที่เก่าแก่เป็นอันดับที่ 4 ของ จ.สุพรรณบุรี มีชื่อเสียงด้านช่วยให้สมปรารถนา โดยเฉพาะเรื่องหนี้สิน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้ หรือลูกหนี้

ที่แปลกตาคือ "วิหารฐานสำเภา" มหามงคลอย่างที่ 7 สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ลักษณะวิหารมีฐานโค้งเหมือนเรือสำเภา เป็นแห่งเดียวในเมืองสุพรรณ ภายในประดิษฐานรอยพระพุทธบาท และพระพุทธรูปหินทรายเก่าแก่จำนวนมาก

ถัดไปด้านหลังเป็นที่ตั้งของ "ศาลาเรือนแพ" มหามงคลอย่างที่ 8 สร้างด้วยไม้ไผ่กว่า 3,000 ลำ อยู่ริมแม่น้ำท่าจีน เป็นสถานที่สร้างทานบารมี นักท่องเที่ยวสามารถให้อาหารปลาตะเพียนทอง และปลากระแหทอง เพื่อสืบอายุ ต่อชะตา ตามวจนะมงคลที่ว่า ทำบุญแล้วต้องทำทานด้วย

มหามงคลสุดท้าย รูปปั้น "พราหมณ์พ่อชูชก" เทพแห่งการขอสำเร็จ ขอเงินได้เงิน ขอทองได้ทอง ผู้ใดหวังเรื่องโชคลาภ กิจการงาน มาบนบานขอจากท่านได้

วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ฝึกจิต ปฏิบัติกาย ถวายพุทธชยันตี

สํานักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ร่วมกับ กระทรวงศึกษาธิการ และบริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด จัดโครงการ "ฝึกจิต ปฏิบัติกาย ถวายพุทธชยันตี" เนื่องในปีพุทธชยันตี 2600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

พระพรหมสิทธิ เจ้าคณะภาค 10 และที่ปรึกษาสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ วัดสระเกศฯ พร้อมด้วย นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ, นายอำนาจ บัวศิริ รองผอ.สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และผู้บริหารบริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด ร่วมแถลงข่าวการจัดโครงการ "ฝึกจิต ปฏิบัติกาย ถวายพุทธชยันตี" เนื่องในปีพุทธชยันตี 2600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

พระพรหมสิทธิ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ส่งเสริมให้เยาวชนได้นำแนวทางการทำสมาธิ ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่สำคัญอันนำไปสู่การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า มาเป็นแนวทางในการฝึกปฏิบัติทั้งทางกายและทางจิตใจ โดยประกอบด้วยกิจกรรม 1 นาที ถวายพุทธชยันตี ซึ่งจะให้นักเรียนในโรงเรียนทั่วประเทศได้นั่งสมาธิทุกวัน วันละ 1 นาที ก่อนเข้าเรียน เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นให้นักเรียนได้รู้จักการนั่งสมาธิ และให้เห็นถึงข้อดีของการนั่งสมาธิทำจิตใจให้สงบ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากกับการศึกษาเล่าเรียน






พร้อมกันนี้ สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ ยังได้เชิญชวนนักเรียนทั่วประเทศร่วมสวดมนต์พร้อมกันทุกสัปดาห์ โดยใช้บทสวดพุทธชยันตี ที่มีเนื้อหากล่าวถึงชัยชนะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มีต่อหมู่มาร และกิเลสทั้งปวงอย่างสิ้นเชิง อันทำให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อุบัติขึ้นในโลก

นอกจากนี้ ยังคัดเลือกตัวแทนนักเรียน 300 คน จากทั่วประเทศ เพื่อเป็นยุวทูตพุทธชยันตี โดยเยาวชนเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นเสมือนทูตที่จะช่วยเผยแพร่กิจกรรมของโครงการให้กับเพื่อนๆ และคนในครอบครัว เพื่อที่จะเชิญชวนให้คนรอบข้างของเด็กๆ ได้มาร่วมกันปฏิบัติตามแนวทางอันดีของพระพุทธเจ้า


โครงการดังกล่าวยังมีกิจกรรมการประกวดจัดบอร์ดนิทรรศการในหัวข้อ พุทธชยันตี 2600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า โดยแบ่งการแข่งขันเป็น 3 ระดับ คือ ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ชิงโล่ประทานจากเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ใบประกาศเกียรติคุณ และทุนการศึกษามูลค่ากว่า 300,000 บาท

