ทำไมพระพุทธเจ้าจึงไม่ฉันท์เนื้อสัตว์ แต่ก็ทรงมิได้ห้ามไม่ให้ฉันท์เนื้อสัตว์ เพราะพระพุทธเจ้าท่านเดินสายกลางท่านรู้ว่ามนุษย์นั้น มีความเห็นแก่ตัว หาทางแก้ตัว เพื่อความสุขของตัวเอง
ศีล 5 ข้อที่ 1 ระบุไว้ว่า "ควรเว้นเสียจากฆ่าสัตว์" เท่านี้ท่านที่มีปัญญาน่าจะรู้ว่า พระพุทธเจ้าท่าน ท่านห้ามฆ่าสัตว์แต่ท่านใช้คำว่าควรเว้น เมื่อไม่ฆ่าสัตว์ แล้วจะเอาเนื้อสัตว์มาจากไหน แต่ท่านมิได้ห้ามปราม
ศีล 5 ข้อที่ 1 ระบุไว้ว่า "ควรเว้นเสียจากฆ่าสัตว์" เท่านี้ท่านที่มีปัญญาน่าจะรู้ว่า พระพุทธเจ้าท่าน ท่านห้ามฆ่าสัตว์แต่ท่านใช้คำว่าควรเว้น เมื่อไม่ฆ่าสัตว์ แล้วจะเอาเนื้อสัตว์มาจากไหน แต่ท่านมิได้ห้ามปราม
เพราะมนุษย์นั้น มีทั้งที่สอนได้ และสอนไม่ได้ ท่านให้คิดเอาเอง เพื่อจะได้ไม่ต้องมีปัญหามาถกเถียงทะเลาะกันในภายหน้า ท่านนั้นมิห้าม คือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ห้ามก็มีปัญหา ไม่ห้ามก็มีปัญหา ให้คิดเอาเอง ถึงสิ่งที่ถูกต้องที่สุด
ท่านเพียงแต่แนะสิ่งที่ควรเป็นให้เท่านั้น พระองค์ทรงไม่ประกาศเป็นกฎ เพราะจะเป็นการสร้างกำแพงแบ่งแยกแล้วมาทะเลาะกันซะเปล่าๆ
พระองค์ทรงฉลาดและทำถูกต้องแล้ว ปล่อยให้คิดเอาเองไม่ดีกว่าหรือ มีคนใส่บาตร เอาเนื้อสัตว์มาใส่มาให้พระองค์ พระองค์ก็ทรงรับมิได้ว่ากล่าวสิ่งใด พระองค์ทรงใช้ปัญญาในการฉันท์ โดยไม่เบียดเบียนเนื้อสัตว์ทรงฉันท์ในส่วนดีบริจาคในส่วนเลว ช่วงหลังๆก็จะรู้กันเองว่าพระองค์ไม่ฉันท์เนื้อสัตว์ ซึ่งพระองค์มิได้บอกว่าฉันท์หรือไม่ฉันท์เนื้อสัตว์ ให้ดูกันเอาเอง
ซึ่งพระองค์ก็พร่ำสอน ควรเว้นเสียจากการเบียดเบียนชีวิตผู้อื่นซะ ทำไมไม่ใช้ปัญญาคิดเอาเอง จะต้องให้พระพุทธเจ้าบอกทุกเรื่องหรือ ลองคิดดูหากพระพุทธเจ้า ท่านบอกว่าให้กินเนื้อสัตว์ได้ แสดงว่า พระพุทธเจ้านั้นโกหกเรานะซิเพราะศีลข้อที่ 1 พระองค์เป็นคนบอกเองว่า ให้ควรเว้นเสีย จากการฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต แล้วพระองค์จะมาบอกให้กินได้นั้น แม้จะเห็นหรือไม่เห็นการฆ่าลองถามใจตัวเองดูก่อนว่าขั้นตอนนั้นก่อนมาเป็นอาหารนั้นเป็นมายังไง จะมาบอกว่าเราไม่รู้เรากินได้ มันจะมายังไงเราไม่สน เรากินได้เราไม่รู้มันมาอย่างไรอาหารนี้ ถามใจตัวเองดูดังๆว่ามันเป็นไปได้หรือที่เราไม่รู้ หรือเราแกล้งไม่รู้ซะมากกว่า หาทางแก้ตัวเพื่อจะกินเค้าซะมากกว่า บางคนบอกว่าเอาทุกอย่างรวมกัน แล้วไม่รู้อะไรเป็นอะไร
