(หลวงปู่สรวง วรสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดถ้ำพรหมสวัสดิ์ ต.ช่องสาริกา อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี
นามเดิม สรวง นามสกุล พรหมสวัสดิ์ เกิดเมื่อวันพุธที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2476 ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 ปีระกา ณ บ้านเลขที่ 1 หมู่ 10 บ้านน้อยนาเวิน ตำบลโพนเมืองน้อย อำเภอหัวตะพาน อุบลราชธานี (ปัจจุบันจังหวัดอำนาจเจริญ)
ตัดสินใจอุปสมบทตามเพื่อนครั้งที่ 1 ณ วัดศรีบุรีรัตนาราม ตำบลปากเพียว อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี เมื่อ พ.ศ. 2496 อายุ 20 ปีบริบูรณ์ เพื่อถวายเป็นพระราชชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสเสด็จนิวัติกลับประเทศไทยหลังจากเรียนจบจากประเทศอังกฤษ
ตัดสินใจอุปสมบทตามเพื่อนครั้งที่ 1 ณ วัดศรีบุรีรัตนาราม ตำบลปากเพียว อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี เมื่อ พ.ศ. 2496 อายุ 20 ปีบริบูรณ์ เพื่อถวายเป็นพระราชชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสเสด็จนิวัติกลับประเทศไทยหลังจากเรียนจบจากประเทศอังกฤษ
และได้แยกกันไปจำพรรษา ณ วัดบ้านพึ่ง อำเภอ เดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี มีโอกาสได้ถวายตัวเป็นลูกศิษย์ หลวงปู่แขม หลวงปู่แขมได้สอนวิชาอาคมต่างๆ อยุ่จวบจนตลอดพรรษา พ.ศ.2497 ปลายปีออกพรรษาเสร็จก็ได้ลาสิกขา และได้ไปทำงานต่อที่กรุงเทพฯ
หลังจากลาสิกขาแล้วก็ไดไปทำงานต่อที่กรุงเทพฯ ใช้ชีวิตในวัยหนุ่มอย่างสนุกสนานไม่ได้สนใจอะไรเที่ยวเล่นไปวันๆ ด้วยความที่เคยบวช และมีอุปนิสัยในการบวช อยู่มาวันหนึ่งก็เกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตฆราวาส เบื่อหน่ายในหน้าที่การงาน ชีวิตเรานอกจากจะกินเที่ยวแล้วก็หาสาระแก่นสาระอะไรไม่ได้เลย ไม่มีคุณค่า และความหมายสมกับได้เกิดมา มีแต่ชักนำไปในทางที่ผิดมีแต่คิดไปในสิ่งที่ตกต่ำ ต่อไปนี้สิ่งใด ที่มันอยากทำเราก็จะไม่ทำ สิ่งไหนที่มันต้องการมากๆ เราก็จะไม่หามาให้มันลองดูสิทำไม่มันหลงมัวเมาอยู่อย่างนี้พอหนักๆ เข้ามันหลายปีก็มาหวนคิดอยากบวชให้โยมพ่อโยมแม่
พ.ศ. 2500 ได้เข้าพิธีอุปสมบทโดยมี เจ้าอธิการคำ อิณณมุตโต วัดบางชะแงะ อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอุบลราชธานี (ปัจจุบันคือจังหวัดอำนาจเจริญ) เป็นพระอุปัชฌาย์ ก่อนเข้าพรรษาได้ลาญาติโยมไปจำพรรษากับหลวงปู่แขม ที่วัดสำเภาร่ม อำเภอเดิมบางยางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เพราะยังมีความสนใจในสรรพเวทย์วิทยาคมต่างๆ ตามประสาความนิยมของคนในสมัยนั้น ได้จำพรรษากับหลวงปู่แขม 2 พรรษาแล้วได้ตัดสินใจกราบลาหลวงปู่แขม เพื่อออกเดินธุดงค์ไปหาพระอาจารย์ฝ่ายกรรมฐาน และตั้งใจจะไปหา พระอาจารย์จวน ซึ่งเป็นศิษย์หลวงปู่มั่น และหลวงปู่คำบุ ธมมธโร ซึ่งท่านเป็นสหธรรมิกกับพระอาจารย์จวนซึ่งเป็นศิษย์หลวงปู่มั่น ซึ่งท่านมึความชำนาญในเรื่องการฝึกกรรมฐาน และจาริกธุดงค์