ซึ่งการประกวดจัดบอร์ดนิทรรศการ จะรับผลงานเข้าประกวดในช่วงเข้าพรรษา ถือเป็นกุศโลบายที่ดีอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้เยาวชนของเราได้ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องราวของพระพุทธศาสนาในโอกาสครบ 2600 ปี แห่งการตรัสรู้ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และนำความรู้ความเข้าใจนั้นเผยแพร่บอกต่อไปยังบุคคลอื่น ผ่านการจัดบอร์ดนิทรรศการ โดยผลงานที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายจะนำมาจัดแสดงที่วัดสระเกศฯ บริเวณรอบภูเขาทองในช่วงปีใหม่ เพื่อเป็นประโยชน์แก่พุทธศาสนิกชนที่เดินทางมาทำบุญที่วัดในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย

นักเรียน และโรงเรียนที่สนใจเข้าร่วมแข่งขันจัดบอร์ดนิทรรศการ ทางโครงการจะแบ่งช่วงเวลาการรับผลงานเข้าประกวด เป็นดังนี้

- ระดับประถมศึกษา ส่งผลงานภายในเดือนสิงหาคม 2555 
- ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ส่งผลงานภายในเดือนกันยายน 2555 
- ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ส่งผลงานภายในเดือนตุลาคม 2555
ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร 
เลขที่ 334 ถ.จักรพรรดิพงษ์ แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. 10100

นายสุชาติ กล่าวว่า โครงการ "ฝึกจิต ปฏิบัติกาย ถวายพุทธชยันตี" 
จะช่วยให้นักเรียนและครูนำหลักการฝึกอบรมคุณธรรมจริยธรรมเข้ามาในโรงเรียนมากขึ้น 
จากเดิมซึ่งอาจจะมีความห่างไกลจากพระไปบ้าง ดังนั้นหากเราสามารถพลิกฟื้นนำธรรมะ
กลับมาให้มีความเจริญรุ่งเรือง โดยเฉพาะทางจิตใจของครูอาจารย์กว่า 5 แสนคน 
และ นักเรียนนักศึกษากว่า 5 ล้านคนแล้ว เชื่อมั่นว่าจะมีคุณธรรมเข้ามาแทรกอยู่ในสังคมและประเทศชาติเป็นจำนวนมาก หากได้รับการฝึกอบรม ก็จะเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนพฤติกรรมเป็นคนดีได้ ขณะเดียวกันการศึกษาไทย พี่น้อง ครูอาจารย์ จะได้รับความเป็นธรรม และความก้าวหน้าเป็นอย่างดี

Vegetarian (มังสวิรัติ)

พระพุทธเจ้าท่านฉันท์ มังสวิรัติ ท่านไม่ฉันท์ เนื้อสัตว์ แต่ท่านก็มิได้ห้ามฉันท์เนื้อสัตว์ เพราะธรรมนั้นเมื่อฝึกแล้ว สิ่งวิเศษจะรู้ได้เฉพาะตน ใครเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเราตถาคต

ทำไมพระพุทธเจ้าจึงไม่ฉันท์เนื้อสัตว์ แต่ก็ทรงมิได้ห้ามไม่ให้ฉันท์เนื้อสัตว์ เพราะพระพุทธเจ้าท่านเดินสายกลางท่านรู้ว่ามนุษย์นั้น มีความเห็นแก่ตัว หาทางแก้ตัว เพื่อความสุขของตัวเอง




ศีล 5 ข้อที่ 1 ระบุไว้ว่า "ควรเว้นเสียจากฆ่าสัตว์" เท่านี้ท่านที่มีปัญญาน่าจะรู้ว่า พระพุทธเจ้าท่าน ท่านห้ามฆ่าสัตว์แต่ท่านใช้คำว่าควรเว้น เมื่อไม่ฆ่าสัตว์ แล้วจะเอาเนื้อสัตว์มาจากไหน แต่ท่านมิได้ห้ามปราม

เพราะมนุษย์นั้น มีทั้งที่สอนได้ และสอนไม่ได้ ท่านให้คิดเอาเอง เพื่อจะได้ไม่ต้องมีปัญหามาถกเถียงทะเลาะกันในภายหน้า ท่านนั้นมิห้าม คือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ห้ามก็มีปัญหา ไม่ห้ามก็มีปัญหา ให้คิดเอาเอง ถึงสิ่งที่ถูกต้องที่สุด

ท่านเพียงแต่แนะสิ่งที่ควรเป็นให้เท่านั้น พระองค์ทรงไม่ประกาศเป็นกฎ เพราะจะเป็นการสร้างกำแพงแบ่งแยกแล้วมาทะเลาะกันซะเปล่าๆ 