เป็นไปได้หรือ ซักวันมีคนเอาของน่าเกลียดใส่รวมคนไปให้เรากิน ทั้งที่เรารู้จะบอกว่าไม่รู้กินได้เราจะกินได้ไหม หากสิ่งนั้นเป็นสิ่งชวนอ๊วก อาหารชั้นดีใส่รวมไปใครก็กินได้ไม่เห็นแปลกเลย ลองหยิบของชวนอ๊วกใส่รวมไปด้วยซิจะกินได้ไหม เราแยกออกนี่ว่าอะไรเป็นอะไรใช้ปัญญาคิดดู อย่าเอาแต่พึ่งพระพุทธเจ้า ว่าอันนี้พระพุทธเจ้าบอกว่าใช้ได้จึงทำอันนี้ใช้ไม่ได้จึงไม่ทำ บางอย่างคิดเอาเองบ้างลองคิดถึงชีวิตเราซิ เรารักชีวิตหรือเปล่า เรากลัวไหมหากมีคนถืออาวุธจะมาทำร้ายฆ่าเราเราจะกลัวไหม หรือคิดว่าชีวิตคนอื่นนั้นมีค่าน้อยกว่าเรา เรามีค่ามากกว่า เรากินได้ไม่ผิด
เรากลัวว่าถ้าเราไม่กิน เราจะขาดสารอาหาร วัวควายช้างม้าตัวเบ่อเริ่มมันกินอะไรกัน คิดถึงแต่จะเอาชีวิตคนอื่น มาเติมเป็นสารอาหารให้กับเรา แล้วชีวิตเราหล่ะ เราอยากเป็นสารอาหารให้กับชีวิตคนอื่นหรือเปล่า ใช้ปัญญาคิดเอาเองบ้างซิครับ
พระองค์ทรงแนะแนวทางให้เราใช้ปัญญา ไม่สร้างกำแพงใด ๆ ไม่มาแบ่งแยก คนกินได้ คนกินไม่ได้ คนไหนคิดได้ก็ไม่ต้องกิน คนไหนคิดไม่ได้ก็กินไป พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ว่าใครผิดใครถูก ให้คิดเอาเอง ใช้ปัญญาเอาเอง ท่านฉลาด และทำถูกแล้ว
ทุกวันนี้ก็ยังมีคนมาเถียงกันเรื่องนี้ไม่จบซักที คนที่เถียงกันทั้งสองฝ่ายนั่น ใช้ปัญญาหรือยัง พระพุทธเจ้าไม่เถียงทั้งสองฝ่าย ให้คิดเอาเอง คำว่า "ควรเว้นเสียจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต" คำนี้จะเว้นก็ได้ไม่เว้นก็ได้แล้วแต่ท่านจะหาคำใดมาลบล้างกัน ท่านให้ใช้ปัญญาคิดเอาเอง สิ่งไหนดี หรือสิ่งไหนไม่ดี คนเราต้องคิดเป็น
ขนาดพุทธเจ้ายังกล่าวว่า ให้เป็นไปตามกรรมเถิด คนพวกนี้สอนไม่ได้ดอก คนไหนไม่กินเนื้อสัตว์ ผมขออนุโมทนาสาธุด้วย คนไหนกินเนื้อสัตว์ก็กินไปเถิด ผมมิได้ว่าอะไร ก็ขอให้มีความสุขเช่นกัน เราต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างคิด ปัญญาใครปัญญามัน ดังพระท่านว่า นานาจิตตัง ทำดีใจเป็นสุขแค่นั้นพอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น