โดยได้นิมนต์ พระราชธรรมนิเทศ (พระพยอม กัลยาโณ) จากวัดสวนแก้ว มาบรรยายธรรมในครั้งนี้ โดยพระราชธรรมนิเทศ (พระพยอม กัลยาโณ) จากวัดสวนแก้ว ได้เทศนาธรรมในหัวข้อ "สวรรค์ไม่เคยช่วยเหลือคนเกียจคร้าน" ว่า การใช้ชีวิตของมนุษย์มีทั้งทุกข์และสุขปนกันไป อะไรก็ไม่ใช่ของเรา เพราะมนุษย์ทุกวันนี้เกิดความรู้สึกเป็นตัวเป็นตนได้ง่ายจริง ถ้าตอนเราไม่มีตัวตน เราไม่มีความรู้สึกว่า มีเรา มีเขา ทำไมเราอยู่สบายจัง โยมมาที่วัดใจสบาย เคยสังเกตไหมว่าทำไมถึงสบาย ก็เพราะมาวัด อะไรก็ไม่ใช่เรา ไม่มีอะไรที่เป็นของเรา เราไม่ยึดถือ และหากเรารู้ว่าอะไรๆ ในโลกนี้เป็นธรรมชาติหมด เราไม่โกง ไม่ยึดมั่นถือมั่น มันก็เป็นสุขที่ง่ายขึ้น ถ้าเรามีธรรมะเราก็ไม่ทุกข์ เพราะเราไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งปวง นั้นแปลว่าถ้าคนเราเกิดมาทุกข์ง่าย การจะสุขก็จะยากตามไปด้วยการที่เราจะดับทุกข์ได้เราต้องมีฉันทะ คนโชคดีเท่านั้นที่มีฉันทะมากกว่าคนอื่นๆ
พระพยอมยังเทศนาต่ออีกว่า สำหรับคำพูดที่ว่า "ขยัน" มาจาก "ขายัน" ส่วน "ขี้เกียจ" มาจาก "หลังยัน" โดยพระพยอมมีมารดาเป็นตัวอย่างในการดำเนินชีวิต โยมแม่คอยสอนอยู่เสมอว่า "ขยันให้เหงื่อออกทางขุมขน ดีกว่าขี้เกียจแล้วยากจน จนน้ำล้นออกทางตา" เพราะไม่มีสิ่งใดบนโลกนี้ที่จะอำนวยความสำเร็จในชีวิตของแต่ละคนได้เท่ากับ "ความขยันหมั่นเพียรของตัวเอง" ใครที่ไปอ้อนวอนขอแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์แสดงว่าคนๆ นั้นขาดสติ การที่มนุษย์เพิ่งตัวเองนั่นแหละคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประเสริฐที่สุด ที่ที่เขาบอกกันว่า คนที่ขยันหมั่นเพียรคือคนที่จะพบเจอะแต่ความสุข ส่วนคนที่เกียจคร้านก็จะพบเจอแต่ความทุกข์เช่นกัน สุดท้ายขอคติประจำใจให้กับพุทธศาสนิกชนทุกท่านด้วย คำพูดที่ว่า "อุปสรรคไม่มี บารมีไม่เกิด สู้ไปเถิด แล้วจะเกิดบารมีและความสำเร็จ"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น