พระองค์ทรงฉลาดและทำถูกต้องแล้ว ปล่อยให้คิดเอาเองไม่ดีกว่าหรือ มีคนใส่บาตร เอาเนื้อสัตว์มาใส่มาให้พระองค์ พระองค์ก็ทรงรับมิได้ว่ากล่าวสิ่งใด พระองค์ทรงใช้ปัญญาในการฉันท์ โดยไม่เบียดเบียนเนื้อสัตว์ทรงฉันท์ในส่วนดีบริจาคในส่วนเลว ช่วงหลังๆก็จะรู้กันเองว่าพระองค์ไม่ฉันท์เนื้อสัตว์ ซึ่งพระองค์มิได้บอกว่าฉันท์หรือไม่ฉันท์เนื้อสัตว์ ให้ดูกันเอาเอง 

ซึ่งพระองค์ก็พร่ำสอน ควรเว้นเสียจากการเบียดเบียนชีวิตผู้อื่นซะ ทำไมไม่ใช้ปัญญาคิดเอาเอง จะต้องให้พระพุทธเจ้าบอกทุกเรื่องหรือ ลองคิดดูหากพระพุทธเจ้า ท่านบอกว่าให้กินเนื้อสัตว์ได้ แสดงว่า พระพุทธเจ้านั้นโกหกเรานะซิเพราะศีลข้อที่ 1 พระองค์เป็นคนบอกเองว่า ให้ควรเว้นเสีย จากการฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต แล้วพระองค์จะมาบอกให้กินได้นั้น แม้จะเห็นหรือไม่เห็นการฆ่าลองถามใจตัวเองดูก่อนว่าขั้นตอนนั้นก่อนมาเป็นอาหารนั้นเป็นมายังไง จะมาบอกว่าเราไม่รู้เรากินได้ มันจะมายังไงเราไม่สน เรากินได้เราไม่รู้มันมาอย่างไรอาหารนี้ ถามใจตัวเองดูดังๆว่ามันเป็นไปได้หรือที่เราไม่รู้ หรือเราแกล้งไม่รู้ซะมากกว่า หาทางแก้ตัวเพื่อจะกินเค้าซะมากกว่า บางคนบอกว่าเอาทุกอย่างรวมกัน แล้วไม่รู้อะไรเป็นอะไร 

เป็นไปได้หรือ ซักวันมีคนเอาของน่าเกลียดใส่รวมคนไปให้เรากิน ทั้งที่เรารู้จะบอกว่าไม่รู้กินได้เราจะกินได้ไหม หากสิ่งนั้นเป็นสิ่งชวนอ๊วก อาหารชั้นดีใส่รวมไปใครก็กินได้ไม่เห็นแปลกเลย ลองหยิบของชวนอ๊วกใส่รวมไปด้วยซิจะกินได้ไหม เราแยกออกนี่ว่าอะไรเป็นอะไรใช้ปัญญาคิดดู อย่าเอาแต่พึ่งพระพุทธเจ้า ว่าอันนี้พระพุทธเจ้าบอกว่าใช้ได้จึงทำอันนี้ใช้ไม่ได้จึงไม่ทำ บางอย่างคิดเอาเองบ้างลองคิดถึงชีวิตเราซิ เรารักชีวิตหรือเปล่า เรากลัวไหมหากมีคนถืออาวุธจะมาทำร้ายฆ่าเราเราจะกลัวไหม หรือคิดว่าชีวิตคนอื่นนั้นมีค่าน้อยกว่าเรา เรามีค่ามากกว่า เรากินได้ไม่ผิด 

เรากลัวว่าถ้าเราไม่กิน เราจะขาดสารอาหาร วัวควายช้างม้าตัวเบ่อเริ่มมันกินอะไรกัน คิดถึงแต่จะเอาชีวิตคนอื่น มาเติมเป็นสารอาหารให้กับเรา แล้วชีวิตเราหล่ะ เราอยากเป็นสารอาหารให้กับชีวิตคนอื่นหรือเปล่า ใช้ปัญญาคิดเอาเองบ้างซิครับ 

พระองค์ทรงแนะแนวทางให้เราใช้ปัญญา ไม่สร้างกำแพงใด ๆ ไม่มาแบ่งแยก คนกินได้ คนกินไม่ได้ คนไหนคิดได้ก็ไม่ต้องกิน คนไหนคิดไม่ได้ก็กินไป พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ว่าใครผิดใครถูก ให้คิดเอาเอง ใช้ปัญญาเอาเอง ท่านฉลาด และทำถูกแล้ว 