หลังจากลาสิกขาแล้วก็ไดไปทำงานต่อที่กรุงเทพฯ ใช้ชีวิตในวัยหนุ่มอย่างสนุกสนานไม่ได้สนใจอะไรเที่ยวเล่นไปวันๆ ด้วยความที่เคยบวช และมีอุปนิสัยในการบวช อยู่มาวันหนึ่งก็เกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตฆราวาส เบื่อหน่ายในหน้าที่การงาน ชีวิตเรานอกจากจะกินเที่ยวแล้วก็หาสาระแก่นสาระอะไรไม่ได้เลย ไม่มีคุณค่า และความหมายสมกับได้เกิดมา มีแต่ชักนำไปในทางที่ผิดมีแต่คิดไปในสิ่งที่ตกต่ำ ต่อไปนี้สิ่งใด ที่มันอยากทำเราก็จะไม่ทำ สิ่งไหนที่มันต้องการมากๆ เราก็จะไม่หามาให้มันลองดูสิทำไม่มันหลงมัวเมาอยู่อย่างนี้พอหนักๆ เข้ามันหลายปีก็มาหวนคิดอยากบวชให้โยมพ่อโยมแม่
พ.ศ. 2500 ได้เข้าพิธีอุปสมบทโดยมี เจ้าอธิการคำ อิณณมุตโต วัดบางชะแงะ อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอุบลราชธานี (ปัจจุบันคือจังหวัดอำนาจเจริญ) เป็นพระอุปัชฌาย์ ก่อนเข้าพรรษาได้ลาญาติโยมไปจำพรรษากับหลวงปู่แขม ที่วัดสำเภาร่ม อำเภอเดิมบางยางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เพราะยังมีความสนใจในสรรพเวทย์วิทยาคมต่างๆ ตามประสาความนิยมของคนในสมัยนั้น ได้จำพรรษากับหลวงปู่แขม 2 พรรษาแล้วได้ตัดสินใจกราบลาหลวงปู่แขม เพื่อออกเดินธุดงค์ไปหาพระอาจารย์ฝ่ายกรรมฐาน และตั้งใจจะไปหา พระอาจารย์จวน ซึ่งเป็นศิษย์หลวงปู่มั่น และหลวงปู่คำบุ ธมมธโร ซึ่งท่านเป็นสหธรรมิกกับพระอาจารย์จวนซึ่งเป็นศิษย์หลวงปู่มั่น ซึ่งท่านมึความชำนาญในเรื่องการฝึกกรรมฐาน และจาริกธุดงค์
หลวงปู่สรวงท่านได้มาพักปฏิบัติธรรมกับ หลวงปู่คำบุอยู่ป่าช้าใกล้บ้านเหล่าขวาวเป็นป่าดงใหญ่ซึ่งอยู่ติดกับเขตบ้านโคกเลาะ และบ้านเหล่าขวาว ก่อนเข้าพรรษาในปีนั้นได้อำลาญาติโยมออกธุดงค์ไปพร้อมกับพระอาจารย์คำบุ เพื่อไปหาพระอาจารย์จวน ณ ถ้ำจันทร์ อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย
พ.ศ.2502 อายุ 24 ปี พรรษา 1 ได้ญัตติใหม่เป็นธรรมยุค ณ วัดประชานิยม ตำบลค้อใต้ อำเภอสว่างดินแดน จังหวัดสกลนครเพื่อศึกษาในด้านกรรมฐานแล้วได้ออกธุดงค์ไปหาหลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกองเพล
พ.ศ.2503-พ.ศ.2507 อายุ 27-31 ปี พรรษ 2-6 จำพรรษาที่วัดโพนเมืองน้อย และวัดป่าบ้านเหล่าขวาว ตำบลโพนเมืองน้อย จังหวัดอุบลราชธานี (ปัจจุบันคือจังหวัดอำนาจเจริญ) กลับมาจำพรรษาอยู่ที่บ้านเพื่ออยู่อุปการะโยมแม่ซึ่งแก่ชรา แล้วนำญาติโยมชาวบ้านก่อสร้างศาลาการเปรียญ และเสนาสนะต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก เช่น ศาลาบ้านโพนเมืองน้อย ศาลาบ้านเหล่าขวาว และ ศาลาบ้านโคกเลาะ เป็นต้น
พ.ศ.2502 อายุ 24 ปี พรรษา 1 ได้ญัตติใหม่เป็นธรรมยุค ณ วัดประชานิยม ตำบลค้อใต้ อำเภอสว่างดินแดน จังหวัดสกลนครเพื่อศึกษาในด้านกรรมฐานแล้วได้ออกธุดงค์ไปหาหลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกองเพล
พ.ศ.2503-พ.ศ.2507 อายุ 27-31 ปี พรรษ 2-6 จำพรรษาที่วัดโพนเมืองน้อย และวัดป่าบ้านเหล่าขวาว ตำบลโพนเมืองน้อย จังหวัดอุบลราชธานี (ปัจจุบันคือจังหวัดอำนาจเจริญ) กลับมาจำพรรษาอยู่ที่บ้านเพื่ออยู่อุปการะโยมแม่ซึ่งแก่ชรา แล้วนำญาติโยมชาวบ้านก่อสร้างศาลาการเปรียญ และเสนาสนะต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก เช่น ศาลาบ้านโพนเมืองน้อย ศาลาบ้านเหล่าขวาว และ ศาลาบ้านโคกเลาะ เป็นต้น
ในระหว่างออกพรรษาของแต่ละปีหลวงปู่จะออกธุดงค์ไปหาครูบาอาจารย์ และได้ร่วมเดินไปด้วยกัน 4 องค์คือ พระอาจารย์จวน พระอาจารย์วัน พระอาจารย์คำบุ พระอาจารย์สิงห์ทอง และ บางครั้งก็เดินธุดงค์ไปพร้อมกับ พระอาจารย์วัน อุตตโม เพียงสององค์
