วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วัดโดเรมอน

หลังข่าวสารเผยแพร่ออกไป มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาทำบุญที่วัดเพิ่มขึ้นเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ จากที่แทบไม่มีใครมาเลย ยกเว้นหน้าเทศกาล กลายเป็นแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวไม่เคยขาด โดยเฉพาะช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ บางคณะมากันนับร้อยชีวิต!!

ที่น่าแปลกใจอีกอย่าง คือกลายเป็นเด็กๆ ที่ชวนพ่อแม่มาเข้าวัด ถือเป็นโอกาสดีให้คนทุกเพศ ทุกวัย ใกล้ชิดวัดวา และได้สนทนาธรรมกับพระสงฆ์มากขึ้น

เดิม จ.สุพรรณบุรี มีโปรแกรมท่องเที่ยวไหว้พระ 9 วัดอยู่แล้ว แต่จะเน้นไปที่วัดซึ่งอยู่ฝั่งขวาของแม่น้ำท่าจีน ต่อมา ททท.เห็นว่าฝั่งโน้นคึกคักแล้ว จึงรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวมาไหว้พระฝั่งนี้บ้าง

โดยจัดโครงการ Classic Route ชวนเที่ยว 5 วัด ตามรอยสมเด็จพระนเรศวร มีวัดสำปะซิวเป็นจุดเริ่มต้น ก่อนจะต่อไปยังวัดปู่บัว วัดโพธิ์เจริญ วัดวรจันทร์ และ วัดพร้าว


วัดสำปะซิว
ตั้งอยู่ที่ ต.สนามชัย อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ตามประวัติของวัดระบุว่า สร้างมาตั้งแต่พ.ศ.1857 หรือ สมัยอยุธยาตอนต้น เดิมเป็นสถานที่ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และกองทัพมาหยุดพักรบ เพื่อตรวจสอบบัญชีจำนวนทหารในกองทัพว่าสูญหายไปจากการทำศึกเท่าใด และคงเหลืออยู่เท่าใด

ประชาชนในสมัยนั้นเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า "สางบัญชี" จึงตั้งชื่อว่า "วัดสางบัญชี" ก่อนจะเพี้ยนเป็น "วัดสำปะซิว" ในปัจจุบัน แม้แต่ในโคลงนิราศเมืองสุพรรณของกวีเอกสุนทรภู่ ก็ยังมีตอนหนึ่งระบุถึงย่าน นี้ด้วย



นอกจาก "จิตรกรรมฝาผนังรูปโดเรมอน" อันเป็นที่ฮือฮาแล้ว วัดสำปะซิวยังมีอีกหลายอย่างให้นักท่องเที่ยวแวะชม และสักการะ โดยตลอดเส้นทางก่อนถึงวัด นักท่องเที่ยวจะสะดุดตากับป้ายเชิญชวนให้มากราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 9 มหามงคล ที่รวมอยู่ในวัดนี้วัดเดียว

สิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างแรก คือ "พระพุทธรูปหลวงพ่อทองสัมฤทธิ์" พระพุทธรูปเก่าแก่สมัยทวารวดี อายุกว่า 1,000 ปี ผู้ใดมากราบไหว้บูชาขอสิ่งใด จะสำเร็จในสิ่งนั้นสมดังชื่อ

พระครูปลัดกันตพัฒน์เล่าว่า พระพุทธรูปองค์นี้ชาวบ้านขุดพบที่ จ.ลพบุรี ก่อนอัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดสำปะซิว พ.ศ.2495 ครั้งหนึ่งมีคนคิดจะขโมยไป โดยใช้วิธีวางยานอนหลับเจ้าอาวาส แต่ปรากฏว่าพยายามยกเท่าไหร่ก็ไม่สามารถยกไปได้ เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจมาก

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประการต่อมา คือ "พระบรมสารีริกธาตุ" ที่อดีตเจ้าอาวาสเก็บรักษาไว้กว่าครึ่งศตวรรษ ผู้ใดได้มากราบไหว้บูชา ถวายผ้าไตร ถือว่าเป็นมงคลอันสูงสุดในชีวิต

บริเวณใกล้กันประดิษฐาน "พระพิฆเณศ ปางหมอยา" ถือเป็นพระพิฆเณศองค์เดียวใน จ.สุพรรณบุรี ที่ถือถ้วยยา ไม่ใช่ศาสตราวุธ เชื่อว่าผู้ใดกราบไหว้จะหายจากโรคภัยไข้เจ็บ เล่ากันว่าก่อนหน้านี้มีคนมาขโมยไป แต่เอาไปได้เพียง 2 วัน ก็ต้องนำมาวางคืนไว้ริมทางหน้าวัด เนื่องจากป่วยเป็นไข้จับสั่น และฝันว่าถูกช้างไล่เหยียบ

มหามงคลอย่างที่ 4 คือ รูปปั้น "พระสีวลี" พระผู้เป็นเลิศด้านมีลาภมาก เชื่อว่าผู้ใดกราบไหว้บูชา มีไว้สักการะที่บ้านหรือติดตัว จะมีกินมีใช้ตลอด


มหามงคลอย่างที่ 5

"อุโบสถ 698 ปี" ภายในนอกจากมีจิตรกรรมฝาผนังแสดงภาพพุทธประวัติที่สวยงาม และสอดแทรกตัวการ์ตูนหลายอย่าง ทั้งโดเรมอน เบ็นเท็น แองกรี้เบิร์ด แล้ว ยังมีภาพจิตรกรรมฝีพระหัตถ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ด้วย







โบสถ์หลังนี้ยังประดิษฐาน "หลวงพ่อสมปรารถนา" เป็นพระประธานอุโบสถที่เก่าแก่เป็นอันดับที่ 4 ของ จ.สุพรรณบุรี มีชื่อเสียงด้านช่วยให้สมปรารถนา โดยเฉพาะเรื่องหนี้สิน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้ หรือลูกหนี้

ที่แปลกตาคือ "วิหารฐานสำเภา" มหามงคลอย่างที่ 7 สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ลักษณะวิหารมีฐานโค้งเหมือนเรือสำเภา เป็นแห่งเดียวในเมืองสุพรรณ ภายในประดิษฐานรอยพระพุทธบาท และพระพุทธรูปหินทรายเก่าแก่จำนวนมาก

ถัดไปด้านหลังเป็นที่ตั้งของ "ศาลาเรือนแพ" มหามงคลอย่างที่ 8 สร้างด้วยไม้ไผ่กว่า 3,000 ลำ อยู่ริมแม่น้ำท่าจีน เป็นสถานที่สร้างทานบารมี นักท่องเที่ยวสามารถให้อาหารปลาตะเพียนทอง และปลากระแหทอง เพื่อสืบอายุ ต่อชะตา ตามวจนะมงคลที่ว่า ทำบุญแล้วต้องทำทานด้วย

มหามงคลสุดท้าย รูปปั้น "พราหมณ์พ่อชูชก" เทพแห่งการขอสำเร็จ ขอเงินได้เงิน ขอทองได้ทอง ผู้ใดหวังเรื่องโชคลาภ กิจการงาน มาบนบานขอจากท่านได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น