ทุกวันนี้ก็ยังมีคนมาเถียงกันเรื่องนี้ไม่จบซักที คนที่เถียงกันทั้งสองฝ่ายนั่น ใช้ปัญญาหรือยัง พระพุทธเจ้าไม่เถียงทั้งสองฝ่าย ให้คิดเอาเอง คำว่า "ควรเว้นเสียจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต" คำนี้จะเว้นก็ได้ไม่เว้นก็ได้แล้วแต่ท่านจะหาคำใดมาลบล้างกัน ท่านให้ใช้ปัญญาคิดเอาเอง สิ่งไหนดี หรือสิ่งไหนไม่ดี คนเราต้องคิดเป็น 

ขนาดพุทธเจ้ายังกล่าวว่า ให้เป็นไปตามกรรมเถิด คนพวกนี้สอนไม่ได้ดอก คนไหนไม่กินเนื้อสัตว์ ผมขออนุโมทนาสาธุด้วย คนไหนกินเนื้อสัตว์ก็กินไปเถิด ผมมิได้ว่าอะไร ก็ขอให้มีความสุขเช่นกัน เราต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างคิด ปัญญาใครปัญญามัน ดังพระท่านว่า นานาจิตตัง ทำดีใจเป็นสุขแค่นั้นพอ

วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ศรัทธา

"ศรัทธา" หมายถึง ความเชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ ไม่งมงายไร้เหตุผล เป็นความเชื่อที่ประกอบด้วยปัญญา ศรัทธาที่มั่นคง หมายถึง ศรัทธาที่มีความรู้กำกับ ไม่หวั่นไหวเอนเอียงไปเพราะความไม่รู้ ความหลงงมงาย

ศรัทธา ความเชื่อ มีหลายระดับชั้น แต่ในที่นี้จะพูดถึงหลักความเชื่อ 4 ประการ ที่ควรศึกษาเพื่อเป็นแนวทางในการสร้างความสุข คือ 

- ความเชื่อกรรม คือ เชื่อเรื่องการกระทำที่เกิดขึ้นทางกาย วาจา ใจ ว่ามีทั้งฝ่ายดีและฝ่ายชั่ว การทำชั่วทางกายเรียกกายทุจริต ทางวาจาเรียกวจีทุจริต ทางใจเรียกมโนทุจริต ส่วนการทำดีทางกายเรียกกายสุจริต ทาง วาจาเรียกวจีสุจริต ทางใจเรียกมโนสุจริต เป็นความมั่นใจในการกระทำอย่างชัดเจน เหมือนเข็มทิศสำหรับนำพาไปสู่ทิศต่างๆ ความเชื่อด้านนี้ก็จะนำไปสู่การกระทำต่อไป

- ความเชื่อผลแห่งกรรม คือ เชื่อว่าการกระทำทั้งกาย วาจา ใจ จะต้องมีผลจากการกระทำนั้นอย่างแน่นอน และไม่มีอะไรสามารถเปลี่ยนแปลงผลของมันได้ กล่าวคือ ถ้าทำไม่ดี ก็ย่อมได้รับผลกรรมจากความทุกข์ แต่ถ้าทำดี ก็ย่อมได้รับผลเป็นความสุข มีผลทั้งในชาตินี้และชาติหน้า

- ความเชื่อว่าทุกคนมีการกระทำเป็นของตนเอง คือ ความเชื่อที่ตอกย้ำลงไปว่า เมื่อทำดีย่อมได้รับผลดี เมื่อกระทำชั่วก็ย่อมได้รับผมชั่วนั้นตอบสนอง คือ ย่อมจะได้รับผลกรรมนั้นเป็นของตนเองแน่นอน เปรียบกับหว่านพืชผลเช่นใด ก็ได้ผลเช่นนั้น ผู้ทำดีย่อมได้ดี ผู้ทำชั่วย่อมได้ชั่ว โดยที่ไม่มีผู้ใดสามารถทำกรรมแทนกันได้ ทุกคนล้วนได้รับผลกรรมที่ตนทำขึ้นทุกอย่าง ไม่มีงดเว้น เบี่ยงเบนออกไป

- เชื่อในความรู้ของพระพุทธเจ้า คือ เชื่อในพระปัญญาของพระองค์ที่ทรงค้นพบหลักธรรมแล้วนำมาประกาศให้ชาวโลกรู้ ตาม มีความมั่นใจในพระองค์ว่าทรงเป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธะ ตรัสธรรมบัญญัติวินัยไว้ด้วยดี ทรงเป็นผู้นำทางที่แสดงให้เห็นว่า หากทุกคนฝึกฝนตนด้วยดี ก็สามารถเข้าถึงภูมิธรรมสูงสุดและหลุดพ้นได้ ดังที่พระองค์ทรงบำเพ็ญไว้เป็นแบบอย่าง