จนถึงปัจจุบันหลวงปู่สรวง วรสุทฺโธ ได้นำญาติโยมซึ่งเป็นชาวบ้าน และคณะญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาจากจังหวัดต่างๆ และ กรุงเทพมหานครฯ ส้รางอุโบสภและศาลาการเปรียญ วัดโคกเลาะ โดยมี พระครูปิยวรธรรม เจ้าอาวาสสัดโคกเลาะ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ยุคแรกๆ ของหลวงปู่สรวง นำญาติโยมสร้างอุโบสถและศาลาการเปรียญวัดเหล้าขวาว โดยมี พระครูคุณวิริยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเหล่าขวาว และนำญาติโยมบูรณะอุโบสถและปิดทองพระประธานในอุโบสถวัดอำนาจ โดยมีพระครูสิริสีลวัตร เจ้าอาวาสวัดอำนาจ ท่านมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านโคกเลาะ จึงความใกล้ชิดเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า บ้านโพนเมืองน้อย บ้านโคกเลาะ และบ้านเหล่าขวาว ซึ่งมีความผูกพันทางสายเลือดดังจะเห็นได้จากการจัดงานในแต่ละครั้ง ณ วัดถ้ำพรมสวัสดิ์ ได้มีคณะสงฆ์และชาวบ้านจากจังหวัดอำนาจเจริญในการร่วมงานทุกครั้งจากอดีตจนถึงปัจจุบัน และหลวงปู่ก็ได้เมตตาอนุเคราะห์คณะลูกศิษย์ในการนำคณะญาติโบมสร้างเนาสนะต่างๆ อย่างมากมายแค่วัดต่างๆ ในจังหวัดอำนาจเจริญ
ดังนั้นในการครั้งนี้หลวงปู่สรวง วรสุทฺโธ วัดถ้ำพรหมสวัสดิ์ จึงได้เมตตาอนุเคราะห์คณะสงฆ์และชาวบ้าน ซึ่งประกอบด้วย บ้านโคกเลาะ บ้านเหล่าขวาว บ้านอำนาจ สร้างเหรียญมงคลรุ่น “รักบ้านเกิด” ขึ้น
จนถึงปัจจุบันหลวงปู่สรวง วรสุทฺโธ ได้นำญาติโยมซึ่งเป็นชาวบ้าน และคณะญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาจากจังหวัดต่างๆ และ กรุงเทพมหานครฯ ส้รางอุโบสภและศาลาการเปรียญ วัดโคกเลาะ โดยมี พระครูปิยวรธรรม เจ้าอาวาสสัดโคกเลาะ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ยุคแรกๆ ของหลวงปู่สรวง นำญาติโยมสร้างอุโบสถและศาลาการเปรียญวัดเหล้าขวาว โดยมี พระครูคุณวิริยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเหล่าขวาว และนำญาติโยมบูรณะอุโบสถและปิดทองพระประธานในอุโบสถวัดอำนาจ โดยมีพระครูสิริสีลวัตร เจ้าอาวาสวัดอำนาจ ท่านมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านโคกเลาะ จึงความใกล้ชิดเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า บ้านโพนเมืองน้อย บ้านโคกเลาะ และบ้านเหล่าขวาว ซึ่งมีความผูกพันทางสายเลือดดังจะเห็นได้จากการจัดงานในแต่ละครั้ง ณ วัดถ้ำพรมสวัสดิ์ ได้มีคณะสงฆ์และชาวบ้านจากจังหวัดอำนาจเจริญในการร่วมงานทุกครั้งจากอดีตจนถึงปัจจุบัน และหลวงปู่ก็ได้เมตตาอนุเคราะห์คณะลูกศิษย์ในการนำคณะญาติโบมสร้างเนาสนะต่างๆ อย่างมากมายแค่วัดต่างๆ ในจังหวัดอำนาจเจริญ
ดังนั้นในการครั้งนี้หลวงปู่สรวง วรสุทฺโธ วัดถ้ำพรหมสวัสดิ์ จึงได้เมตตาอนุเคราะห์คณะสงฆ์และชาวบ้าน ซึ่งประกอบด้วย บ้านโคกเลาะ บ้านเหล่าขวาว บ้านอำนาจ สร้างเหรียญมงคลรุ่น “รักบ้านเกิด” ขึ้น
เพื่อหารายได้สมทบทุนสร้างเสนาสนะต่างๆ ภายในวัดเพื่อในการประกอบกิจของสงฆ์ และชาวบ้านต่อไป ดังคำกล่าวของหลวงปู่ว่า "การได้เกิดเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสานาถือว่าเป็นลาภอันประเสริฐ ฉะนั้นจงอาศัยร่างกายอันนี้ บำเพ็ญบุญกุศลให้มากๆ จะได้ไม่เสียที ที่ได้เกิดเป็นมนุษย์และพบพระพุทธศาสนา"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น