การเชื่อในความรู้ของพระพุทธเจ้า ก็เท่ากับการเชื่อต่อเหตุผลนั่นเอง เพราะพระองค์จะทรงสอนอะไร ก็ล้วนแต่มีเหตุมีผล ซึ่งผู้ฟังทุกคนสามารถนำไปตรึกตรองพิจารณาให้เห็นได้ด้วยตนเอง พระองค์จะคอยตักเตือนเสมอว่า อย่าเชื่อโดยไร้เหตุผล หรือเชื่ออย่างงมงายโดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ สอนให้ใช้ความสังเกตในที่ทั่วไป 

ศรัทธาจึงเป็นเรื่องน่ากลัว เพราะถ้าศรัทธามัวเมา ไม่ประกอบด้วยปัญญา ก็จะนำพาให้ปฏิบัติผิด ทำให้ชีวิตได้รับแต่ความทุกข์ ผู้ที่มีศรัทธาตั้งมั่น มีหลักความเชื่อที่ถูกต้องเป็นแกนยึดนั้น ย่อมปฏิบัติตามได้อย่างสอดคล้อง ระมัดระวัง ไม่บุ่มบ่ามย่ามใจ

ดังนั้น การปรับทิศทางความเชื่อให้ประกอบด้วยปัญญา มีความรู้คอยกำกับ เป็นความเชื่อที่ถูกต้อง และตั้งมั่นในความเชื่อที่ถูกต้องนั้น ก็ย่อมทำให้ได้รับความสุขได้ ดังพุทธภาษิตที่ว่า 
"ความเชื่อที่ตั้งมั่นแล้ว นำความสุขมาให้"

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

เจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) 
ถือกำเนิดในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) ณ บ้านไก่จ้น อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 5 ปีวอก ตรงกับวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2331 บิดาไม่ปรากฏนาม มารดาชื่อ เกตุ ในกาลต่อมา บิดามารดาของท่านได้ย้ายครอบครัวมาอยู่ที่ ตำบล ไชโย จังหวัดอ่างทอง และท่านได้ย้ายครอบครัวอีกครั้งหนึ่ง โดยมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ บางขุนพรหม จังหวัดพระนครในสมัยนั้น

หลังจากได้ย้ายครอบครัวมาที่บางขุนพรหม ท่านได้เรียนอักษรสมัย กับ ท่านเจ้าคุณอรัญญิก (ด้วง) เจ้าอาวาสวัดอินทร์ในสมัยนั้น 

เมื่ออายุได้ 12 ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดอินทร์ โดยมี ท่านเจ้าคุณบวรวิริยเถร (อยู่) เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้ย้ายไปอยู่วัดระฆัง เพื่อเรียนพระปริยัติธรรม 



ท่านเป็นผู้มีปฎิภาณเป็นเลิศ มีความจำยอดเยี่ยม สามารถแปล และจดจำพระไตรปิฎก ได้อย่างแม่นยำ
ความทราบถึง พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่2) ขณะดำรงพระอิสริยยศ เป็นสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนอิศรสุนทร ทรงชื่นชม และได้พระราชทาน เรือกัญญาหลังคาแซง ไว้เป็นพาหนะประจำตัว นับว่าเป็นเกียรติแก่ท่าน เพราะเรือชนิดนี้ เป็นเรือของผู้ดำรงตำแหน่ง เทียบเท่าพระองค์เจ้า

เมื่อมีอายุครบอุปสมบท พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก(รัชกาลที่ 1) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ท่านอุปสมบทในพระบรมราชานุเคราะห์เป็นนาคหลวง ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) พระบรมมหาราชวังโดยมี พระสมเด็จพระสังฆราช(สุก) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า "พรหมรังสี"

ต่อมาในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4 ) ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสมณศักดิ์ที่ พระธรรมกิตติ และได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระราชาคณะชั้นผู้ใหญ่ที่ พระเทพกระวี ในปี พ.ศ.2397 จากนั้นในปี พ.ศ.2407 จึงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่ สมเด็จพระพุฒาจารย์


ในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ.2415 เจ้าประคุณสมเด็จฯ ท่านได้ดูแลการก่อสร้างหลวงพ่อโตที่วัดบางขุนพรหม (วัดอินทรวิหาร) แล้วอาพาธด้วยโรคชรา และได้ถึงแก่มรณภาพในวันเสาร์ แรม 2 ค่ำเดือน 8 ตรงกับ วันที่ 22 มิถุนายน พุทธศักราช 2415 สิริรวมอายุได้ 84 ปี 64พรรษา